จากที่ทีมงานเขานำเสนอบทความเรื่อง 8 สิ่ง เกี่ยวกับรถ ที่ควรเช็คเบื้องต้นเป็นประจำ คราวนี้ทีมงานจะพาคุณไปดูวิธีการตรวจเช็ค แบตเตอรี่รถยนต์ ว่าสภาพเป็นอย่างไร พร้อมใช้งานไหม มีไฟพอหรือเปล่า น้ำกลั่นอยู่ในระดับที่กำหนดไว้ไหม เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ของรถคุณให้ยาวนานยิ่งขึ้น
แบตเตอรี่ ถือว่าเป็นที่เก็บกำลังไฟสำรอง เพื่อนำกำลังไฟไปปั่นมอเตอร์สตาร์ทของเครื่องยนต์ ทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดขึ้นมา หรือจ่ายไฟสำรองเข้าสู่อุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถยนต์ ในกรณีที่ไดชาร์จผลิตไฟไม่ทันอีกด้วย ดังนั้นถ้าแบตเตอรี่ของเราไฟอ่อน หรือกำลังจะหมด ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รถคุณจะสตาร์ทไม่ติด โดยปกติทั่วไปแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 1.5 - 2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของเราเอง คราวนี้ทีมงานจึงนำขั้นตอนการดูแลรักษาและตรวจเช็คแบตเตอรี่ มาให้เพื่อนๆ ได้ดู
ลองดูว่าไฟแผงหน้าปัดสว่างเป็นปรกติไหม ถ้าไม่ลองสันนิฐานไว้ก่อนว่าไฟแบตเตอรี่อ่อน
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าถ้าแบตเตอรี่ไฟไม่พอหรือไฟไม่มี เราก็จะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงละว่า แบตเตอรี่ มีไฟพอหรือเปล่า ไม่ยาก...สังเกตง่ายๆ เวลาที่คุณบิดสวิทช์ กุญแจ ON คุณลองสังเกตไฟที่นาฬิการถของคุณ หรือลองสังเกตไฟที่แผงหน้าปัดดูว่า ไฟนั้นสว่างเหมือนเดิมหรือเปล่า หรือในจังหวะที่สตาร์ทเครื่องยนต์เครื่องสตาร์ทติดง่ายไหม จากปกติเครื่องจะสตาร์ทแค่ 2 ครั้งติด อาจจะสตาร์ทประมาณ 4 ครั้งติด เราก็ควรที่จะต้องมาตรวจเช็คแบตเตอรี่ของรถเราเองได้แล้วว่า ไฟในแบตเตอรี่มีพอไหม น้ำกลั่นแบตเตอรี่อยู่ในระดับที่กำหนดหรือเปล่า ทีมงานจึงอยากนำเสนอขั้นตอนการตรวจเช็คและเติมน้ำกลั่นแบตเตอรี่ให้คุณได้ลองเช็คเองที่บ้านได้
เปิดฝากระโปรงรถขึ้นมาแล้ว ไปดูที่ตัวแบตเตอรี่จะอยู่ฝั่งซ้ายหรือฝั่งขวาของรถแต่ละรุ่นก็จะแตกต่างกันออกไป จากนั้นเราเข้าไปดูที่ตัวแบตเตอรี่กันก่อนเลยว่ามีไฟไหม แบตเตอรี่จะแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ แบบน้ำ, แบบแห้ง และแบตกึ่งแห้ง
ซึ่งช่องตาแมวที่บ่งบอกสถานะจะคล้ายๆ กัน โดยช่องตาแมวของแบตน้ำ จะบอกว่าไฟในแบตลูกนั้นมีไฟเต็มพร้อมใช้งานไหม บอกว่าน้ำกลั่นน้อยหรือเปล่า หรือไฟอ่อนควรที่จะชาร์จไฟ ส่วนตาแมวสำหรับแบตแห้ง จะบอกว่าไฟเต็ม ไฟอ่อน และแบตเสื่อมแล้ว โดยที่ตัวแบตเองจะมีสัญลักษณ์พวกนี้ติดอยู่ลองสังเกตดู
ถ้าไฟในแบตเตอรี่อ่อน เราก็ควรที่จะถอดแบตเตอรี่ออกไปชาร์จไฟที่ร้าน หรือเราจะใช้เครื่องชาร์จไฟแบตเตอรี่มาชาร์จไฟแบตเตอรี่ให้เต็มเองที่บ้านก็ได้ ถ้าคุณมีอุปกรณ์ตัวนี้อยู่แล้ว
หลังจากที่ดูว่าแบตเตอรี่ลูกนั้นมีไฟไหม คราวนี้เรามาดูที่ตัวแบตว่ามีรอยร้าวไหม มีคราบเกลือเกาะที่ขั้วแบตหรือเปล่า ถ้ามีให้ใช้น้ำอุ่นราดเข้าไปที่คราบเกลือเพื่อทำความสะอาด โดยคราบเกลือนี้ เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักๆ เกิดจากปฏิกริยาทางเคมีของน้ำกลั่นที่เราเติมล้นออกมา หรือน้ำกลั่นที่เทหกแล้วไม่ได้เช็ด แรกๆ จะไม่ส่งผลอะไร แต่ถ้าเกาะนานวันเข้าก็จะทำให้กระแสไฟไหลผ่านไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่สะดวก จะพาให้อุปกรณ์ไฟฟ้าพังไปด้วย
ต่อมาเรามาดูว่าน้ำกลั่นในแบตเตอรี่อยู่ในระดับที่กำหนดไหม ถ้าไม่อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด เราก็ควรที่จะเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเราสามารถหาซื้อน้ำกลั่นได้ตามร้านอุปกรณ์รถยนต์ทั่วไป ราคาไม่แพง วิธีการเติมก็ไม่ยาก ผมเตรียมผ้ามาหนึ่งพื้นเพื่อป้องกันน้ำกลั่นกระเด็น จากนั้นก็ค่อยๆ เติมน้ำกลั่นเข้าไปจนถึงระดับในช่องเติมน้ำกลั่น อย่าเติมน้ำกลั่นเกินกว่าระดับที่กำหนด เพราะจะเป็นสาเหตุให้เกลือมาเกาะที่ตัวแบตเตอรี่เร็วและสกปรก แต่ถ้าเติมน้ำกลั่นน้อยเกินไป จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติ
หลังจากที่เราเติมน้ำกลั่นเสร็จแล้ว ปิดฝาช่องที่เติมน้ำกลั่นเรียบร้อย เราก็เช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย ซึ่งการเช็คแบตเตอรี่เราควรที่จะทำประมาณอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อยืดอายุการใช้งานให้กับแบตเตอรี่ของรถคุณ และถ้าให้ดีเราควรจะหาเกจ์วัด Volt Meter มาติดตั้งเข้าไปที่รถเพื่อที่เราจะสามารถทราบว่ากระแสไฟในแบตเตอรี่ของเราอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไหม เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการดูค่าของกระแสไฟในรถยนต์ของคุณ