เขียนโดย: AEFOTO

เมื่อ: 14 มกราคม 2563 - 13:30

Honda City 2020 vs. Mazda 2 เทียบซีดาน B-Segment สเปคเด็ด ใครจะเจ๋งกว่าใคร

           ถ้าหากพูดถึงรถยนต์ที่มียอดขายสูงเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทย รถซีดาน 4 ประตู B-Segment  ถือเป็นอีกหนึ่งเซ็กเมนต์ที่ได้รับความนิยม ด้วยเพราะเป็นรถที่มีขนาดไม่เล็กเกินไป และไม่ใหญ่เทอะทะจนเกินตัว อีกทั้งในเรื่องราคานั้นอยู่ในเกณฑ์ที่เข้าถึงง่าย และในบ้านเรานั้นก็มีตัวเลือกรถยนต์ในเซกเม้นท์นี้อยู่มากมายหลายค่าย โดยล่าสุดเมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านบรรดารถซิตี้คาร์ที่เป็นแบบซีดาน 4 ประตูนั้น ได้ทยอยเปิดเปิดเผยโฉมกันออกมาให้เลือกช๊อป เลือกใช้กันอย่างเต็มตลาด 

           โดยวันนี้ทางทีมงาน BoxzaRacing.com ได้เลือกคู่เปรียบเทียบ ระหว่างเจ้าตลาด Honda ที่เปิดตัวรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Honda City 2020 ที่มากับขุมพลังใหม่ 1.0 เทอร์โบ ที่ล่าสุดเมื่อในงาน Motor Expo 2019 กวาดยอดขายไปอย่างถล่มทลาย ที่จะมาประทะกับค่าย Mazda ที่ครั้งหนึ่งเคยแสดงแสนยานุภาพทำยอดขายเป็นอันดับ 1 มาแล้วในรถประเภท B-Segment โดยจะเป็นเป็นตัว Mazda 2 รุ่น Minorchange ที่มากับการปรับเปลี่ยนโฉมกับหน้าตากับหล่อเหลา ตามแบบฉบับ KODO Design และล่าสุดได้ถูกเปิดตัวในงาน Motor Expo 2019 เช่นกัน เรามาลองดูรายละเอียด เทียบสเปคแบบเน้นๆ ใครมีอะไรกันบ้าง โดยเลือกรุ่นท็อปสุดของทั้งคู่ คือ Honda City RS ราคา 739,000 บาท และ Mazda2 Sedan รุ่น 1.5 XDL ราคา 799,000 บาท โดยมีราคาต่างกัน 6 หมื่นบาท อันไหนจะคุ้มราคากว่ากันไปดูกันครับ

 

รูปลักษณ์ภายนอก

Honda City RS

 

 

           Honda City 2020 รุ่น RS ที่เปลี่ยนมุมมองรถซิตี้คาร์ให้ดูสปอร์ตหรูหรามากกว่าที่เคย โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS มาพร้อมกันชนหน้า และกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว สปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว

 

Mazda2 Sedan 1.5 XDL 

 

 

           Mazda2 Sedan 1.5 XDL เป็นรถยนต์ที่ได้รับออกแบบภายใต้แนวคิด KODO design ซึ่งในรุ่นนี้เป็นรุ่น Minorchange ก่อนที่จะได้รับการปรับเปลี่ยนโฉมใหม่หมดในอีกเร็ววันข้างหน้า กระจังหน้าปรับดีไซน์ใหม่แบบรังผึ้ง เหมือนรุ่นพี่ๆอย่าง Mazda3 และใน CX-5, ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ทรงให้ดูเพรียว โฉบเฉี่ยวมากกว่าเดิม, ชายกันชนด้านล่างใช้เป็นแนวส้นตรงเดียวแบบเพรียวบาง เสริมด้วยโครเมี่ยมเพิ่มความหรูหรา, เช่นเดียวกันกันชนหลังที่แต่งเติมเสริมความหรูหราด้วยเส้นสายโครเมียม, ไฟท้ายดีไซน์ใหม่ที่จัดเรียงรายละเอียดภายใน รวมถึงล้ออัลลอยใหม่ดีไซน์หรู สีเงินปัดเงา ขนาด 16 นิ้ว

            ด้านบุคลิกตัวรถได้รับการออกแบบจนดูมีความแตกต่างอย่างชัดเจน แต่ "มิติตัวถัง" จะมีรายละเอียดที่ต่างกัน โดยรถทั้ง 2 รุ่น จะมีความแตกต่างด้วยกันดังตารางด้านล่างนี้

 

 มิติตัวถัง  Honda City 2020 RS  Mazda 2 Sedan 1.5 XDL
 ความกว้าง (มม.) 1,748   1,695 x
  ความยาว (มม.)   4,553    4,340
  ความสูง (มม.)  1,467   1,470
 ระยะห่างระหว่างล้อคู่ หน้า-หลัง (มม.)  1,497 / 1,483  1,495/1,485
  ระยะฐานล้อ (มม.)  2,589  2,570
 ระยะต่ำสุดจากพื้น (มม.)  135  143
  น้ำหนักรถ (กก.)  1,165  1,174

 

           ซึ่งเทียบมิติตัวรถทั้ง Honda City 2020 RS และ Mazda2 Sedan 1.5 XDL จะเห็นได้ว่า ทั้งสองคันนั้น จะมีมิติตัวรถที่ค่อยข้างแตกต่างกัน ซึ่งทาง Mazda2 Sedan 1.5 XDL ดูจะมีขนาดที่เล็กกว่า Honda City 2020 RS ทั้งเรื่องความกว้าง และความยาว ของตัวรถ ซึ่งจะส่งผลต่อห้องโดยสารที่ของทาง Mazda2 Sedan 1.5 XDL จะมีขนาดที่เล็กกว่า Honda City 2020 RS เล็กน้อย ส่วนความสูงนั้นแตกต่างกันเพียง 3 มม. ซึ่งแทบจะไม่มีผลอะไร ด้านรูปลักษณ์ภายนอกนั้น Honda City 2020 ถูกดีไซน์ขึ้นมาหมดทั้งหมดจะมีเหลี่ยมสันคมที่ดูหรูหราและสปอร์ต อีกทั้งยังได้ชุดแต่งแบบ RS เข้ามายกระดับความสปอร์ตให้มากยิ่งขึ้น ส่วน Mazda2 Sedan 1.5 XDL ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Kodo Design มีความเรียบหรู และสง่างาม พร้อมกับแฝงไว้ด้วยความโฉบเฉี่ยว ตามแบบฉบับ Mazda 

 

ฟังช์ชั่นภายในห้องโดยสาร

Honda City RS

 

 

           ภายในตกแต่งด้วยสี เบาะแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนังกลับ ปรับลวยลายใหม่ พร้อมเดินตะเข็บด้ายสีแดงเสริมความร้อนแรงมากยิ่งขึ่น วัสดุตกแต่งคอนโซล Piano Black, บริเวณกรอบแอร์ มือเปิดประตู และคันเกียร์ตกแต่งด้วยโครเมียม,พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมแป้น Paddle Shift, หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ

 

 

           ระบบ Infotainment มากับหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI ช่องเชื่อมต่อ UBS และ Honda Connect เพิ่มความกระหึ่มให้กับระบบเครื่องเสียงด้วยลำโพงถึง 8 ตัว

 

Mazda2 Sedan 1.5 XDL

 

 

           ภายในห้องโดยสารยังมีดีไซน์คล้ายกับรุ่นเดิม แต่ได้รับการเสริมแต่งยกระดับความหรูหรา พรีเมียม ด้วยการคัดสรรวัสดุคุณภาพสูง เบาะนั่งทรงสปอร์ตดีไซน์ใหม่หุ้มด้วยหนังแท้ และหนัง Alcantara ที่ผสมผสานควาามหรูหรา และสปอร์ตเข้ากันอย่างลงตัว, ส่วนแผลงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยหนังสีเทา, เสริมความหรูหราด้วยตกแต่งช่องแอร์ด้วยวัสดุสีเงินชาติน และสีขาว, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ,พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมแป้น Paddle Shift

 

 

          ระบบ Infotainment มากับหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay มาพร้อมช่องต่อ USB กับเครื่อง iPhone ที่สามารถใช้งาน Google Maps หรือ Spotify ขึ้นบนหน้าจอ มาพร้อมระบบจดจำเสียง Voice Recognition, อีกทั้งยังเสริมด้วยระบบ Center Commander ที่ใช้ควบคุม Mazda Connect, ส่วนในระบบเครื่องเสียงมากับลำโพง 6 ตัว

 

 

สมรรถนะและประสิทธิภาพ

 

Honda City RS

 

 

           เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 12 วาล์ว เทอร์โบชาร์จ รีดแรงม้าลงพื้นได้มากถึง 122 ตัว มาพร้อมกับแรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT อัตราประหยัดน้ำมันที่ 23.8 กิโลเมตร/ลิตร

           ระบบช่วงล่างของ All New Honda City RS ด้านล่างหน้าจะเป็นแบบ แม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังจะมาเป็นแบบ ทอร์ชั่นบีม ส่วนระบบเบรคนั้นด้านหน้าจะเป็น ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน ส่วนด้านหลังจะเป็นดรัมเบรก

 

Mazda2 Sedan 1.5 XDL

 

 

           เครื่องยนต์ Skyactiv-D ดีเซล ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบ มอบพละกำลังสูงสุด 105 แรงม้า ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 250 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv-Drive 6 สปีด มาพร้อมแมนนวลโหมด ประหยัดน้ำมันสูงสุดที่ 26.3 กม./ลิตร

           ระบบช่วงล่างของ New Mazda2 Sedan 1.5 XDL ด้านล่างหน้าจะเป็นแบบ แม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังจะเป็นแบบกึ่งอิสระ ทอร์ชั่นบีม ส่วนระบบเบรคนั้นจะเป็นแบบ ดิสก์เบรก ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง

 

    Honda City RS  Mazda2 Sedan 1.5 XDL
  รุ่นเครื่องยนต์  ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 3 สูบ 12 วาล์ว VTEC TURBO  Skyactiv-D 1.5 เทอร์โบ แปรผัน 4 สูบ 16 วาล์ว
 ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี.)   988  1,499
 ความกว้างกระบอกสูบ x ระยะชัก (มม.)   73.0 x 78.7  76.0 x 82.6
 อัตราส่วนกำลังอัด  10.0 : 1  14.8:1
  กำลังสูงสุด (กิโลวัตต์ (PS) / รอบต่อนาที)  90 (122) / 5,500  105 (77) / 4,000
 แรงบิดสูงสุด (นิวตัน - เมตร / รอบต่อนาที)  173 / 2,000 - 4,500  250 / 1,500-2,500
 ระบบส่งกำลัง  CVT (Continuously Variable Transmission)  Skyactiv-Drive อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด Activematic
อัตราทดเฟืองท้าย  5 3.389 
ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง หัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI อิเล็กทรอนิกไดเร็คอินเจ็คชั่น
ระบบช่วงล่างหน้า แม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระพร้อมเหล็กกันโคลง ทอร์ชั่นบีม
ระบบช่วงล่างหลัง แม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระพร้อมเหล็กกันโคลง กึ่งอิสระ ทอร์ชั่นบีม
ขนาดล้อ และยาง สีทูโทน 16 นิ้ว ยาง 185/55R16 สีเงิน 16 นิ้ว ยาง 185/60
ระบบเบรก ด้านหน้าดิสก์เบรก/หลังดรัมเบรก ดิสก์เบรก ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
 รัศมีวงเลี่ยว (เมตร) 5 4.9
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) 40 44
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน กม./ลิตร  23.8  26.3

 

           จะเห็นได้ว่า Honda City RS ถึงแม้จะมีเครื่องยนต์ที่เล็ก แต่จะได้ในความจัดจ้านในเรื่องความเร็วโดยเฉพาะในความเร็วปลายเพราะด้วยแรงม้าที่มากกว่า ส่วนเครื่องยนต์ของ Mazda2 Sedan 1.5 XDL นั้น จะมากับอัตราเร่งที่ดีตั้งแต่ออกตัวเพราะด้วยแรงบิดที่มากถึง 250 นิวตัน-เมตร อีกทั้งในเรื่องความประหยัดเครื่องยนต์ดีเซลนั้น ถือว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีความประหยัดมากกว่าเครื่องยนต์เบนซิน

 

อุปกรณ์เทคโนโลยี และระบบความปลอดภัย

 

ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT

 

 กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ

อุปกรณ์และระบบความปลอดของ Honda City RS

  • ถุงลมคู่หน้า
  • ถุงลมด้านข้างคู่หน้า
  • ม่านถุงด้านข้าง
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบควบคุมการทรงตัว VSA
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกระทันหัน
  • ระบบล็อคประตูรถอัตโนมัติ
  • กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
  • ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
  • กุญแจแบบ Wave Key
  • ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT

อุปกรณ์และระบบความปลอดภัย Mazda2 Sedan 1.5 XDL

 

ระบบแสดงภาพรอบคันแบบ 360 องศา

ระบบควบคุมสมถรรนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC PLUS

 

  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้าแบบ SRS
  • ระบบป้องกันล้อล็อก พร้อมระบบกระจายแรงเบรก ABS EBD BA
  • ระบบป้องกันล้อฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS
  • ระบบควบคุมช่วยการทรงตัว DSC
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HLA
  • กล้องมองหลัง
  • ระบบแสดงภาพรอบคันแบบ 360 องศา
  • ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM
  • ระบบเตือนเมื่อจุดอับสายตาขณะถอย RCTA
  • ระบบควบคุมสมถรรนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC PLUS
  • ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ
  • ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย

           ในอุปกรณ์และระบบความปลอดภัยทั้งคู่ก็จัดมาให้พอๆกัน แต่ทาง Mazda2 จะจัดเพิ่ม และมีมากกว่าในหลายๆส่วน อาทิเช่นระบบแสดงภาพรอบคันแบบ 360 องศา, ระบบเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM และระบบเตือนเมื่อจุดอับสายตาขณะถอย RCTA ที่ทาง Honda ไม่ได้ติดตั้งมาให้ ที่สำคัญที่เป็นไฮไลท์เด็ดของทาง Mazda2 นั่นก็คือ ระบบควบคุมสมถรรนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC PLUS ที่ถูกพัฒนาให้การเข้าโค้งเป็นไปได้ด้วยดี อีกทั้งยังเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำขึ้น อันนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ดูเหนือกว่าทาง Honda City

 

ราคาจำหน่ายของทั้ง 2 รุ่น มีดังนี้

Honda City 

  • Honda City รุ่น RS ราคา 739,000 บาท

 

Mazda 2

  • Mazda2 รุ่น XDL ราคา 799,000 บาท

 

บทสรุป

 

 

          ถ้าจะให้วัดกันตรงๆ ทั้ง 2 ค่ายต่างก็ขนเทคโนโลยีความล้ำสมัยเข้ามาในรถทั้ง 2 รุ่นนี้อย่างเต็มพิกัด  ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกทั้ง 2 ก็มาในแต่ละสไตล์ของตัวเอง Honda City RS จะมาในแบบฉบับสปอร์ตด้วนชุดแต่งที่ดูเร้าใจ ส่วนในตัว Mazda2 จะถูกดีไซน์ดูหรูหราสง่างาม อันส่วนนี้ต้องตัดสินในเอาเองว่าชอบสไตล์ใน ส่วนในเรื่องของห้องโดยสารนั้น Honda City RS จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า Mazda 2 อยู่นิดๆ แต่ทาง Mazda 2 จะมาได้ในเรื่องของวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาตกแต่งภายในจะมีความหรูหรา ด้วยการเลือกวัสดุเกรดพรีเมี่นมเข้ามาเป็นส่วนประกอบ 

           ด้านขุมพลังนั้นทาง Honda City RS จะมากับขุมพลังใหม่ที่ในปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมด้วยการลดขนาดเคื่องยนต์ให้เล็กลงมาแต่ปรับให้มีความแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งในตัว Honda City RS ก็จะได้ในเรื่องความจี๊ดจ๊าด และความเร้าใจในด้านเร็ว แต่ในตัว Mazda 2 ที่มากับเครื่องยนต์ดีเซลตัวนี้ จะได้ในเรื่องอัตราเร่งที่ดี รวมถึงกับความประหยัด เพราะขุมพลังดีเซลตัวนี้ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ส่วนในระบบความปลอดภัยนั้นก็ใส่ความปลอดภัยในระบบใหม่ๆมาให้พอๆกัน แต่ในตัว Mazda 2 จะมีมากกว่านิดๆในตัวงกล้อง 360 องศา รวมทั้งในระบบรเตือนจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน และระบบเตือนเมื่อจุดอับสายตาขณะถอยรถ และระบบ GVC-Plus ที่ในรถที่เป็น City Car หรือในระดับ Eco Car มีเพียง Mazda 2 เท่านั้น ที่ติดตั้งระบบนี้ลงไป

          แต่ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพียงข้อมูลเบื้องตันสำหรับในการตัดสินใจ ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ ก็ดีมีเด่นแตกต่างกันคนละแบบ ไปอีกทั้ง ยังมีราคาค่าตัวที่ต่างกัน 6 หมื่นบาท กับอุปกรณ์เสริมที่แตกต่างกัน ส่วนจะเลือกรุ่นใดดีกว่า ควรได้ลองขับรถจริง เพื่อสัมผัสประสบการณ์ขับขี่เฉพาะตัวแต่ละคัน อีกทั้งยังมีรายละเอียดยิบย่อยที่อาจจะตอบโจทย์ตัวคุณได้จริง ไปที่โชว์รูมทั้ง 2 แห่ง แล้วลองสัมผัส และขับจริงทั้ง 2 รุ่น แล้วจะได้คำตอบว่า รถที่คุณต้องการนั้นคือ คันไหน ?

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook