เขียนโดย: IronCaptain

เมื่อ: 21 มิถุนายน 2558 - 15:20

Shell สนับสนุนหลักในการจัดงาน TEDx Talk Bangkok 2015

 

Shell สนับสนุนหลักในการจัดงาน TEDx Talk Bangkok 2015 พร้อมเชื่อว่าพลังความคิดสามารถเปลี่ยนทัศนคติ และวิถีชีวิตของผู้คนได้



          TED เชื่อว่าพลังของความคิดสามารถเปลี่ยนทัศนคติ และวิถีชีวิตของผู้คน ไปจนถึงโลกใบนี้ได้ เช่นเดียวกับเชลล์หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักในการจัดงาน TEDx Talk Bangkok 2015 ซึ่งเชื่อว่าพลังความคิด พลังสร้างสรรค์ของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน คือปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองในฝันของใครหลายคนได้อย่างที่ตั้งใจไว้ จึงควรจะเริ่มต้นออกแบบกันตั้งแต่วันนี้ เพราะทุกสิ่งที่เราทำหรือตัดสินใจในวันนี้  จะมีส่วนกำหนดคุณภาพชีวิตของเมืองที่เราจะอาศัยต่อไป

 

          เชลล์จึงได้เชิญชวนผู้บรรยาย และผู้เข้าร่วมงาน TEDx Bangkok 2015  แสดงความคิดเห็นด้วยคำถามที่ว่า 1 สิ่งที่จะทำให้กรุงเทพเป็นเมืองหลวงในฝันของคุณคืออะไร 

มุมมองความคิดเห็นจากผู้บรรยายและผู้เข้าร่วมงาน TDEx Bangkok 2015



คุณอริยะ พนมยงค์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ กูเกิล ประเทศไทย

          “ผมชอบเมืองที่สามารถเดินได้ และเมืองที่มีสีเขียวเยอะๆ

 



คุณวรรณสิงค์ ประเสริฐกุล นักเดินทางและผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์

          “อยากให้มีศิลปะผสมผสานกับชีวิตคนครับ คือถ้าไปเมืองต่างๆ ในยุโรปจะเห็นว่าเขามีศิลปะในด้านการแสดงเต็มบ้านเต็มเมือง แล้วก็มีศิลปะที่เห็นในชีวิตประจำวัน ทุกคนสามารถเอาอะไรในชีวิตประจำวันมาสร้างสรรค์ได้”

 



คุณณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้ก่อตั้งร้านหนังสือดิจิตัลอุ๊คบี

          “อยากให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองในฝันของ startup ครับ”

 



          จากผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นจำนวนทั้งหมด 118 คน ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในช่วงอายุ 20-50 ปี  พบว่าคำตอบยอดฮิตที่หลายคนพูดถึงสูงที่สุดร้อยละ 27 คืออยากให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีพื้นที่สีเขียว (greenspace) มากขึ้น มีบรรยากาศร่มรื่น เป็นเมืองที่สะอาด รองลงมาคือ ร้อยละ 24 อยากเห็นกรุงเทพฯ มีการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่สะดวก ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงกันทุกระบบ ทั้งการจ่ายเงินค่าโดยสาร และการเดินทาง เช่น บัตรโดยสารเดียวที่ใช้ได้ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และรถเมล์ รวมทั้งมีระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมต่อกัน สะดวก ปลอดภัย และให้ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างเท่าเทียมกัน

          นอกจากนี้ร้อยละ 20 อยากให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีรอยยิ้ม และมิตรภาพ ลดความขัดแย้ง ลดอคติ ช่วยเหลือกัน และทำประโยชน์ให้สังคม ซึ่งทุกคนรู้จักหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง มีระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย และสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น โดยเริ่มที่ตัวเราเองก่อน เพื่อเป็นระลอกคลื่นกระเพื่อมให้เกิดพลังต่อไปในสังคม

          ส่วนอีกร้อยละ 8 อยากให้ถนนเล็กลง ทำทางเท้าให้ใหญ่ขึ้น เพื่อเป็นเมืองที่ผู้คนสัญจรไปมาด้วยการเดิน ขี่จักรยาน มีต้นไม้ร่มรื่นตลอดทาง ต่อด้วยแต่ละซอยเชื่อมต่อเส้นทางกัน เป็นเมืองที่เป็นมิตรกับคนเดินเท้า และสำหรับใครที่คิดว่าคนกรุงเทพฯ ไม่ชอบเดิน ผศ.ดร.นิรมล กุลศรีสมบัติ ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง หนึ่งในผู้บรรยายจากงานได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า จากผลการสำรวจของคนกรุงเทพฯ ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ในช่วงอายุระหว่าง 10 – 70 ปี พบว่าระยะทางเฉลี่ยที่ไกลที่สุดที่คนกรุงเทพฯ พอใจจะเดินเท้าไปยังสถานที่ต่างๆ คือประมาณ 800 เมตรหรือประมาณ 10 นาที โดยคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่พร้อมที่จะเดิน หากมีการจัดการกับอุปสรรคที่กีดขวางทางเดินเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการไม่มีร่มเงาบังแดด และฝน ทางเดินมืด แสงสว่างไม่เพียงพอ ทางเท้าสกปรก มีขยะมูลฝอย ทางเท้าเป็นหลุมเป็นบ่อ หรือไม่ราบเรียบ



         การศึกษาล่าสุดของเชลล์ในหัวข้อ “เชลล์มองผ่านเลนส์สู่เมืองแห่งอนาคต” (New Lenses on Future Cities) พบว่าเมืองที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่นสามารถเป็นเมืองที่น่าใช้ชีวิตได้ ตราบใดที่มีการออกแบบ และมีการจัดการโครงสร้างสาธารณูปโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในแง่ของระบบขนส่งสาธารณะ และบริการต่างๆ เพื่อให้เป็นเมืองที่มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมือง โดยเฉพาะโอกาสในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และความร่วมมือในการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ

         แน่นอนว่าไม่มีสูตรสำเร็จ และไม่มีการออกแบบใดที่จะเหมาะสมกับทุกเมือง เพราะเมืองที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่นสามารถเป็นเมืองที่น่าอยู่ได้ ตราบใดที่มีการออกแบบ และการจัดการที่ดี ลดการเพิ่มก๊าซเรือนกระจก คุณภาพชีวิตของคนอาศัยในเมืองก็จะดีขึ้น

 

 

 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook