เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2561 - 18:54

Mercedes-AMG Driving Experience 2018 สัมผัสความเร้าใจที่เหนือระดับ ของรหัสแรงครบทั้งตระกูล

 

          บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำภาพการเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตสายพันธุ์แรงระดับแถวหน้าของโลก จัดกิจกรรม Mercedes-AMG Driving Experience 2018 ครั้งแรกในประเทศไทย ยกทัพยนตรกรรมสปอร์ตสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG ครบทั้งตระกูลกว่า 9 รุ่น ในทุกเซ็กเมนต์ พาสื่อมวลชน และลูกค้าก้าวข้ามขีดความสามารถของตนเองขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการเรียนรู้เทคนิคการขับขี่แบบเต็มสมรรถนะ กับทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพ ดีกรีแชมป์การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

 

Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่ ราคา 4,220,000 บาท

 

Mercedes-Benz C 200 Coupé AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่ ราคา 3,450,000 บาท

 

Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ ราคา 12,790,000 บาท

 

          ทั้งนี้ภายในกิจกรรม Mercedes-AMG Driving Experience 2018 ทาง บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้ทำการเปิดตัวรถยนต์ 3 รุ่นใหม่ อย่างเป็นทางการ ได้แก่

  • Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่ ราคา 4,220,000 บาท
  • Mercedes-Benz C 200 Coupé AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่ ราคา 3,450,000 บาท
  • Mercedes-AMG E 63 S 4MATIC+ ราคา 12,790,000 บาท

          สามารถติดตามรายละเอียดของทั้ง 3 รุ่นใหม่ได้ที่บทความ "Mercedes-Benz ประกาศเปิดตัวยนตรกรรม 3 รุ่นใหม่"

 

กองทัพ Mercedes-AMG พร้อมลุย

 

          ทั้งนี้ทาง บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดเตรียมยนตรกรรมสมรรถนะสูงจากแบรนด์ Mercedes-AMG มาให้ได้ทดลองขับกันหลากหลายรุ่น อาทิ Mercedes-AMG SLC 43, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG A 45 4MATICMercedes-AMG GLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG GT C และ Mercedes-AMG GT R ซึ่งนอกจากที่จะได้สัมผัสความเร้าใจ และสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือชั้นของยนตรกรรม Mercedes-AMG หลากหลายรุ่นแล้ว ยังเป็นการฝึกทักษะการขับขี่ความปลอดภัย และเทคนิคการขับรถขั้นสูงจากทีม Instructor ดีกรีระดับแชมป์โลกที่ทาง Mercedes-Benz ส่งมาอบรมอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

 

ทีมงาน Instructor ระดับแชมป์ GT สั่งตรงมาจากประเทศออสเตรเลีย

 

อบรมทักษะการขับขี่อย่างใกล้ชิด พร้อมนำไปปฏิบัติในสถานการณ์จริง

 

          โดยกิจกรรม “Mercedes-AMG Driving Experience 2018” จะแบ่งผู้เข้ารับการอบรมออกเป็นกลุ่มต่างๆ และแบ่งการทดสอบออกเป็น 4 สถานี ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับประสบการณ์จริงจากการฝึกทักษะแต่ละด้าน และได้รับทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากสมรรถนะอันยอดเยี่ยม เทคโนโลยี และนวัตกรรมอันก้าวล้ำ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแนวคิดในการผลิตรถยนต์ Mercedes-AMG ทุกรุ่น รวมไปถึงการได้สัมผัสความเร้าใจของยนตรกรรม Mercedes-AMG แบบ Full Track ในสนามช้างฯ อีกด้วย

 

เบรคจนระบบ ABS ทำงาน และหักหลบกระทันหันตามสัญญาณไฟ เพื่อไปจอดในจุดปลอดภัย

 

สถานีที่ 1 “Brake and Swerve”

          โดยสถานีนี้เป็นการทดสอบระบบเบรค และระบบความปลอดภัย อันได้แก่ระบบ ESP และระบบเบรคป้องกันล้อล็อก ABS โดยออกสตาร์ทจากจุดเริ่มต้น แล้วขับมาด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. จากนั้นทำการเบรคจนระบบ ABS ทำงาน และหักหลบอุปสรรค์ทั้งซ้าย และขวา ซึ่งอุปสรรค์ที่ว่านี้จะทำการสุ่มเลือกว่าจะกำหนดให้เราไปทางซ้าย หรือทางขวากันแน่ โดยจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับ และกระพริบไฟซ้าย (ให้เราไปทางซ้าย) กระพริบไฟขวา (ให้เราไปทางขวา) โดยที่ข้างหน้ามีไพล่อนตั้งจำลองเป็นอุปสรรค์ที่จะต้องให้เราหลบไปให้ได้ ซึ่งจะต้องเบรคจนระบบ ABS ทำงาน และหักพวงมาลัยอย่างไวจนไปถึงจุดปลอดภัย และเบรคจนรถหยุดนิ่งให้อยู่ในจุดที่กำหนด ซึ่งบอกเลยว่าสถานีนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้เมื่อเกิดสถานการณ์จริงในชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัยแน่นอน

 

หักหลบอุปสรรค์โดยไม่มีการแตะเบรค ปล่อยให้ระบบ ESP ทำงาน และชะลอความเร็วลง 30 กม./ชม. โดยอัตโนมัติ

 

สถานีที่ 2 “ESP® Exercise”

          เป็นการทดสอบโดยอิงจากสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้จริงในชีวิตประจำวัน ด้วยการเปรียบเทียบสิ่งกีดขวางเป็นคนเดินถนน ผู้ขับขี่จะได้ทดสอบทั้งการควบคุมการขับขี่ในสถานการณ์คับขัน และทักษะการใช้สายตาเพื่อกะระยะทาง โดยผู้เข้าร่วมทดสอบจะได้ขับรถออกจากจุดเริ่มต้นด้วยความเร็วประมาณ 80 กม./ชม. แล้วหักเลี้ยวหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ด้านขวามือโดยไม่เหยียบเบรค และต้องควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางที่ต้องการจะไป โดยมองไปในทิศทางที่ต้องการบังคับรถ ซึ่งการควบคุมรถในลักษณะนี้ จะทำให้ระบบ ESP ทำงาน และลดความเร็วของรถยนต์ลง 30 กม./ชม.

 

บอกตรงๆ ว่า Mercedes-AMG A45 4MATIC ค่อนข้างที่จะได้เปรียบในด่านนี้

 

สถานีที่ 3 “Motorkhana”

          สถานีนี้เป็นสถานีที่ทีมงาน BoxzaRacing ชอบมาก เพราะเป็นสถานีการขับในรูปแบบ Gymkhana ซึ่งมีการจับเวลา และการแข่งขันเข้ามาสร้างความท้าทายอีกด้วย โดยสถานีนี้จะให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบได้ฝึกบังคับรถยนต์ในสนามจำลองเล็กๆ ที่มีอุปสรรคมากมายภายในเวลาที่รวดเร็วที่สุด และปลอดภัยที่สุด โดยไม่ชนสิ่งกีดขวางใดๆ เลย (ถ้าชนกรวยจะ + เวลาเพิ่ม) ซึ่งก็มีตั้งแต่ก็ขับแบบ Slalom, Snake Line, U- Turn แคบๆ และการเบรคให้อยู่ในจุดที่กำหนด (เกิน หรือขาด + เวลาเพิ่ม) ซึ่งนอกจากจะได้ทดสอบสมรรถนะของรถตระกูล AMG อย่างถ่องแท้แล้ว ยังเป็นการวัดระดับฝีมือของตัวผู้ขับเองด้วย ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์จริงบนท้องถนนได้เป็นอย่างดี

 

เข้านอก ชิดใน กดคันเร่งออกให้ไว สไตล์ Racing Line

 

สถานีที่ 4 “Cornering Theory”

          สำหรับสถานีสุดท้ายนี้ เป็นการฝึกขับแบบ Racing Line ซึ่งเป็นสถานีทดสอบการเข้าโค้ง ที่จะใช้พื้นที่โค้งภายในสนามทั้งหมด 4 โค้งด้วยกัน ซึ่งแต่ละโค้งจะมีความกว้างแตกต่างกันไป ทำให้ผู้ขับขี่ได้ทดสอบการควบคุมความเร็วของรถยนต์ได้อย่างเต็มที่ โดยในแต่จะโค้งจะมีสิ่งกีดขวางที่วางไว้เป็นเสมือนสัญลักษณ์ให้กับผู้เข้าร่วมการทดสอบได้ทราบถึงสิ่งที่ควรทำเมื่อเข้าโค้งนั้นๆ เช่น จุดที่ต้องเบรก จุดที่ต้องหักเลี้ยว หรือจุดเอเป็กซึ่งเป็นจุดที่สามารถเดินคันเร่งส่งรถออกไปจากโค้งได้ปลอดภัย และรวดเร็วที่สุด เป็นต้น

