นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย สานต่อโครงการ แค่ใจก็เพียงพอ 2562 เพื่อส่งเสริมพัฒนาความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนแก่ชุมชน พร้อมทั้งสนับสนุนให้นักศึกษาทั่วประเทศไทย จัดการกับปัญหาวัสดุ ของเหลือใช้ ในท้องถิ่นด้วยนวัตกรรมอัพไซเคิล โซลูชัน เพื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
ปีที่สามของโครงการฯ ได้รับแรงบันดาลใจจากมรดกแห่ง “การให้” ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศให้ความสนใจ และเข้าร่วมโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 138 ทีม จาก 33 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ
นิสสันส่งเสริมโอกาสให้นักศึกษาตั้งแต่ชั้นปีที่สามขึ้นไป ได้นำการเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และทักษะการวางแผนอย่างบูรณาการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และยกระดับผลิตภัณฑ์ นักศึกษาสามารถนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ได้กับงานด้านการออกแบบ การตลาด การสร้างแบรนด์ กลยุทธ์การสื่อสาร และการสร้างผลิตภัณฑ์ โดยในโครงการฯ รอบแรกนักศึกษาได้ส่งแผนธุรกิจเพื่อจัดการกับความท้าทายที่ชุมชนท้องถิ่นกำลังเผชิญอยู่
คณะผู้บริหารนิสสันพร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ และนวัตกรรม ได้ทำการคัดเลือกผู้เข้ารอบรองชนะเลิศจำนวน 12 ทีม จากผลงานการวางแผนเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ความเป็นไปได้ของแผนงาน และความยั่งยืนของแผนในระยะยาวที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค กรุงเทพมหานคร
ในรอบสุดท้าย ทีมที่เข้ารอบทั้ง 6 ทีม จะเริ่มต้นทำงานร่วมกับชุมชนจากจังหวัดจันทบุรี จำนวน 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนบ้านน้ำใส ชุมชนบ้านน้ำโจน และชุมชนบ้านตะกาดเหง้า ทุกทีมจะพัฒนานวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงและยั่งยืนในการแก้ปัญหาวัสดุ และของเหลือใช้สำหรับชุมชนเหล่านี้ ซึ่งนักศึกษาจะใช้ความรู้ที่ได้รับจากการประชุมเชิงปฏิบัติการ ผู้เชี่ยวชาญ ประสบการณ์จริง และนวัตกรรมของนิสสัน
นิสสัน เตรียมมอบทุนการศึกษา และของรางวัลรวมมูลค่ามากกว่า 500,000 บาท ให้แก่ทีมชนะเลิศ และทีมที่ได้อันดับรองลงมา ในโครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ 2562” ซึ่งจะมีการประกาศทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในเดือนมีนาคม 2563
“นักศึกษาที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้จะได้รับสิ่งตอบแทนมากกว่ารางวัล พวกเขาจะได้รับทั้งทักษะจากการใช้ชีวิต การอบรมจากผู้เชี่ยวชาญ และโอกาสที่มอบให้แก่ชุมชนจากหัวใจ” กล่าวโดย มร.ราเมช นาราสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย โดยเสริมว่า นิสสันรู้สึกขอบคุณจากใจ และยินดีที่ได้เห็นการทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายอย่างแท้จริง
จากความสำเร็จของโครงการในปีที่ผ่านมา ในปี 2562 นี้ นิสสัน เปิดโอกาสให้แก่มหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ โดยมี 7 ภาควิชาจาก 6 มหาวิทยาลัยได้ทำการบรรจุการแข่งขันครั้งนี้ในหลักสูตรการเรียนด้วย
“ในฐานะที่เป็นบริษัทฯที่มีความยึดมั่นในทุกตลาดที่เราได้เข้าไปดำเนินงาน เรามุ่งมั่นที่จะทำการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นอย่างแข็งขัน” กล่าวโดย นาราสิมัน “เราเชื่อในความหลงใหล ความคิดสร้างสรรค์ และจิตวิญญาณของนักศึกษามหาวิทยาลัยทุกคน การแข่งขันในปี 2562 นี้ เรามองเห็นการมีส่วนร่วมที่ยอดเยี่ยมของนักศึกษาในการพัฒนาอัพไซเคิล โซลูชัน ที่ช่วยชุมชนท้องถิ่นในการจัดการกับวัสดุ และของเหลือใช้ แผนงานที่นักศึกษาได้ส่งเข้ามา เป็นเครื่องยืนยันว่าพวกเขามีใจที่เปิดกว้างและแนวคิดที่แปลกใหม่สำหรับการออกแบบการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน รวมไปถึงการพัฒนาสังคมที่มีมลพิษเป็นศูนย์”
มร.ปีเตอร์ แกลลี่ รองประธานสายงานสื่อสารองค์กร นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวเกี่ยวกับโครงการที่ให้โอกาสแก่นักศึกษาในการนำทักษะ และความมุ่งมั่นที่จะช่วยสร้างสังคมที่ยั่งยืนว่า “นิสสันรู้สึกประทับใจกับจำนวนนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก ประกอบกับทักษะที่แตกต่างกันจากหลากหลายสาขาวิชา ซึ่งพร้อมที่จะอุทิศเวลาว่างในการเข้าร่วมโครงการที่มีความหมายนี้ นิสสันกำลังดำเนินงานมากกว่าการผลิตและขายรถยนต์ เราใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม และให้โอกาส เราภูมิใจ และรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับนักศึกษาเหล่านี้ เพื่อช่วยกันสร้างสรรค์และพัฒนาชุมชนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ภายใต้มรดกอันล้ำค่าของกษัตริย์ไทยในอดีตจนถึงปัจจุบันทุกพระองค์
ดร.ปรเมษฐ์ ชุ่มยิ้ม ที่ปรึกษาอาวุโส เมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้แสดงความยินดีกับนักศึกษาได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รอบรองชนะเลิศว่า “นักศึกษา มีแนวคิดและพัฒนานวัตกรรมในการแก้ไขปัญหาได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะช่วยแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนในพื้นที่ได้” และกล่าวเพิ่มเติมว่า “พวกเขาใช้ชุมชนเป็นหัวใจหลักในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเหล่านี้ขึ้นมา รวมทั้งใส่อัตลักษณ์ของพวกเขาเข้าไปในแต่ละชิ้นงานเพื่อช่วยสร้างชุมชนที่ยั่งยืน พวกเราเชื่อว่าแผนงานของนักศึกษาจะสามารถนำนวัตกรรมในด้านต่างๆ ที่สามารถนำของเหลือใช้ไปต่อยอดและสร้างรายได้ให้กับชุมชนและเรียนรู้วิธีการสร้างโมเดลธุรกิจเพื่อสังคมที่มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าแบบทำกำไร (Business Value) ควบคู่ไปกับคุณค่าต่อสังคม (Social Value) อย่างยั่งยืนต่อไป”
นักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รอบต่อไป จะได้เข้าร่วมเวิร์คช็อปการออกแบบทางความคิด สำหรับแนะนำแนวการออกแบบและกลยุทธ์ต่างๆ ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้นักศึกษาสามารถวางแผนสร้างสรรค์ผลงาน แต่ยังจะช่วยให้พวกเขาสามารถเตรียมตัวสำหรับอาชีพและความก้าวหน้าในอนาคต นักศึกษาจะได้รับประโยชน์จากกิจกรรมและเวิร์คช็อปต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าหลากหลายสาขา อาทิ การตลาด แบรนด์ดิ้ง และการสื่อสารการตลาด กิจกรรมต่างๆ ที่ได้จัดเตรียมไว้ให้กับนักศึกษาจะเป็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายและความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน ผู้เชี่ยวชาญ หน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง เพี่อที่จะเสริมความเป็นเลิศให้กับนักศึกษาสำหรับการทำงานในอนาคต
นิสสันได้ทำการเปิดตัวโครงการ “แค่ใจก็เพียงพอ” ครั้งแรกเมื่อปี 2560 เพื่อให้มั่นใจว่าแนวคิดและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้รับการสืบสานต่อไป โดยในปีนั้นมีบุคคลต้นแบบจำนวน 10 คน ที่ได้น้อมนำคำสอนแนวคิดไปปรับเปลี่ยนทั้งด้านการทำงานและชีวิตส่วนตัว โดยมีพื้นฐานจากคำสอนของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ในปี 2561 โครงการมุ่งเน้นไปที่แนวคิดของ “การให้” ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นพระมหากษัตริย์ไทย โดยมีนักศึกษาออกแบบและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปขายได้ จากการรีไซเคิลและอัพไซเคิลวัสดุ และของเหลือใช้ในท้องถิ่นเพื่อสร้างกระแสรายได้สำหรับชุมชนท้องถิ่น
“ในปี 2561 พวกเราได้เห็นความความตั้งใจ ความคิดสร้างสรรค์ และสปิริตของน้องๆ นักศึกษา โครงการฯ ในปี 2561 พวกเรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่ามากที่จะได้เห็นผลงานจากความทุ่มเทของเหล่านักศึกษาที่จะสร้างสรรค์ผลงานที่จะช่วยชุมชนแก้ไขปัญหาวัสดุและของเหลือใช้ในชุมชน” นาราสิมัน กล่าว “แผนงานต่างๆ ที่นักศึกษาได้นำเสนอ เป็นที่ประจักษ์ว่าพวกเขาได้เปิดหัวใจที่จะสร้างสรรค์ผลงงาน นวัตกรรมที่เป็นเลิศเพื่อสานต่อการดำเนินวิถีชีวิตอย่างยั่งยืน”
ผู้ที่สนใจ สามารถติดตามข่าวสารของโครงการนี้ ผ่านทางเว็บไซต์ แค่ใจก็เพียงพอ.com, กดไลค์เฟซบุคเพจ “แค่ใจก็เพียงพอ” ได้ที่ Facebook page, หรือกดติดตาม Instagram