One Day Trip ชีวิตคนเมืองกับ Mazda2 Skyactiv-G 1.3L
ความลงตัวที่ไม่ธรรมดาสไตล์ Zoom-Zoom
กองทัพ Mazda2 Skyactiv-G 1.3L เตรียมให้ทดสอบ
หลังจากที่ MAZDA2 SKYACTIV-D (Diesel) ได้โลดแล่นอยู่บนถนนได้สักพัก ก็มีคำถามต่างๆนานาเข้ามาถามผมว่า ราคาแพงไปไหม รถดีไหม จะมีเครื่องเบนซินไหม แล้วจะเหมือนกันไหม เอาตรงๆ ว่าช่วงนั้นมึนตึ๊บเหมือนกัน เพราะที่รู้อย่างเดียวคือเครื่องยนต์เบนซินนั้นออกมาแน่นอน แต่จะเป็นแบบไหนนั้นบอกตรงเป๊ะคงไม่สามารถทำได้ จนวันหนึ่งได้เปิดตัว MAZDA2 SKYACTIV-G (Gasoline) สิ่งที่ค้างคาใจต่างๆ เริ่มลดน้อยลงไป ตั้งแต่รูปทรงภายนอกจนกระทั่งยันภายในดูเผินๆ มันก็เหมือนกันแบบฝาแฝด แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ราคาค่าตัวของ 2 รุ่นแตกต่างกันมากๆ คือเครื่องระบบเครื่องยนต์ ที่ทางมาสด้าเลือกมาแล้วเป็นอย่างดีกับเครื่องยนต์ที่พัฒนาออกแบบใหม่ล่าสุด SKYACTIV-G 1.3 ลิตร ผมบอกตรงๆ ว่าไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่กับเครื่องยนต์บล็อกเล็กขนาดนี้ เพราะจากที่เคยสัมผัสมาเลยทำให้ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่กับเครื่องยนต์ซีซีขนาดนี้
มร.ฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย
คุณธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด
คุณอุทัย เรืองศักดิ์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
และทันทีที่ได้รับหมายเชิญร่วมทดสอบรถรุ่นนี้ ผมก็ยังจำความรู้สึกของตัวเครื่องยนต์ดีเซลได้อยู่ และคิดไปถึงว่าจะหาโอกาสจับมาทดสอบนอกรอบแบบลงจากดีเซลขึ้นไปหวดเบนซินต่อกันเลย ก็ค่อยว่ากันอีกทีล่ะกัน สำหรับการทดสอบเจ้า MAZDA2 SKYACTIV-G ในครั้งนี้จะเป็นแบบหนังม้วนเดียวจบคือเสร็จสิ้นภารกิจภายใน 1 วัน ซึ่งจุดประสงค์ในการทดสอบครั้งนี้ทางมาสด้าต้องการให้รถคันนี้ตอบโจทย์การใช้งานจริงในเมืองและปริมณฑลมากที่สุด ไม่ได้แปลว่าจะวิ่งต่างจังหวัดไม่ได้นะ แต่อยากให้เห็นถึงสมรรถนะที่คล่องตัวในเมืองหลวงนั่นเอง
บรรดาสื่อมวลชนที่เข้าร่วมทดสอบในครั้งนี้
ซึ่งจุดที่เราเริ่มต้นของการวิ่งวันนี้เริ่มจากโรงแรม Chatrium hotel ถนนเจริญกรุง ซึ่งถือว่าอยู่ในการจราจรที่ค่อนข้างวิกฤติในช่วงเช้าและเย็น หลังจากที่รับปรีฟในช่วงเช้าแล้ว มีการเดินทางต่อในจุดต่างๆ ตรงนี้ทางมาสด้าก็หากิจกรรมเป็นเกมส์สนุกๆ ไว้ให้เล่นแก้เหงาระหว่างเดินทาง ซึ่งก็จะมีการเช็คอินตามสถานที่ต่างๆ ใครที่เป็นเพื่อนผมในเฟสบุ๊คคงจะเห็นกันทั้งวัน (อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนเพราะคงต้องมีอีกแน่ๆ 555) จากนั้นมุ่งหน้าสู่เสาชิงช้า – อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย – วัดพระแก้ว/สนามหลวง – ท่ามหาราช – สะพานพระราม 8 – ถนนอักษะ – Woodland Museum – Wonder World – สิ้นสุดที่โรงแรม Chatrium hotel จะเห็นได้ว่าเส้นทางที่ผู้จัดเลือกมานั้นสามารถตอบโจทย์ของรถคันนี้ได้อย่างดี
Mazda2 Skyactiv-G 1.3L
ผมเริ่มจากเป็นผู้โดยสารนั่งเบาะหน้าข้างๆ คนขับ ตลอดทางก็คิดว่าเมืองหลวงบ้านเราน่าจะเหมาะกับรถแบบนี้ที่สุดแล้ว ระหว่างนั้นก็เพลิดเพลินกับอุปกรณ์ออฟชั่นต่างๆ อย่าง MZD Connect ในรถคิดไปว่ารถราคาประมาณนี้มีอุปกรณ์จากโรงงานมาให้ขนาดนี้ถือว่าเยอะมากพอควรไม่ขี้เหร่เลยถ้าเปรียบเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน วัสดุที่ใช้ทำภายในและการประกอบนับว่าเป็นงานที่ดี ออกแบบสวยงาม แต่ก็ความคิดใครความคิดมันอีกนั่นล่ะ บางคนชอบไม่ชอบอันนี้ห้ามกันไม่ได้
สภาพการใช้งานภายในเมือง
ทางด้านเครื่องยนต์ เลือกใช้บล็อกใหม่ Skyactiv-G ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1.3 ลิตร (แทนบล็อกเดิมขนาด 1.5 ลิตร) จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย หัวฉีดอิเล็กทรอนิค ไดเร็คอินเจ็คชั่น (Electronic Direct Injection) ทางมาสด้าเคลมอัตราส่วนกำลังอัดสุดที่สุดในรถคลาสเดียวกัน อยู่ที่ 12.0:1 ให้พละกำลังสูงสุดถึง 93 แรงม้า ที่ 5,800 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงถึง 123 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ต้นสังกัดเคลมอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 23.3 กิโลเมตร/ลิตร ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 100 กรัม/กม. *ผ่านมาตรฐานข้อบังคับมลพิษระดับ Euro5 (รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงเบนซินไร้สารตะกั่ว 95 / แก๊สโซฮอล์ออกเทน 95 E10 และ E20)
ขุมพลังใหม่ Skyactiv-G 1.3L
ระบบส่งกำลัง Skyactiv-Drive อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนวลโหมด Activematic จุดต่างกันระหว่างรุ่น Skyactiv-D และ Skyactiv-G อยู่ที่อัตราทดเฟืองท้ายโดย Skyactiv-D จะทดเฟืองท้ายอยู่ที่ 3.389 ส่วน Skyactiv-G จะทดเฟืองท้ายอยู่ที่ 3.824 เหตุที่ต้องทดเฟืองท้ายให้รุ่น Skyactiv-G เครื่องยนต์เบนซินมีอัตราทดเฟืองท้ายสูงกว่าก็เพราะแรงบิดอยู่ในรอบสูง ฉะนั้นจึงต้องชดเชยด้วยการทดเฟืองท้ายสูงกว่า ไม่เช่นนั้นออกตัวในรอบต่ำรถจะไม่มีกำลังเท่าไรนัก
i-Eloop / i-Stop ระบบประหยัดพลังงานอัจฉริยะ
i-Eloop (Mazda Rengenerative Braking System) ไอ-อีลูป เป็นระบบที่เปลี่ยนพลังงานที่สูญเสียจากการลดความเร็วให้เป็นพลังงานไฟฟ้าและเก็บไว้ในอุปกรณ์เก็บประจุไฟฟ้า โดยจะนำพลังงานที่เก็บไว้ไปเลี้ยงระบบไฟฟ้าของอุปกรณ์ภายในรถ ซึ่งทำให้พลังงานจากเครื่องยนต์ถูกใช้ในการขับเคลื่อนของรถได้อย่างเต็มที่ ช่วยประหยัดพลังงานและน้ำมันเชื้อเพลิงลงถึง 10%
i-Stop (Idling Stop System) ระบบประหยัดน้ำมันที่สั่งให้เครื่องยนต์หยุดการทำงานชั่วคราวเมื่อรถต้องจอดนิ่ง ขณะที่อุปกรณืภายในรถยังคงทำงานตามปกติ ซึ่งทำงานร่วมกับ i-Eloop เพื่อให้ประหยัดน้ำใันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเครื่องยนต์สามารถทำงานอัตโนมัติทันทีเมื่อรถพร้อมออกตัว
จุดแวะพักรับประทานอาหารที่ Woodland Museum
กว่าจะได้ขับจริงๆ ก็หลังจากที่ออกจาก Woodland Museum พอเริ่มปรับเบาะปรับกระจกและสตาร์ทเครื่องยนต์ รู้สึกว่าเครื่องยนต์เงียบดี การเก็บเสียงภายในห้องโดยสารป้องกันเสียงภายนอกและเสียงเครื่องยนต์ก็ใช้ได้อยู่พอสมควร ตำแหน่งต่างๆ ที่นั่ง มาตรวัดต่าง ปุ่มใช้งานอื่นๆ อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม หน้าจอดิสเพลแสดงให้เห็นถึงการทำงานของ i-ELOOP และพร้อมที่จะให้เราได้กดคันเร่งกันอย่างเต็มที่ อารมณ์แรกที่เคลื่อนตัวออกไปนั้นทำให้เกิดความแปลกใจว่านี่เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร จริงๆ ใช่ไหม จากที่เคยคิดว่ามันน่าจะอืดจนน่าเตะหรือไม่ค่อยคล่องตัวเท่าไหร่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดแบบนั้นลงทันที แต่ยังไม่ทันจะชื่นชมเท่าไหร่ ก็ต้องสะดุ้งกับระบบเบรกที่ต้องยอมรับว่าลงตัวมาก รู้สึกทันทีว่าเบรกดีมาก มันไม่ใช่อาการเบรกอยู่แบบหัวทิ่ม แต่มันนุ่มและดูดติดเท้าดีเหลือเกิน ตลอดเส้นก็ได้รับรู้ถึงกำลังเครื่องยนต์และระบบเบรกจนอิ่ม
ทดสอบในรูปแบบ Gymkhana
และก็มาถึงช่วงที่ต้องขับทดสอบช่วงล่างกันสุดๆ เป็นการขับในรูปแบบยิมคาน่า โดยช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังอิสระทอร์ชั่นบีม ซึ่งทางมาสด้าได้เลือกลานกว้างที่ Wonder World ใช้ในการทดสอบ โดยในการขับแบบนี้จะมีทุกๆ อย่างให้เราได้ลองไม่ว่าจะเป็นการขับสลาลอมซ้ายและขวา การหมุนเลขแปด การเข้าโค้งแรงๆ การออกโค้งแรงๆ อัตราเร่งและการเบรก พอสรุปได้ชัดเจนที่สุดในสเตทนี้คือ รถทรงตัวดี การออกตัวกระแทกคันเร่งนั้นผ่านแจ๋วเลย แต่ก็จะติดตรงที่ว่าคันเร่งไฟฟ้ามันจะตอบสนองช้าประมาณเสี้ยววินาที ทำให้ขาดอารมณ์ต่อเนื่องไปบ้าง ซึ่งการใช้งานในชีวิตจริงมันจะไม่มีผลเท่าไหร่ เพราะคงไม่มีใครขับแบบยิมคาน่าทุกวันจริงไหม ถ้าพูดว่ายางหนังสติ๊กเดิมๆ จากโรงงานแล้วทรงตัวได้ขนาดนี้ คล่องตัว ไม่ย้วย อาการ Oversteer ก็เกิดน้อย ซึ่งมันก็เป็นไปได้ด้วยช่วงล่างที่เซ็ตมาอย่างดีกับรถเดิมๆ แบบนี้ นักข่าวหลายคนที่ร่วมทดสอบก็มีความคิดเห็นเดียวกับผมและจับอาการของรถคันนี้คล้ายๆ กัน และผมก็เชื่อว่าหลายคนที่ได้ทดลองขับในทริปนี้ก็แฮปปี้กับเจ้ารถคันนี้เช่นกัน
ความคล่องตัวในการสลาลอม
ในส่วนของเรื่องการประหยัดน้ำมันนั้นก็ขับแบบคนทดสอบรถเท้าหนักๆ ก็ยังป้วนเปี้ยนอยู่ประมาณ 12 กม./ลิตร กับระยะทาง 200 กว่ากิโลเมตรและเดินทางแบบการจราจรจริง ใครที่อ่านบทความแล้ว คิดว่ารถมันเป็นอย่างนั้น อย่างนี้จริงหรือ ? ไม่เห็นจะติหรือบ่นอะไรเลยเหรอ ? คุณผู้อ่านอย่าเพิ่งบ่นและอย่าเพิ่งตัดสินใจจากบทความผมครับ จนกว่าจะได้ลองขับด้วยตัวเอง ลองดูศูนย์บริการมาสด้าที่ใกล้บ้านคุณดูสิครับ ลองเข้าไปทดสอบ เข้าไปสัมผัสรถคันนี้ดูแล้วจะรู้ว่าอารมณ์แบบ Zoom-Zoom และเทคโนโลยี SKYACTIV นั้นเป็นอย่างไร ? คุณจะคิดเห็นเหมือนผมหรือเปล่า คุณมีคำตอบอยู่ในใจแน่นอน...
*จุดเด่นของ Mazda2 Skyactiv-G
-เทคโนโลยี Skyactive ทั้งคัน
-สมรรถนะเครื่องยนต์ 1.3 ที่ให้พละกำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ 1.5
-แรงบิดสูงในรอบเครื่องยนต์ที่ต่ำ ดีกว่าเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป
-ระบบส่งกำลังอัตโนมัติพัฒนาใหม่ Skyactiv-Drive 6 สปีด
-อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีสุดอยู่ที่ 23.3 กม./ลิตร (ตามค่าทดสอบจากโรงงาน)
-เชื่อมต่อออนไลน์ MZD Connect
-ระบบความปลอดภัย เหนือระดับทั้ง Active และ Passive Safety
มาสด้า 2 สกายแอคทีฟ ใหม่ โดยมีให้เลือก 6 รุ่น คือ
- Mazda 2 Sports แฮตช์แบค รุ่น Standard เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 550,000 บาท
- Mazda 2 Sports แฮตช์แบค รุ่น High เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 610,000 บาท
- Mazda 2 Sports แฮตช์แบค รุ่น High Plus เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 665,000 บาท
- Mazda 2 Sedan รุ่น Standard เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 550,000 บาท
- Mazda 2 Sedan รุ่น High เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 610,000 บาท
- Mazda 2 Sedan รุ่น High Plus เกียร์อัตโนมัติ ราคาจำหน่าย 665,000 บาท
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ บริษัท บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ให้ทีมงาน BOXZA RACING ร่วมการทดสอบในครั้งนี้ครับ
Test Drive by Expedition