เขียนโดย: Pajingo
เมื่อ: 7 กรกฏาคม 2558 - 18:35
Toyota เตรียมส่งออก Hilux REVO ฝีมือคนไทย ออกจำหน่ายทั่วโลก ในโครงการ IMV
โครงการ IMV ได้ริเริ่มดำเนินโครงการครั้งแรกในปี พ.ศ.2545 โดยได้รับความไว้วางใจจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คาร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน รถยนต์อเนกประสงค์ เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในประเทศ และส่งออกนอกประเทศ
มร.เคียวอิจิ ทานาดะ ได้กล่าวว่า “แนวคิดของ IMV คือ การแทนที่รากฐานการผลิตที่ญี่ปุ่นมาไทย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบการผลิต และการขนส่งให้มีคุณภาพในระดับเดียวกับญี่ปุ่น โดยรักษามาตรฐานสูงสุด เพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าทั่วโลก ด้วยคุณภาพและความทนทานที่ยอดเยี่ยม อันเป็น DNA ของรถกระบะ Hilux”
“
โตโยต้า มีความมั่นใจในการส่งออกไฮลักซ์ใหม่นี้ไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยเราจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะทำให้ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถกระบะของโลก”
คณะผู้บริหารและแขกผู้มีเกียรติมาร่วมเป็นสักขีพยานจำนวนมาก
ทั้งหมดนี้คือความภูมิใจอีกครั้งของโตโยต้า ที่มีโอกาสในการส่งเสริม และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้วยการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดถึง 50,000 ล้านบาท สามารถสร้างงานให้กับคนไทยในเครือข่ายธุรกิจของ โตโยต้า รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากโตโยต้าสู่ประเทศไทย เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทย ที่ให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และฝีมือคนไทย อันจะนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เจริญเติบโต” มร.เคียวอิจิ ทานาดะ กล่าว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้กล่าวว่า “ผมขอชมเชย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่ได้ดำเนินกิจการมากว่า 50 ปี จนนับเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย และสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะโครงการไอเอ็มวี ซึ่งเป็นโครงการการผลิตและส่งออกรถกระบะ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ และเป็นผู้นำด้านการส่งออกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มขึ้น สร้างความแข็งแกร่ง และยกระดับการผลิตยานยนต์ของประเทศรวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการพัฒนาคุณภาพจนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล”
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ดำเนินกิจการในไทยมาแล้วมากกว่า 50 ปี ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม และส่งเสริมการลงทุนร่วมกับภาครัฐในการผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิต และส่งออกที่สำคัญในภูมิอาเซียน อีกทั้งยังมีมูลค่าการส่งออกที่สูงเป็นอันดับ 1 ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ คิดเป็นมูลค่า 1,258,000 ล้านบาท และส่งออกชิ้นส่วนอะไหล่อีกกว่า 596,000 ล้านบาท จึงสามารถนำรายได้กลับสู่ไทยทั้งสิ้นกว่า 1,854,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่า..."ไม่ได้เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทเท่านั้น แต่ยังทำชื่อเสียงให้กับประเทศไทยอีกด้วย"