เขียนโดย: AEFOTO

เมื่อ: 21 มกราคม 2563 - 11:35

Laffite G-Tec X-Road ซูเปอร์คาร์ในร่างออฟโรดยกสูง พละกำลังแรงม้า 720 ตัว ราคาเริ่มที่ 14.1 ล้านบาท

 

          ถ้าใครยังจำภาพรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของออฟโรดในทรงซุปเปอร์คาร์สุดหรูของ Zarooq SandRacer 500GT ที่เคยมีถิ่นฐานอยู่ในดินแดนอาหรับ ที่ประเทศ UAE เมือหลายปีก่อน ซึ่งในตอนนั้น ก็เรียกความฮือฮาได่อย่างพอสมควรเพราะด้วยเรือนร่างที่ที่สะดุดตาในทรงออฟโรด แต่มีความงดงามปราดเปรียวดั่งรถซุปเปอร์คาร์สุดหรู อีกทั้งยังมากับพละกำลังแรงม้าที่พร้อมตะลุยไปบนพื้นทรายที่มากถึง 525 ตัว 

 

 

           ล่าสุดซูเปอร์คาร์ในร่างออฟโรดยกสูง คันดังกล่าวได้อวตารกลับมาอีกครั้ง ที่มาพร้อมกับชื่อใหม่ และสังกัดใหม่ โดยมาในชื่อ Laffite G-Tec X-Road พร้อมย้ายการผลิตจาก UAE มายังรัฐแคลิฟอร์เนีย ภายใต้บริษัทใหม่ที่ชื่อว่า Laffite Supercars

 

 

          Laffite G-Tec X-Road ซูเปอร์คาร์ในร่างออฟโรดสูง ได้ทำกาปรับบุคลิคต่างจากเดิมเล็กน้อย แต่ในด้านพละกำังถูกปรุงแต่งให้รีดพละกำลังให้เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีแรงม้า 525 ตัว ให้เพิ่มขึ้นถึง 720 แรงม้า ที่พร้อมตะลุยได้ทุกทาง

 

 

          Laffite G-Tec X-Road ได้กำเนิดขึ้นมาใหม่จากฝีมือของ Bruno Laffite หลานชายของ Jacques Laffite ผู้ที่เคยชนะเลิศในรายการ F1 ถึง 6 สมัย หลังจากที่ Bruno Laffite ได้แยกทางกับนักออกแบบที่เคยร่วมทำงานกันที่บริษัท Zarooq Motors ใน UAE โดยทาง Bruno Laffite นั้นได้ร่วมกับ Laetitia Laffite ผู้เป็นภรรยาได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ที่ชื่อว่า Laffite Supercars ขึ้นที่ สหรัฐอเมริกาฯ

 

 

          ซึ่งทางบริษัท Laffite ที่ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่นี้มีได้รวบรวมบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญต่างๆ ไว้อย่างมาก จึงทำให้ บริษัท Laffite นั้นมีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบยานยนต์และการสร้างรถยนต์แนวคิดและโมเดลรถซีรีย์ที่สร้างในจำนวนจำกัด ที่พร้อมใช้บนท้องถนนจริง 

 

 

          ดังนั้นทางบริษัท Laffite จึงได้จัดเตรียมรถรุ่นใหม่สไตส์ออฟโรดซูเปอร์คาร์ที่มีความคล้ายกับรุ่นเดิมแต่มีความทรงพลังยิ่งกว่า นอกจากนี้ออฟโรดซูเปอร์คาร์รุ่นรุ่นใหม่ของทาง Laffite นี้ไยังด้รับความร่วมมือกับบริษัท G-Tec ของ Philippe Gautheron ซึ่งคอยช่วยเหลือในด้านวิศวกรรม ร่วมถึงการออกแบบในส่วนแชสซี ซึ่งแชสซีของ Laffite G-Tec X-Road นั้น ถูกผลิตขึ้นมาจากเหล็กโครเมียมโมลิบดีนัม ที่เป็นเหล็กกล้าผสมโครเมียมทีมีคุณสมบัติ ทนความร้อนสูง ทนการสึกหรอ รวมทั้งยังมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้นการเหล็กทั่วไป โดยผู้ผลิตทั้ง 2 บริษัท กล่าวว่า Laffite G-Tec X-Road จะเป็น    ซุเปอร์คาร์ ที่สามารถวิ่งได้ทุกสภาพถนน เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง สมรรถนะ และความหรูหรา ในรถคันเดียว

 

 

          Laffite G-Tec X-Road ตัวถังจะถูกผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนแชสซีส์เป็นแบบ Tube Frame ที่ผลิตจากเหล็กโครเมียมโมลิบดีนัม โดย Laffite G-Tec X-Road จะมีความสามารถเพิ่ม-ลดความสูงของตัวรถได้ตามสภาพการขับ ด้านพละกำลังของ Laffite G-Tec X-Road จะมากับขุมพลังเครื่องยนต์ GM LS3 6.2 ลิตร V8 ที่ให้กำลังสูงสุด 720 แรงม้า ไปยังล้อหลัง ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ซีเควนเชียล 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง มีน้ำหนักตัวรถอยู่ที่ 1,300 กิโลกรัม มีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักอยู่ที่ 1.85 กก. ต่อ ม้า 1ตัว โดย Laffite G-Tec X-Road สามารถทำความเร็วได้สูงสุดได้ถึง 230 กม./ชม. ระบบช่วงล่าง Laffite G-Tec X-Road จะมากับล้อสไตล์ออฟโรดสีดำขนาด 17 นิ้ว ที่ถูรัดด้วยยาง BF Goodrich ขนาดใหญ่ ที่สามารถลุยได้ทุกสภาพพื้นที่บนทะเลทราย

 

 

          Laffite G-Tec X-Road จะถูกผลิตที่ใน ลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจะผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 30 คันเท่านั้น มีราคาเริ่มต้นที่ 465,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 14.1 ล้านบาท พร้อมส่งมอบปลายปี 2020 นอกจากนั้นทาง Laffite Supercars ยังมีแผนงานในอนาคตว่าจะเปิดตัวในเวอร์ชั่นแบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียวๆ แต่ข้อมูลยังไม่มีการเปิดเผยออกมา เพียงแต่บอกถึงว่าราคาของ ในรุ่นขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจะมีราคาเรื่มต้นประมาณ 545,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือราว 16.5 ล้านบาท 

 

Cr.carscoops.com

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook