เขียนโดย: AEFOTO

เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2562 - 17:10

Mercedes-Benz สร้างสีสันตลาดรถหรูส่งท้ายปี เปิดตัวยนตรกรรม 5 รุ่นล่าสุด ในงาน Motor Expo 2019

 

           บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด รุกเซ็กเมนต์เอสยูวี และปลั๊กอินไฮบริด ต่อเนื่อง เปิดตัว 5 ยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ สองยนตรกรรมเอสยูวีแบบ 7 ที่นั่ง “Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium” ขุมพลังดีเซล ที่มาพร้อมกับ ความหรูหรา และเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย และ “Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic” รุ่นประกอบในประเทศ พร้อมส่งครอสโอเวอร์สายพันธุ์แรง จากแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อย่าง “Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé” และ “Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé” รุ่นประกอบในประเทศโฉมใหม่ สองยนตรกรรมเอสยูวีสมรรถนะสูงที่ผสมผสานความอเนกประสงค์ของรถยนต์สไตล์เอสยูวี และความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวของรถยนต์สไตล์คูเป้ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว “Mercedes-Benz E 300 e” ยนตรกรรมปลั๊กอินไฮบริดภายใต้แบรนด์ EQ โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่สามารถประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม พร้อมขนทัพยนตรกรรมหรูรุ่นอื่นๆ รวมกว่า 29 รุ่น มาจัดแสดงภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปครั้งที่ 36 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2562 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี

 

 

          สำหรับงาน Motor Expo 2019 ในครั้งนี้ ภายในบริเวณบูธของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้แบ่ง โซนการจัดแสดงรถยนต์ออกเป็น 4 โซน ครอบคลุมรถยนต์ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury, Dream Car และ SUV รวมถึงแบรนด์รถยนต์หรูระดับอัลตร้า ลักชัวรีอย่าง เมอร์เซเดส-มายบัค แบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูงอย่าง เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และแบรนด์เทคโนโลยีกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดอย่าง EQ เพื่อให้ลูกค้า ได้สัมผัสกับยนตกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกกลุ่มได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น

 

 

          ได้นำเสนอรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวีจากแบรนด์ Mercedes-Benz และ Mercedes- AMG ทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ GLC, GLC Coupé, GLE, G-Class และล่าสุด Mercedes-Benz GLS และ Mercedes-AMG GLC จึงทำให้ในปัจจุบัน บริษัทฯ นำเสนอรถยนต์ในกลุ่มนี้ทั้งสิ้น 6 รุ่นด้วยกัน โดย Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium ถือเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ของยนตรกรรมเอสยูวีขนาด 7 ที่นั่งที่มอบความหรูหรา และสะดวกสบายเทียบเท่ารถยนต์ในตระกูล S-Class ด้วยฐานล้อที่ยาวขึ้น 60 ม.ม. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าทำให้มีพื้นที่ในห้องโดยสารมากขึ้นโดยเฉพาะบริเวณที่นั่งแถวที่ 2 และ Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศยนตรกรรมเอสยูวี 7 นั่งระดับ E-Class ที่สะท้อนตัวตนในฐานะรถยนต์สไตล์ออฟโรดที่พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ แต่ยังคงความหรูหราทันสมัยได้เป็นอย่างดี และสำหรับยนตกรรมไฮไลท์จาก แบรนด์ Mercedes- AMG ประกอบด้วยครอสโอเวอร์สไตล์คูเป้ พันธุ์แรงสองรุ่นล่าสุด อย่าง Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé รถยนต์เอสยูวีรุ่นแรกในตระกูล 63 ที่เปิดตัวในประเทศไทย มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบคู่แบบ Biturbo ด้วยเทคนิคการติดตั้งแบบ Hot inside V ผสานกับระบบเกียร์แบบสปอร์ต AMG SPEEDSHIFT MCT 9-Speed Sports Transmission ที่ช่วยให้การตอบสนองของรถในระหว่างที่มีการเปลี่ยนเกียร์รวดเร็ว และราบรื่นยิ่งขึ้น และ Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ โฉมใหม่ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน แบบ AMG Performance 4MATIC ระบบส่งกำลังแบบ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G และเครื่องยนต์แบบ V6 เทอร์โบคู่ แบบ Biturbo ที่มีจุดเด่นในเรื่องระบบแรงดันเสริมท่อสำหรับนำอากาศของชุดเทอร์โบ (boost pressure) ส่งผลให้สามารถเพิ่มแรงม้า และแรงบิดให้กับเครื่องยนต์รุ่นนี้ได้อย่างทรงพลัง โดยทั้งสี่รุ่นนี้มาพร้อมระบบมัลติมีเดียแบบ “MBUX” (Mercedes-Benz User Experience) ที่ช่วยยกระดับความสะดวกสบายขณะขับขี่ด้วยการเชื่อมโยงผู้ขับขี่เข้ากับเทคโนโลยีอันชาญฉลาดเสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวผ่านระบบการสั่งการด้วยเสียง และมาพร้อมบริการ Mercedes me connect ซึ่งมีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ

 

 

          นอกจากนี้ อีกหนึ่งรุ่นไฮไลท์ที่บริษัทฯ นำเสนอในงาน คือ The new Mercedes-Benz E 300 e ยนตรกรรมปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุดภายใต้แบรนด์ EQ ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่สามารถประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าถึง 60%”

 

 

           นอกจากการเปิดตัว 5 ยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดแล้ว บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้นำรถยนต์รุ่นอื่นๆ รวมกว่า 29 รุ่น ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ในทุกเซ็กเมนต์จากแบรนด์ Mercedes-Benz, Mercedes-Maybach, Mercedes-AMG และแบรนด์เทคโนโลยี EQ มาจัดแสดงในงาน เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกชม และสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด โดยได้เตรียมข้อเสนอสุดพิเศษอีกมากมายเพื่อมอบให้กับลูกค้าทุกคนที่จองรถยนต์ ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป อาทิ การนำเสนอรถยนต์ในราคาสุดพิเศษจำนวนจำกัด ประกอบด้วย Mercedes-Benz E 350 e Final Edition ล็อตสุดท้าย ราคาเริ่มต้นที่ 2,900,000 บาท และ Mercedes-Benz GLA 200 Urban ราคาเริ่มต้นที่ 1,899,000 บาท

 

 

          พร้อมกันนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยังได้เปิดตัว LINE Official Account ในชื่อ “Mercedes-Benz Thailand” (@mercedesbenzth) เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสื่อสาร และให้บริการลูกค้าโดยความพิเศษของการเปิด LINE Official Account ในครั้งนี้ คือ การรวมบัญชีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย)  เข้าไว้ด้วยกันเพื่อมอบความสะดวกรวดเร็วในการรับข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหวต่างๆ และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าคนสำคัญ โดยจะเป็นช่องทางดิจิทัลที่สามารถส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ กิจกรรมที่น่าสนใจ และข้อเสนอพิเศษจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง ประเทศไทย นอกจากนี้ ยังสามารถให้บริการอื่นๆ ผ่านเมนูที่ ง่ายต่อการเข้าใช้ อาทิ ข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นรถต่างๆ (Car Models) บริการค้นหาผู้จำหน่าย อย่างเป็นทางการ (Dealer Locator) บริการจองคิวทดสอบรถ (Book a Test Drive) บริการทางการเงิน (Financial Services) ไปจนถึง การอัพเดทข้อมูลกิจกรรม และข้อเสนอพิเศษต่างๆ (Event and Promotion) และเมนูสำหรับเจ้าของรถ (Owner Section)

 

 

Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium

           Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium คือ ยนตรกรรมอเนกประสงค์พรีเมี่ยม (Large Full-Size SUV) แบบ 7 ที่นั่ง รุ่นใหม่ล่าสุดที่เข้ามาเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอรถยนต์ตระกูล เอสยูวีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งปัจจุบันนับเป็นเจเนอเรชันที่ 3 มาพร้อมขุมพลังดีเซล โดดเด่น ในเรื่องความหรูหราสง่างามที่มาพร้อมความปลอดภัยสูงสุด และความสะดวกสบายเช่นเดียวกับ    รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ในตระกูล S-Class

 

 

           ดีไซน์ภายนอก มีจุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ที่ประกอบด้วยหลอดไฟ LED จำนวน 112 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม ที่สามารถปรับความเข้มของแสง และความยาวของลำแสงได้อย่างเป็นอิสระจากกัน โดยมีระบบตรวจจับวัตถุที่จะทำการคำนวณความสว่างอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังสามารถปรับ ความยาวของลำแสงไฟหน้าให้ส่องได้ไกลกว่า 150 เมตรโดยอัตโนมัติหากไม่พบรถยนต์ที่วิ่งสวนทาง และเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วที่สูงกว่า 40 กม./ชม. มาพร้อมกับไฟท้ายแบบ LED และล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบาดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ 21 นิ้ว เพิ่มความสะดวกด้วยบันไดสำหรับเข้า และออกห้องโดยสารแบบอัลลูมิเนียมที่มาพร้อมปุ่มยางกันลื่น นอกจากนี้ยังมีหลังคา  พาโนรามิคซันรูฟ (Panoramic sliding sunroof) ที่เลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าช่วยเพิ่มสุนทรียะในการขับขี่อีกด้วย

 

 

          ดีไซน์ภายใน และห้องโดยสาร ได้รับการออกแบบห้องโดยสารให้กว้างขวางโดยสามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุดถึง 7 ท่าน ด้วยระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น 60 ม.ม. เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะบริเวณที่นั่งแถวที่ 2 โดยเบาะที่นั่งแถวที่ 2 สามารถปรับได้ด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ และยังสามารถเลื่อนปรับเบาะให้ถอยหลัง ไปได้อีก 10 ซม. เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับวางขา และพนักพิงสามารถปรับเอนได้มากขึ้นกว่าเดิม และยังมาพร้อมกับระบบ EASY-ENTRY ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการเข้าสู่ตำแหน่งที่นั่งแถวที่ 3 โดยเบาะและพนักพิงของที่นั่งแถวที่ 2 จะถูกพับขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า ทำให้สามารถเข้าสู่แถวที่ 3 ได้อย่างสะดวกสบายและง่ายดาย ส่วนเบาะที่นั่งแถวที่ 3 เป็นที่นั่งแบบเต็มตัว (full size) สามารถรองรับผู้โดยสารที่มีส่วนสูงได้ถึง 194 ซม. นอกจากนี้ เบาะที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ยังสามารถพับเก็บหรือปรับแต่งได้อย่างอิสระเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย โดยหากพับเบาะที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ให้แบนราบทั้งหมดจะสามารถเพิ่มความจุสำหรับเก็บสัมภาระได้สูงสุดถึง 2,400 ลิตร อีกทั้งยังได้เพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติภายในห้องโดยสาร THEMOTRONIC เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับ

 

 

           ระบบความสะดวกและการสื่อสาร Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium มาพร้อมกับระบบมัลติมีเดีย MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ทั้งจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital widescreen cockpit จำนวน 2 จอต่อเนื่องกัน โดยสามารถเปลี่ยนรูปแบบแสดงผลของหน้าจอเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งการขับขี่ที่หลากหลาย ที่ใช้ง่ายเพียงแค่ ปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัสสำหรับหน้าจอแสดงผลข้อมูลส่วนกลาง รวมถึงระบบสั่งงานด้วยเสียง นอกจกานั้น ยังมาพร้อมกับบริการ Mercedes me connect

• Mercedes-Benz emergency call system

• Mercedes-Benz emergency call system

• ระบบแผนที่นำทาง Navigation System

ระบบตั้งค่ารถยนต์ (Pre-installation for Vehicle Set-up) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเปิดระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารด้วยโทรศัพท์มือถือ (Remote Engine Start

          นอกจากนี้ Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium ยังมาพร้อมกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 จังหวะ (9G-TRONIC) ซึ่งถูกคิดค้นและพัฒนาขึ้นเพื่อให้ได้อัตราเร่งที่ดีที่สุด นุ่มนวลที่สุด และช่วยให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยสามารถลดการใช้น้ำมันลงได้ถึง 6.5%

  • Mercedes-Benz GLS 350 d 4MATIC AMG Premium ราคา 8,859,000 บาท

 

 

Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ

            ดีไซน์ภายนอก ของรถยนต์ GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศเป็นผลลัพธ์จากการผสมผสานที่ลงตัวของคุณสมบัติอัจฉริยะและสุนทรียะทางการออกแบบ เพื่อให้รถยนต์รุ่นใหม่นี้มีรูปลักษณ์ที่ปลุกเร้าจิตวิญญาณของผู้เป็นเจ้าของได้ตั้งแต่แรกเห็น โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ความสำคัญด้านงานออกแบบเพื่อขับเน้นเพียงองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของตัวรถเท่านั้น ทั้งการสรรสร้างผลิตภัณฑ์ให้สวยงามเหนือกาลเวลา การใช้เทคโนโลยีงานออกแบบชั้นเลิศ และคุณภาพของงานประกอบ สัดส่วนของตัวรถจะเป็นแบบฐานล้อยาว มีระยะจากกันชนถึงดุมล้อสั้น และใช้ยางขนาดใหญ่ที่เหมาะสมกับการใช้งานในทุกสภาพถนน

 

 

          นักออกแบบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงยึดปรัชญาการออกแบบ Sensual purity โดยมีการปรับส่วนที่เป็นเหลี่ยมมุมต่างๆ ของตัวถังให้มีความโดดเด่นและสอดรับกับทั้งลักษณะตัวถัง และ แพลทฟอร์มของรถมากขึ้น ส่วนหน้าของรถยนต์ The GLE เปี่ยมไปด้วยพลังและความโดดเด่น ด้วยกระจังหน้าลาย 6 เหลี่ยมที่ยกตัวสูง แผ่นกันกระแทกชุบโครเมี่ยมที่ดูสอดรับกับฝากระโปรงหน้าที่มีช่องรับอากาศ powerdomes และชุดไฟหน้าอัจฉริยะแบบ MULTIBEAM LED ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมความดุดันให้กับรถได้ทั้งขณะเปิดหรือปิดไฟ รวมไปถึงไฟส่องทางบริเวณใต้กระจกมองข้างเป็นรูปตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เมื่อมองจากด้านข้าง ผู้เป็นเจ้าของจะพบกับเสาซีที่มีลักษณะกว้างซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ทางการออกแบบของรถยนต์ตระกูล The GLE ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์พัฒนาให้เป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับการเสริมสมดุลให้กับตัวรถ ดึงดูดสายตาด้AMG Bodystyling รอบคัน ทั้งกันชนหน้า-กันชนหลัง-สเกิร์ตข้าง ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ Multi-spoke ขนาด 21 นิ้ว ซึ่งล้อทั้งสี่จะอยู่ในซุ้มล้อที่เป็นวงโค้งสวยงาม ด้านท้ายของรถมีลักษณะแผ่กว้างและดูทรงพลัง โดยมีจุดเริ่มต้นจากเสาซีทอดมาถึง ไฟหลัง เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังติดตั้งแผ่นสะท้อนแสงด้านหลังในตำแหน่งที่ต่ำลงกว่าเดิมเพื่อสร้างลูกเล่นให้ไฟหลังดูมีลักษณะราบเรียบยิ่งขึ้น

 

 

             ดีไซน์ภายใน เป็นการผสานเข้าด้วยกันของความหรูหราและสง่างามตามแบบฉบับของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และความโฉบเฉี่ยว ดุดัน แข็งแกร่งแบบเอสยูวี ฐานล้อของ Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ มีความยาวถึง 2,995 มิลลิเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้น 80 มิลลิเมตรจากรุ่นก่อนหน้า ห้องโดยสารภายในตกแต่งด้วยโครเมียม ด้านบนของคอนโซลหน้า (dashboard) และด้านบนของแผงประตูหุ้มด้วยหนัง ARTICO พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control

 

 

           เบาะนั่งหุ้มหนัง Nappa โดยเบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ พร้อมมอบ ความสะดวกสบายระดับพรีเมี่ยมด้วยเบาะนั่งแถวที่สองที่สามารถปรับองศาการเอนของพนักพิง และพับเบาะได้ง่าย ด้วยระบบไฟฟ้าแบบ 1/3 และ 2/3 พร้อมทั้งยังสามารถปรับเพิ่มพื้นที่วางขาได้มากถึง 69-1,049 มิลลิเมตร เพื่อสามารถเข้าไปถึงแถวที่สามได้สะดวก ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์นับเป็นแบรนด์แรกของโลกที่นำเสนอฟังก์ชันนี้ในกลุ่มรถยนต์เอสยูวี นอกจากนี้ ความจุของห้องเก็บสัมภาระด้านหลังยังมีสูงถึง 855 ลิตร และเพิ่มได้สูงถึง 2,055 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่สอง และแถวที่สามลง รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า

 

 

           ระบบความสะดวกสบายและการสื่อสาร GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ มาพร้อมกับระบบมัลติมีเดีย MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ทั้งจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital widescreen cockpit ขนาดใหญ่พิเศษ 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอต่อเนื่องกัน และระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) ให้คุณเข้าถึงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน รวมถึงระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay™ & Android Auto) ช่อง USB Type C บริเวณที่นั่งทุกแถว ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad และไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี (ambient lighting) นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับบริการ ‘Mercedes me connect’ อีกด้วย

ระบบความปลอดภัย ของ GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic

• ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC)

• ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดบอดสายตา (Blind Spot Assist)

• ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องทาง (Active Lane Keeping Assist)

  • Mercedes-Benz GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic รุ่นประกอบในประเทศ ราคา 5,190,000 บาท

 

 

Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé

           Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé รถยนต์เอสยูวีคูเป้รุ่นล่าสุดจากค่าย Mercedes-AMG ที่มาช่วยเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอของรถยนต์ในตระกูล 63 ได้อย่างลงตัว มาพร้อมความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวในสไตล์คูเป้บวกกับความแข็งแกร่ง ดุดันในแบบรถยนต์เอสยูวี ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบความแรง และการขับขี่ในทุกๆ สถานการณ์

 

 

           ดีไซน์ภายนอก ด้วยชุดตกแต่ง AMG bodystyling รอบคัน และกระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator grille แนวตั้ง ล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ขนาด 20 นิ้วน้ำหนักเบาจากเอเอ็มจี มาพร้อมกับเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ซึ่งประกอบด้วยหลอดไฟ LED ที่ทำงานอิสระจำนวน 84  หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคมที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ดีไซน์ของฝากระโปรงหลังยังมาพร้อมกับปีกแบบ AMG ที่มีโครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ดูสะดุดตา เพิ่มลุคความสปอร์ตรวมถึงดิฟฟิวเซอร์สไตล์ใหม่ที่ช่วยพัฒนาการไหลเวียนของอากาศด้านหลังตัวรถ และหลังคาแก้วแบบ sliding sunroof ที่เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า   

 

 

           ดีไซน์ภายใน โฉบเฉี่ยวด้วยเบาะที่นั่ง AMG Performance seats หุ้มด้วยหนัง AMG nappa leather ผู้ขับขี่ยังจะได้พบกับความเร้าใจของพวงมาลัยแบบ AMG Performance Steering Wheel หุ้มด้วยหนังชนิด DYNAMICA microfibre ที่มีรูปทรงสปอร์ตท้ายตัดที่ออกแบบเป็นวงโค้งอย่างสมบูรณ์แบบ มาพร้อมกับปุ่ม AMG steering wheel button สามารถใช้คำสั่งหรือก้านควบคุมต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น เพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว (All-digital instrument display) ที่มีโหมดการแสดงผล 3 แบบในสไตล์เอเอ็มจี คือ Classic, Sport และ Super sports พร้อมระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่าย และมีความยืดหยุ่นสูงในการควบคุม เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกคำสั่งต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็ว และสอดคล้องกับสภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé มาพร้อมกับระบบมัลติมีเดีย MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ทั้งจอแสดงผลขนาด 12.35 นิ้ว พร้อม Touchpad 

 

 

           Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G Sport Transmission ที่ช่วยทำให้รถมีความคล่องตัวยิ่งขึ้น และช่วยให้อารมณ์ของการขับขี่ทุกครั้งเป็นเสมือนการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ต ผสานกับการตอบสนองของระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 9 จังหวะ ที่ช่วยในการควบคุมความเร็วอีกด้วย มาพร้อมเครื่องยนต์แบบ V8 ขนาด 4 ลิตร พร้อมเทอร์โบคู่ด้วยเทคนิคการติดตั้งเทอร์โบแบบ Hot inside V

  • Mercedes-AMG GLC 63 S 4MATIC+ Coupé ราคา 10,790,000 บาท

 

Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ โฉมใหม่

           Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé รถยนต์เอสยูวีคูเป้รุ่นล่าสุดโฉมใหม่ จากค่ายแบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูง ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ AMG Performance 4MATIC และความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว

 

 

           ดีไซน์ภายนอก มาพร้อมชุดตกแต่ง AMG bodystyling รอบคัน ลงตัวด้วยกระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator grill ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ขนาด 20 นิ้ว ตกแต่งด้านท้ายด้วย AMG Spoiler-lip, ปลายท่อไอเสีย 2 ท่อ แบบ  4-pipe look, ท่อไอเสียแบบ AMG Performance exhaust system ดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อน คาลิปเปอร์เบรกสีเทาพร้อมสัญลักษณ์ AMG และระบบกันสะเทือนแบบ AMG RIDE CONTROL+ air suspension พร้อมการปรับแต่งแบบ AMG sports ซึ่งมาช่วยเสริม ความดุดันให้กับรถยนต์รุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี

 

 

            ดีไซน์ภายใน โดดเด่นด้วยเบาะที่นั่งหุ้มหนังแบบ AMG Sport seat ตัดสลับ DINAMICA microfibre ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง เพิ่มความเร้าใจด้วย AMG Carbon-fibre trim โดยเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตท้ายตัดหุ้มด้วยหนัง nappa คุณภาพสูง พวงมาลัยนิรภัยพร้อมพาวเวอร์ปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ กาบบันไดสเตนเลส พร้อมสัญลักษณ์ AMG แบบเรืองแสง ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO รวมถึงไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี และระบบมัลติมีเดีย MBUX (Mercedes-Benz User Experience) พร้อมหน้าจอระบบสัมผัส หน้าจอเรือนไมล์แบบ All Digital instrument display ขนาด 10.25 นิ้ว และบริการ ‘Mercedes me connect’ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบแสดงข้อมูลขับขี่บนกระจกบังลมหน้าแบบ AMG Head-up Display ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® ระบบควบคุมและสั่งงานด้วย touchpad ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Bluetooth) ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS (Apple CarPlay™)

 

 

          ด้านเทคโนโลยี มาพร้อมกับระบบปรับรูปแบบขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AMG Performance 4MATIC และระบบความปลอดภัยอันล้ำสมัยมากมาย อาทิ ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า (Distance Pilot DISTRONIC) ซึ่งระบบนี้ทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกันชนหน้า  ในการคำนวณระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้าที่สัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้น และ ลดความเร็วของรถโดยอัตโนมัติรวมทั้งช่วยเบรกด้วยระดับแรงเบรกประมาณ 50% ของแรงเบรกปกติ เพื่อรักษาระยะห่างตามที่ผู้ขับขี่กำหนด โดยระบบนี้สามารถตั้งค่าความเร็วของรถที่ผู้ขับขี่ต้องการได้ตั้งแต่ความเร็วที่ 0-200 กม./ชม.

 

 

          Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ โฉมใหม่ มาพร้อมกับระบบส่งกำลังแบบ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G และเครื่องยนต์แบบ V6 เทอร์โบคู่แบบ Biturbo ที่มีจุดเด่นในเรื่องระบบแรงดันเสริมท่อสำหรับนำอากาศของชุดเทอร์โบ (boost pressure) ส่งผลให้สามารถเพิ่มแรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์รุ่นนี้ได้

  •  Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศ ราคา4,990,000 บาท

 

Mercedes-Benz E 300 e รุ่นประกอบในประเทศ

           ยนตรกรรมซาลูนอัจฉริยะที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ Mercedes-Benz E 300 e โดยมาพร้อมกับความโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะจากเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดผสานกับพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ควบคู่กับประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่สามารถประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจากเจนเนอเรชั่นก่อนหน้าถึง 60% และช่วยให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในโหมดไฮบริดเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยรถยนต์รุ่นนี้นำเสนอทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ E 300 e Avantgarde, E 300 e Exclusive และ E 300 e AMG Dynamic

 

 

          ดีไซน์ภายนอก ได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปท์ Sensual Purity สง่างามด้วยกระจังหน้า สีเงินเสริมโครเมียม พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ปลายท่อไอเสียเสริมโครเมียม 2 ท่อ โดยในรุ่น E 300 e AMG Dynamic มาพร้อมกับล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ 19 นิ้ว สำหรับรุ่น E 300 e Exclusive มาพร้อมกับล้ออัลลอยด์ 10 ก้านขนาด 19 นิ้ว ส่วนรุ่น E 300 e Avantgarde มาพร้อมกับล้ออัลลอยด์ 5 ก้านคู่ขนาด 18 นิ้ว และมาพร้อมกับไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ในรุ่น E 300 e AMG Dynamic และ E 300 e Exclusive พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ซึ่งประกอบด้วยหลอดไฟ LED ที่ทำงานโดยอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มแสง โดยใช้ระบบไฟหน้าให้เข้ากับสภาพการจราจรโดยรอบได้ ส่วนรุ่น E 300 e Avantgarde มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED High Performance นอกจากนี้ยังเพิ่มสุนทรียะในการขับขี่ด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟที่เลื่อนเปิด-ปิดได้ที่เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าสำหรับรุ่น E 300 e AMG Dynamic อีกด้วย

 

 

           ดีไซน์ภายใน มอบความหรูหราและความสะดวกสบายให้คุณตลอดการเดินทาง ด้วยเบาะนั่งหุ้มหนัง ARTICO ในรุ่น E 300 e Avantgarde และ E 300 e Exclusive และเบาะหุ้มหนัง nappa ในรุ่น E 300 e AMG Dynamic โดยเบาะคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำสำหรับตำแหน่งที่นั่งพวงมาลัย และกระจกมองข้าง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง nappa ในรุ่น E 300 e Avantgarde และ E 300 e Exclusive และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสไตล์สปอร์ตหุ้มหนัง nappa ในรุ่น E 300 e AMG Dynamic ซึ่งเป็นพวงมาลัยนิรภัยพร้อมเพาเวอร์ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า และปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ ปุ่มควบคุมแบบสัมผัส (Touch Control button) พร้อมจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบแบบ Digital widescreen cockpit ระบบ Audio 20 GPS พร้อมจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมเพิ่มสุนทรียภาพในการโดยสารด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สีอีกด้วย

            ระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ The new E 300 e มาพร้อมกับระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE® system) โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill-Start Assist ระบบรักษาความเร็ว(cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Parking Pilot including Active Parking Assist) และกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ รวมถึงระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT

 

 

           Mercedes-Benz E 300 e ยังมาพร้อมกับบริการ ‘Mercedes me connect’ ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้มากยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการได้อย่างง่ายดาย รถยนต์ Mercedes-Benz E 300 e ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนรุ่นใหม่ที่มีขนาดความจุ 13.5 kWh มากกว่าเดิมถึง 110% ผสานกับประสิทธิภาพของเซลล์แบตเตอรี่ชนิดใหม่ซึ่งมีส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) ส่งผลให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากความจุ 10% จนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ภายในระยะเวลา 5 ชั่วโมง หากชาร์จด้วยเครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์ดบอกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุด นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะแบบใหม่ (9G-TRONIC) ที่ช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้มากยิ่งขึ้น ทำให้การขับเคลื่อนมีความนุ่มนวล และลดเสียงรบกวนได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้สามารถลดระดับเกียร์ลงได้หลายระดับในกรณี ที่ต้องการเร่งแซงอย่างรวดเร็ว และมาพร้อมด้วยสมรรถนะจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุกระบอกสูบ 1,991 ซีซี ที่ให้ พละกำลังสูงถึง 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที และมีแรงบิด 350 นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบ 1,200 – 4,000 ต่อนาที และเมื่อผสานพลังกับมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง 122 แรงม้า จะทำให้ได้ System Output สูงสุดถึง 320 แรงม้าที่ 4,500 – 5,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดถึง 700 นิวตันเมตรนอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยเพียง 46 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น

  • Mercedes-Benz E 300 e Avantgarde ราคา 3,190,000 บาท
  • Mercedes-Benz E 300 e Exclusive ราคา 3,440,000 บาท
  • Mercedes-Benz E 300 e AMG Dynamic 3,770,000 บาท
รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook