Land Rover Defender 2020 ยนตรรกรรมที่ได้รับการออกแบบสะท้อนความเรียบง่ายผ่านตัวถังในรูปแบบเอกลักษณ์ แต่สะท้อนความล้ำสมัย เป็นการปรับปรุงให้มีความแข่งแกร่งมากขึ้น โดยการใช้แพลตฟอร์ม MLA แบบเดียวกันกับ Range Rover Sport และ Land Rover Discovery ห้องโดยสารออกแบบให้มีความแข็งแรงทนทานด้วยวัสดุคุณภาพสูง แต่ให้หรูหราระดับพรีเมี่ยน ถูกออกแบบให้มีเส้นสายแนวนอนจึงรู้สึกกว้าง พวงมาลัยทรงแปลกตาที่ควบคุมการทำงานด้วยปลายนิ้ว มาเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ล้ำสมัย ระบบเชื่อมต่อ WiFi ผ่านจอแสดงผลแบบสัมผัส, ที่ชาร์จแบบไร้สาย เมื่อมองเข้าไปแล้วทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในรถแห่งอนาคต
ต้นกำเนิดพลังในการขับเคลื่อนที่ยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัดว่าจะใช้เครื่องยนต์แบบ Hybrid, Plugin Hybrid หรือจะเป็นเครื่องยนต์ Ingenium ที่ขึ้นชื่อของ Jaguar-Land Rover โดยซึ่งเครื่องยนต์ชนิดนี้มีโครงสร้างแบบเดียวกันไม่ว่าเป็นเครื่องเบนซิน หรือดีเซล คือมีขนาดความจุขนาด 500 ซีซี. ต่อกระบอกสูบ จุดเด่นคือสามารถใช้ได้กับรถเกือบทุกประเภททั้งแบบขับเคลื่อนสองล้อ และสี่ล้อ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่คาดว่าจะมีเลือกทั้งระบบเกียร์แบบอัตโนมัติ และแบบธรรมดา พร้อมโหมดการขับให้เลือกตามความเหมาะสมกับพื้นผิวถนน ระบบกันสะเทือนด้านหลังแบบอิสระ
จากภาพลักษณ์ที่พูดถึงอาจทำให้คิดว่าความแข็งแกร่งที่เป็นเอกลักษณ์หายไป แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด ตรงกันข้ามเพราะ Land Rover Defender 2020 นี้จะเป็นรถที่แข่งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยพัฒนามาของ Land Rover ที่ผ่านการทดสอบมากถึง 1.2 ล้านกิโลเมตร ตามสถานที่ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็น Death Valley ในสหรัฐอเมริกาที่ร้อนแผดเผา หรือหนาวเย็นจัดในสวีเดน บนทะเลทรายในดูไบ หรือในสนามแข่งที่โหดหินอย่าง Nurburgring
ยนตกรรมที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันในสหราชอาณาจักร และผลิตในโรงงาน Nitra อันล้ำสมัยในสโลวาเกีย ที่เปิดใหม่เมื่อปีที่ผ่านมา โรงงานแห่งนี้ใช้การประกอบด้วย Kuka Pulse System ที่สามารถสร้างงานได้เร็วกว่าแบบสายพานเดิมถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ด้วยมาตรฐานในการผลิตจากโรงงานแห่งนี้ Jaguar-Land Rover คาดว่าจะมีการผลิตรถยนต์ได้มากถึง 100,000 คัน ซึ่งรวมถึงรุ่น Land Rover Discovery ด้วย
แน่นอนว่างานนี้ Land Rover Defender 2020 มีคู่แข่งที่พอสมน้ำสมเนื้อใกล้เคียงกันรออยู่ ไม่ว่าจะเป็น Jeep’s Wrangler, Ford Bronco, Toyota Land Cruiser และ Land Cruiser Prado แต่ทางผู้ผลิตกับเปรียบเทียบกับ G-Wagen ของ Mercedes-Benz และถึงแม้ว่าจะยังไม่ระบุวันผลิตที่แน่นอน แต่คาดว่ารถยนต์รุ่นใหม่นี้จะถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณปลายปี และเริ่มจำหน่ายจริงต้นปี 2020
