เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่แฟนๆ ชาวไทยรอคอยการมาถึงอยู่ไม่น้อย สำหรับรถ Mini MPV 7 ที่นั่ง จากค่าย Suzuki กับ Suzuki All-New Ertiga ซึ่งได้รับการเปิดตัวไปแล้วที่ประเทศอินโดนีเซียตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2018 ซึ่งถือเป็นรถอเนกประสงค์ที่ขายดี และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศอินเดีย โดย Suzuki Ertiga ใหม่ นั้น มีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศไทยในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ซึ่งแน่นอนว่า มันจะมาเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Mitsubishi Xpander
สำหรับ Suzuki Ertiga ใหม่ นั้น ถือเป็นเจเนอร์เรชั่นที่ 2 ซึ่งได้รับการปรับเปลี่ยน และพัฒนาใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดท้าย เริ่มจากแพลตฟอร์มใหม่ Heartect เช่นเดียวกับ Suzuki Swift ซึ่งมีน้ำหนักตัวถังที่เบาลงกว่าเดิม และแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม ด้านดีไซน์มาพร้อมกับไฟหน้าใหม่แบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED, กระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ รับกับชุดกันชนหน้าทรงสปอร์ตพร้อมไฟตัดหมอกในตัว ตัวรถถูกออกแบบมาในตัวถังแบบ 7 ที่นั่ง ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 40 มม. และยาวขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 99 มม., ไฟท้ายดีไซน์ L Shape แบบ LED ปิดท้ายด้วยล้อแม็กดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 185/R65 R15
ส่วนภายในของ Suzuki Ertiga ใหม่ มาพร้อมกับห้องโดยสารโทนสีเบจ ตัดด้วยวัสดุลายไม้แบบ 7 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งแถว 2 สามารถพับเก็บได้แบบ 60:40 และแถว 3 แบบ 50:50 ซึ่งสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระสูงสุดได้ถึง 550 ลิตร แผงคอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ที่ให้ความรู้สึกที่หรูหรา ช่องแอร์แบบสี่เหลี่ยมคางหมู, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบ 3 ก้านทรง D Shape, มาตรวัดแบบเรืองแสง, ระบบอินโฟเทนเมนท์ผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 6.8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Bluetooth, ระบบปรับอากาศแบบแยกส่วนหน้า-หลัง, ระบบกุญแจ Smart Keyless และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start
สำหรับขุมพลังเครื่องยนต์ของ Suzuki Ertiga ใหม่ ก็ได้รับการพัฒนาใหม่เช่นเดียวกัน โดยมาพร้อมเครื่องยนต์รหัส K15B ขนาด 1.5 ลิตร (1,462 ซีซี.) DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT หัวฉีด Multipoint Injection ให้กำลังสูงสุด 104 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตัน-เมตรที่ 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือ เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า
ทั้งนี้ Suzuki Ertiga ใหม่ มีกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศไทย ในวันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ส่วนราคายังไม่ถูกเปิดเผย แต่คาดว่าจะอยู่ราวๆ 680,000 - 800,000 บาท ซึ่งหากเปิดตัวมาในราคานี้จริงๆ รับรองว่าสามารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดกับ Mitsubishi Xpander ได้อย่างแน่นอน