 

ทีมงาน BoxzaRacing ได้โอกาสลงไปหวด Mercedes-AMG GT C ในสนามช้างฯ

 

          นอกจากสถานีการฝึกทั้ง 4 สถานี้แล้ว ในช่วงบ่ายยังเป็นการได้ทดลองขับยนตรกรรม Mercedes-AMG ในสนามช้างฯ แบบเต็มรอบอีกด้วย แต่ทว่าทีมงาน BoxzaRacing ถูกจัดให้ได้รับเกียรติพิเศษ เป็น 1 ใน 12 นักข่าว ที่มีสิทธิได้ขับ Mercedes-AMG GT C ยนตรกรรม Sport Roadster ตัวแรงระดับ 558 แรงม้า เจ้าของค่าตัวมูลค่า 16.8 ล้านบาท ซึ่งมี Instructor ระดับแชมป์ GT นั่งคู่ไปด้วย เพื่อบอกไลน์ และควบคุมการขับขี่อย่างใกล้ชิด

 

หล่อ หรู ดูแพง และโคตรแรง นี่คือคำนิยามของ Mercedes-AMG GT C

 

          ต้องบอกว่านี่คือประสบการณ์ครั้งแรก ที่มีโอกาสได้ขับรถระดับ Supercar ในแทร็กสนามแข่งระดับโลก ซึ่งครั้งแรกที่ได้ขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัยของ Mercedes-AMG GT C ก็รับรู้ได้ถึงความสปอร์ต และความเร้าใจที่กำลังจะเกิดขึ้น เบาะนั่งมีความต่ำตามจุดศูนย์ถ่วงที่ถูกเซ็ตไว้เพื่อการขับขี่ที่โคตรสปอร์ต ตัวรถเป็นแบบ Roadster หน้ายาวท้ายสั้นเปิดประทุน เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเต็มอารมณ์เครื่องยนต์แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ เพียงกดคันเร่งไปเบาๆ ตัวรถก็พุ่งทะยานออกไปอย่างไม่รีรอ เมื่อผ่านโค้ง 1 ทีมงาน BoxzaRacing ก็ไม่รอช้า รีบกดคันเร่งเรียกพลังของเจ้า GT C ออกมาดูความเร้าใจกันหน่อย ซึ่งจับจังหวะได้ว่าเกียร์ทั้ง 7 แบบ Dual Clutch AMG Speedshift DCT ยังไม่ทันได้เปลี่ยนขึ้นถึงเกียร์ 6 ความเร็วของรถก็พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 200 กม./ชม. เสียแล้ว จนไปถึงจุดเบรคในโค้งที่ 2 ที่เป็นโค้ง U-Turn หักศอก Instructor ผู้เป็นนักแข่งระดับ GT ที่นั่งไปด้วยก็ส่งสัญญาณให้ Slow & Brake ซึ่งผมก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด (ไม่งั้นมีพุ่งออกไปกินกรวดแน่นอน) หลังจากเกาะไลน์โค้งแบบเนียนๆ เหมือนที่ได้เรียนมาเมื่อเช้าแล้ว นักแข่ง GT ก็บอกว่า Push (กดคันเร่ง) ด้วยความที่ร้อนวิชาก็จุ่มลงไปแบบทะลุพรมหม (มิดแป้น) ล้อหลังมีอาการขวางเล็กน้อย (ตามสไตล์รถขับหลัง 558 แรงม้า) เสียงเครื่องยนต์ และลูก Backfire ก็ดังกระหึ่ม สะท้านเต็มอารมณ์ ทำอยู่อย่างนี้จนครบรอบสนามช้างฯ ซึ่งก็จำไม่ได้ว่าใช้เวลาเท่าไหร่ แต่รู้ว่ามันผ่านไปอย่างรวดเร็วมากๆ และเจ้า Mercedes-AMG GT C ก็ดูทีท่าว่ายังสามารถที่จะกดเวลาลงได้เร็วกว่านี้อีกเสียด้วย ซึ่งต้องบอกว่านี่คือ Sport Roadster ตัวแรง ที่ดูภายนอกสุขุม หล่อ เท่ หากใครพบเจ้าปีศาจลำนี้บนท้องถนน ผมขอแนะนำให้หลบซ้ายปล่อยให้พี่ GT C เขาไปก่อนได้เลย ไม่ต้องไปตามให้เหนื่อย

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook