ออกตัวมาได้ซักพักใหญ่แล้วกับ Hybrid SUV ทรงสมรรถนะ ที่เรียกว่าเป็นตัวแรงของค่ายรถจากแคว้นบาวาเลียนอย่าง BMW XM 50e รถที่ได้รับแรงบันดานใจจากสปอร์ตอย่าง M1 ซึ่งจริงแล้วก่อนหน้านี้ผู้ผลิตจะทำโครงการต่อในรุ่น X8 ทว่างานนี้ คุณท่าน Marcus Syring หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ BMW M บอกว่าบริษัทต้องการสร้างบางสิ่งเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของบริษัท จึงเกิดแนวคิด ในการสร้างรถ Concept SUV ที่ต้องมาพร้อมกับขุมพลังสุดล้ำ หรืออย่างน้อยต้องเป็นปลั๊กอินไฮบริด แถมต้องมีกำลัง 750 แรงม้าเป็นอย่างน้อย ไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องมีองค์ประกอบในการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถ M1 ในช่วงปลายปี 1970 และนั้นเป็นที่มาของรถรุ่นนี้
ซึ่งจริงแล้วก่อนหน้านี้ทาง BMW ได้มีแนวคิดที่จะทำรถ SUV เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงแบบเดียวกับ Lamborghini Urus และ Ferrari Purosangue โดยมีการพัฒนารถ SUV อย่าง X8 และ X8 M แต่ปรากฏว่า XM ได้เข้ามาแทนที่ แล้วถูกจัดอยู่ในรูปแบบของ SUV สมรรถนะสูงในตระกูล M นั่นเองทำให้งานนี้สาวกใบพัดฟ้าขาว จะยังไม่ได้เห็น X8
Image
มาดูเรื่องขนาดตัวถัง ซึ่งมีคนบอกว่ารุ่นนี้ใช้พื้นฐานเดียวกับ BMW X7 ลองมาดูตัวเลขกัน สำหรับ BMW XM50e มีขนาดความยาว 5.110 เมตร ด้านกว้าง 2.005 เมตร และความสูง 1.755 เมตร ส่วนความยาวฐานล้อ 3.105 เมตร เมื่อเทียบขนาด XM และ X7 แล้วมีตัวเลขตามนี้
เมื่อดูจากขนาดตัวถังแล้วก็เป็นไปได้ว่ารถรุ่นนี้น่าจะแชร์เทคโนโลยีกันอย่างมีนัยยะ แต่ด้วยความต่างในเรื่องของภาพลักษณ์ อีกทั้งเรื่องจุดประสงค์ในการใช้งานแล้ว XM มีความชัดเจนในเรื่องของการโชว์สมรรถนะมากกว่าการใช้งานในชีวิตประจำวันที่ต้องการความสะดวกสบาย การออกแบบเน้นให้ดูดุดันแบบฉบับของ M หน้าตาแตกต่างจากรถ BMW ทั่วไป ด้วยการผสมผสานความเป็นรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ หรือ Sport Activity Vehicle (SAV) อันทันสมัย รูปลักษณ์ที่ทรงพลัง สัดส่วนไดนามิกที่แข็งแกร่งด้านหน้ามาพร้อมกับกระจังหน้าเอกลักษณ์ Iconic Glow พร้อมไฟล้อมกรอบ ชุดไฟฟ้า 2 ชั้น ที่ออกแบบให้กลมกลืนกับการเล่นสีดำตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกันชนหน้า คิ้วซุ้มล้อ ชายข้าง หรือกันชนหลัง นอกจากนั้น การออกแบบของ XM ยังรวมเอาองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ชวนให้นึกถึงอดีตที่รับอิทธิพลมากจากรถในยุคปี 1970 อย่าง M1 ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ BMW ที่สลักไว้ที่กระจกหลัง และไฟท้าย รวมถึงชิ้นส่วนอื่น ๆ กับการตกแต่งรายละเอียดเส้นสายในสีดำรอบคันตัดกับ สีตัวถัง(รุ่นที่นำมาทดลองขับ) อย่าง สีเหลือง Sao Paulo Yellow
ภายในของ BMW XM 50e มีการออกแบบแตกต่างไปจากเดิมไม่น้อย ทั้งเรื่องความแปลกที่ให้ความรู้สึกตื่นตา แต่ยังไม่ลืมความสะดวกสบายในขั้นสุด ห้องโดยสารตกแต่งในแบบ M เน้นการใช้วัสดุแนวสปอร์ตอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ ที่แซมด้วยสีของโลหะด้านประกอบกับโทนสีแดงสัญลักษณ์ความร้อนแรง พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M เช่นเดียวกับเข็มขัดนิรภัยให้ความรู้สึกสปอร์ต ผ้าบุหลังคายังเป็นเสมือนงานประติมากรรม 3 มิติ ที่พบเห็นได้ไม่มากในปัจจุบัน ลวดลายแบบปริซึม และเมื่อเปิดหลังคาก็จะพบกับหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงบนหลังคาที่ส่องสว่าง ที่ได้ทั้งความสวยสด สง่างามยามค่ำคืน
แผงคอนโซลด้านบนบุด้วยหนังแบบ BMW Individual ทำให้พื้นที่ภายในยังคงความหรูหรา รวมไปถึงการใช้ไฟตกแต่งให้พื้นที่ภายในเป็นได้มากกว่าห้องโดยสานของรถ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ระบบระบายอากาศ ฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสําหรับเบาะนั่งตอนหน้า ปรับได้ได้รอบทิศทางที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในรถยนต์รุ่นนี้ด้วย หน้าจอ BMW Head-up Display กับระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการ BMW Operating System ทำให้การปรับแต่งเป็นไปตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น ระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ IconicSounds Electric ให้สียงปลุกเร้า ตื่นเต้น แม้ในโหมดการขับแบบไร้มลพิษอย่าง EV Mode
และไม่ลืมเรื่องการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกผ่านสมาร์ทโพน ช่วยให้ผู้ขับ และผู้โดยเข้าถึงโลกโซลเชียลได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์พกพากับรถยนต์แบบไร้สายผ่าน Apple CarPlay หรือ Android Auto นอกจากนี้ ผู้ขับยังจะได้รับประโยชน์จาก Connected Package Professional ช่วยให้มั่นใจว่าจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน รวมถึงข้อมูลการจราจรที่อัปเดตล่าสุดเมื่ออยู่บนท้องถนน
Performance
ในเรื่องของเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังของ BMW XM 50e นั้นเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง DOHC 24 วาล์ว 3.0 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ M TwinScroll Turbochargers พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VALVETRONIC ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า BMW eDrive Technology ที่ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตรส่วนของมอเตอร์ และให้กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบที่ 470 แรงม้า 700 นิวตัน-เมตร โดยรุ่นนี้ใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด M Steptronic Transmission ส่งกำลังไปล้อทั้ง 4 ด้วยระบบขับเคลื่อน M xDrive ตัวเลขอัตราเร่งตามสเปคโรงงาน จาก 0-100 km/h ภายในเวลา 5.1 วินาที (BMW XM รุ่น เครื่องเบนซิน V8 4.4 ลิตร M TwinTurbo PHEV 653 แรงม้า 800 นิวตัน-เมตร)
ภายใต้ฝากระโปรง BMW XM 50e เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร
ส่วนของแบตเตอรี่เป็นแบบ Lithium-ion ความจุ 29.5 kW รองรับการอัดประจุด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 7.4 kW สามารถวิ่งด้วย EV Mode ได้ไกลสูงสุด 101 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC), 84 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) ทำความเร็วสูงสุดในโหมด EV ทำได้ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเรื่องการเวลาชาร์จจาก 0 – 100% ภายในเวลา 4 ชั่วโมง 25 นาที
Test Drive
ต้องบอกว่าเป็นที่น่าเสียดาย เพราะด้วยเวลาที่จำกัด ทำให้งานนี้ไม่ได้ลองสมรรถนะกับครบทุกด้าน จะมีเพียงแค่การขับบนทางด่วน เท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ยังพอได้เห็นถึงประสิทธิภาพของตัวรถหลายด้าน ที่ชัดเจน ซึ่งเป็นทั้งจุดเด่น และจะด้อยในเวลาเดียวกันคือเรื่องของ ช่องล่าง แน่นอนว่าเมื่อใช้งานในแบบรีดเค้นพลัง ระบบช่วงล่างที่ได้รับการออกแบบมา สามารถตอบสนองได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นทางตรงที่ทำความเร็วสูงชนิดพุ่งออกตัวไปถึงความเร็วปลาย อาการของรถมีให้เห็นน้อยมาก จะบอกว่านี้อาจมาจากความสนุกตื้นเต้นจนจับอาการได้ไม่ครบก็ว่าได้ แต่ที่แน่ๆ ทางตรงเอาอยู่ เมื่อถึงทางโค้งที่ใช้ความเร็ว แม้ต้วรถจะมีขนาดที่ใหญ่ ก็ไม่รู้สึกถึงความเทอะทะ การทรงตัวในโค้ง การจับโค้งที่อยู่ในขั้น นิ่ง สามารถพบได้ในคันนี้ ไม่เพียงเท่านั้น อุปกรณ์ที่ใช้อย่างเบาะก็สามารถยึดให้เราติดอยู่กับที่ชนิดที่ไม่มีไหลตามแรงเหวียง แต่ต้องปรับให้เข้ากับรูปร่างตัวเองมากที่สุดก่อนเท่านั้น ซึ่งในคันนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังสามารถปรับให้โอบกระชับตั้งแต่เอวไปจนถึงข้างลำต้ว และยังขยับได้หลายหลายทิศทางเพียงแต่กดเท่านั้น
ส่วนจุดด้อยเมื่อใช้งานในชีวิตประจำวันที่ขับแบบเหยาะๆ แบบไปกินกาแฟ รู้สึกถึงความลำบากขึ้นมาทันที ด้วยช่วงล่างแบบ Adaptive M Professional ที่ปรับมาให้เป็นรถ SUV Hyperformance ประกอบกับล้อยางขนาดนี้แล้ว ความนุ่มนวลชวนฝันไม่มีให้เห็น แม้จะเข้าไปปรับที่หน้าจอให้เป็นแบบ Comfort แล้วก็ตาม ทุกสิ่งที่อยู่บนพื้นผิวคุณจะสามารถรู้สึกได้เกือบทั้งหมด แต่หากใครที่หลงไหลในความกระด้างแบบเอาอยู่ก็ไม่ว่ากัน เพราะคงถูกใจไม่น้อย
อัตราเร่งทำได้แค่ไหน เบรคอยู่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าใครอยู่หลังพวงมาลัย ที่บอกแบบนี้เพราะว่า การกดคันเร่ง รวมทั้งการเลือกใช้โหมดสำเร็จรูปที่มีให้ หรือจะเลือกใช้ ปุ่ม M1 หรือ M2 ที่พวงมาลัย มีผลต่างกัน แต่ไม่ว่าจะใช้โหมดไหนในการทดลองขับครั้งนี้ ความแรงระดับ 476 แรงม้า ที่ดึงตัวถังหนักกว่า 3 ตัน จากจุดหยุดนิ่ง คนนั่งข้างก็เอามือไปจับที่จับข้างประตูทุกครั้ง ความเร็วปลายไม่ได้ลอง ต้องเข้าใจว่าสภาพการจราจรในประเทศไทยในเวลาปกติ ไม่เว้นแม้บนทางด่วน ไม่ได้เอื้อต่อการทำความเร็วเกินพิกัด ทว่างานนี้กลับได้ความสนุกมาแทน ทุกครั้งที่ตัดสิ้นใจในการเร่งแซง เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ 3.0 ลิตร ที่ทำงานพร้อมกับเกียร์ M Steptronic Transmission ก็สร้างรอยยิ้มที่มุมปาก ที่มาพร้อมกับความมั่นใจทุกครั้ง ส่วนเสียงที่ได้จากการขับก็ตรงไปตรงมาดีแม้จะเป็นเสียงที่ถูกผสมจากการสังเคราะห์ก็ตาม
เบรคคงไม่ต้องสาธยายให้มากความเพราะเป็นรถระดับ M ชุดเบรคทรงประสิทธิภาพขนาดมหึมาจึงถูกนำมาติดตั้ง แต่การใช้งานไม่ได้ยากเย็นอะไร ตรงกันข้ามกลับให้ความสะดวกสบายไม่ต่างจากรถบ้าน แต่ที่แน่ๆ จะเร็วมากน้อยขนาดไหน ก็หยุดได้ตามที่ต้องการ แต่ต้องตัดสินใจเร็วหน่อยหากมาเร็วเกินพิกัดซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของการคำนวลเรื่องเบรคเมื่อมีผู้ร่วมทางกับเรา
โดยรวมแล้ว ไม่ได้ถูกสร้างมาให้ใช้งานได้ทุกวัน แต่เป็นรถที่ขับได้สนุกเร้าใจทุกครั้ง อีกทั้งเรื่องของภาพลักษณ์โดดเด่น ทั้งเรื่องของดีไซน์ สีสันซึ่งคันนี้เป็นสีเหลือ ทำให้คันนี้กลายเป็นรถที่มีความโดดเด่นเมื่ออยุ่บนท้องถนน
BMW XM 50e ราคา 6.799 ล้านบาท