Thunder Power EV รถต้นแบบพลังไฟฟ้า แนวคิดที่เรียบง่ายสู่การต่อยอดที่ยิ่งใหญ่
หลังจากที่คราวที่แล้วได้นำเสนอภาพทีเซอร์ซุปเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้าจากไต้หวัน Thunder Power EV พร้อมกับเผยว่าจะเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบในงานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2015 และแล้ว Thunder Power EV ก็ได้เผยโฉมกลางงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากประสบการณ์การวิจัย พัฒนาและผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบอิเล็กทรอนิคจากไต้หวันตั้งแต่ปี 1987 มาหลอมรวมเป็นรถต้นแบบพลังงานไฟฟ้าในชื่อว่า Thunder Power EV Concept โดยผลิตเป็นรถสปอร์ตซีดานพลังงานไฟฟ้า โดยรายละเอียดภายนอกนั้นได้ออกแบบตัวถังสีขาวที่เรียบง่ายพร้อมการตกแต่งเส้นสายที่สร้างความโดดเด่นทั้งกระจังหน้าวงรีโครเมียมซ้อนกันหลายๆ ชั้น, ไฟหน้า LED แบบบูมเมอแรง, ไฟท้ายทรงบูมเมอแรงที่ลอยเด่นสะดุดตา
เมื่อเข้าสู่ภายในห้องโดยสารก็จะพบกับความเรียบง่าย แต่หรูหราและล้ำสมัย ทั้งห้องโดยสารสีขาวตัดกับการตกแต่งด้วยไม้และโครเมียม, พวงมาลัยสองก้านพร้อมระบบปรับเสียงกับคำสั่งต่างๆ บนพวงมาลัยแบบสัมผัส สะดุดตาด้วยจอแสดงผลที่ยาวตลอดคอนโซลกลาง โดยจะเผยทั้งมาตรวัดความเร็ว, เรือนไมล์ ระบบนำทางพร้อมระบบปรับคำสั่งต่างๆ ส่วนแผงคอนโซลเกียร์นั้นไม่เผยตัวระบบส่งกำลัง แต่เผยเพียงแค่ระบบปรับโหมดการขับขี่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถปรับความเร็วได้จากตรงนี้ ทั้งนี้ที่นั่งด้านหลังมีระบบควบคุมแบบสัมผัสด้วย
ไฮไลท์สำคัญของ Thunder Power EV อยู่ที่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ได้เผยว่าจะมีด้วยกันหลายกำลัง หลายสมรรถนะ เริ่มจาก มอเตอร์ไฟฟ้า 312 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่น้อยกว่า 6 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
ต่อมามอเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูงที่สามารถรีดพละกำลัง 435 แรงม้า แรงบิด 560 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่น้อยกว่า 5 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
โดยทั้ง 2 ขุมพลังนี้ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 125 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง สามารถวิ่งได้ไกลถึง 650 กิโลเมตร สามารถชาร์จไฟฟ้าใหม่ได้ในเวลาไม่ถึง 6 ชั่วโมง รวมไปถึงมีโหมดชาร์จไฟเร็วที่สามารถวิ่งได้ 300 กิโลเมตรเพียงแค่ชาร์จไฟนานแค่ 30 นาทีและสามารถชาร์จเต็มได้ภายในเกือบชั่วโมงเดียว
Thunder Power EV ได้พัฒนาบนแพลทฟอร์มสำหรับขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ใช้วัสดุน้ำหนักเบา แต่มีความทนทาน เพื่อดึงประสิทธิภาพการขับเคลื่อนไฟฟ้าให้ได้สูงที่สุด รวมไปถึงทางบริษัทได้เผยว่าแพลทฟอร์มนี้อาจสามารถพัฒนาต่อยอดให้กับรถหลายรูปแบบไปจนถึงรถครอสโอเวอร์เลยทีเดียว และทางบริษัทเผยว่าพร้อมปรับโฉมและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปี 2016 เป็นต้นไป
เครดิตภาพประกอบจาก worldcarfans.com และ carnewschina.com
