เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 9 มกราคม 2562 - 15:53

Suzuki Swift vs. MG 3 รุ่นไหนจะคุ้ม รุ่นไหนจะตอบโจทย์ได้ดีที่สุด ในงบประมาณที่เท่ากัน!!!

          เปิดศักราช 2019 ด้วยคู่เปรียบเทียบที่จี๊ดที่สุดของปี 2018 กับรถยนต์สปอร์ตคอมแพ็คทรง Hatchback สุดจี๊ดจ๊าดทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ Suzuki Swift รถยนต์ Eco Car ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่เกินคลาส กับ MG 3 ที่ได้ชื่อว่าเป็น Smart Car อัจฉริยะในราคาระดับ Eco Car ซึ่งในวันนี้ทาง BoxzaRacing ขอหยิบนำเอารุ่นท็อปของทั้ง 2 รุ่นมาประชันกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าทั้ง 2 รุ่นนั้นมีราคาจำหน่ายเท่ากันอยู่ที่ 629,000 บาท ส่วนรุ่นไหนจะมีความคุ้มค่า และรุ่นไหนจะตอบโจทย์ของคุณได้ดีที่สุด เราไปหาคำตอบกัน

 

Suzuki Swift

 

          เรามาเริ่มกันที่ Eco Car เจ้าตลาดกันก่อน กับ Suzuki Swift ซึ่งเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จ และเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของ Suzuki โดย Suzuki Swift 2018 นี้ ถือเป็น Generation ที่ 3 ที่มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอก และภายใน รวมไปถึงแพลตฟอร์มใหม่ Heartect ที่ยกระดับความปลอดภัย และเครื่องยนต์ใหม่ Dual Jet ที่ให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้น

 

ไฟหน้า LED Projector ปรับระดับสูง-ต่ำได้ พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED

 

กระจังหน้าใหม่ดีไซน์สปอร์ต ตกแต่งด้วยเส้นสีแดงเพิ่มความเร้าใจ

 

มือจับประตูด้านหลังที่เรียบเนียนไปกับตัวรถ

 

โดดเด่นสะกดทุกสายตาด้วยไฟท้ายใหม่แบบ LED

 

          Suzuki Swift มาพร้อมกับดีไซน์ที่หรูหรา ยกระดับรถ Eco Car แบบยุโรป เริ่มจากไฟหน้าที่เป็นแบบ LED Projector ปรับระดับสูง-ต่ำได้ พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED เข้าชุดกับกระจังหน้าใหม่ดีไซน์สปอร์ต ตกแต่งด้วยเส้นสีแดงเพิ่มความเร้าใจ เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยการออกแบบเส้นสายบนฝากระโปรง และด้านข้างของตัวรถ รวมไปถึงการดีไซน์มือจับประตูด้านหลังที่เรียบเนียนไปกับตัวรถ โดดเด่นสะกดทุกสายตาด้วยไฟท้ายใหม่แบบ LED ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว

 

มิติตัวถัง Suzuki Swift

 

มิติตัวถัง Suzuki Swift

  • กว้าง x ยาว x สูง 1,735 x 3,840 x 1,495 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2,450 มม.
  • ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า 1,520 มม.
  • ระยะห่างระหว่างล้อคู่หลัง 1,525 มม.
  • รัศมีวงเลี้ยว 4.8 เมตร
  • น้ำหนักตัวรถ 910 กก.

 

คอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้วยวัสดุสีขาวเพิ่มความสปอร์ต

 

เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ต โอบกระชับทุกสรีระ

 

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบท้ายตัด D-Shape

 

Suzuki Smart Connect หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Bluetooth และรองรับ Apple CarPlay ในรุ่น GLX-Navi

 

          ส่วนภายในของ Suzuki Swift ออกแบบมาในแนวสปอร์ต ผสานกับความสะดวกสบายที่เหนือระดับ เริ่มจากการออกแบบคอนโซลหน้าใหม่ ที่ตกแต่งด้วยเส้นสายสีขาว พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่นท้ายตัดแบบ D-Shape ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตแบบ Bucket Seat มาตรวัดสไตล์สปอร์ต ตกแต่งด้วยเส้นสายสีแดง พร้อมจอแสดงผลข้อมูลขับขี่แบบ LCD นอกจากนี้ในรุ่น GLX ขึ้นไป จะมาพร้อมกับระบบ Keyless Push Start และระบบล็อคความเร็ว Cruise Control และสำหรับในรุ่น GLX-Navi จะมาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว Suzuki Smart Connect ที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Bluetooth และรองรับ Apple CarPlay

 

เครื่องยนต์หัวฉีดคู่ Dual Jet ความจุ 1.2 ลิตร สมรรถนะ 83 แรงม้า แรงบิด 108 นิวตัน-เมตร

 

          ด้านขุมพลังเครื่องยนต์ของ Suzuki Swift มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ ภายใต้ชื่อ Dual Jet กับเครื่องยนต์หัวฉีดคู่ รหัส K12M ขนาด 1,197 ซีซี. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังขับเคลื่อนผ่านล้อหน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งมีโดดเด่นด้านการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และให้การขับขี่ที่สนุกในรอบต้น

 

 

          Suzuki Swift มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน อาทิ ระบบป้องกันล้อล็อก ABS, ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบ Idling Stop (ระบบสตาร์ท - ดับเครื่องอัตโนมัติ), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ฯลฯ

 

 

          สำหรับราคาจำหน่ายของ Suzuki Swift ในรุ่น GLX-Navi CVT (รุ่นท็อปสุด) มีราคาจำหน่ายที่ 629,000 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับสมรรถนะของเครื่องยนต์ และขนาดของตัวรถก็อาจจะดูว่ามีราคาสูงเกิน Eco Car ไปนิด แต่ถ้าหากมองภาพรวม และได้ลองสัมผัสแล้วก็จะรู้สึกได้ว่ามันคุ้มค่าสมราคา

ติดตามรีวิว Suzuki Swift ได้ที่ Suzuki SWIFT 2018

 

MG 3

 

          มาต่อกันที่ MG 3 กันบ้าง ซึ่งในรุ่นท็อปอย่างรุ่น V นั้น มีราคาจำหน่าย 629,000 เท่ากัน ซึ่งเจ้าแฮทช์แบ็คตัวจี๊ด MG 3 นั้นถือเป็นรุ่นชูโรง และเป็นรุ่นบุกเบิกตลาดประเทศไทยได้อย่างเต็มภาคภูมิ ด้วยยอดจำหน่ายกว่า 17,000 คัน นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 และในปี 2018 MG ได้พัฒนาต่อยอดความสำเร็จขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัว All-New MG 3 ภายใต้นิยาม "We Are Fun มองโลกให้สนุกทุกเส้นทาง" ที่มาพร้อมกับดีไซน์อันโดดเด่น เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุกเร้าใจยิ่งกว่าเดิม

 

ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยว

 

กระจังหน้าใหม่ ที่มาพร้อมกับความหรูหรา และทันสมัยมากยิ่งขึ้น

 

ไฟท้ายแนวตั้ง LED Light Guide ตามสมัยนิยม

 

ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต

 

          MG 3 ใหม่ ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC มาพร้อมดีไซน์ที่แปลกใหม่สะดุดตาด้วย กระจังหน้าใหม่ ที่ให้ความหรูหรา และทันสมัยมากยิ่งขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น MG อย่างชัดเจน ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟ Daytime Running Lights แบบ LED สอดรับกับชุดกันชนหน้าใหม่ ที่ออกแบบให้ดูมีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น เส้นสายด้านข้างตัวรถถูกนำมาแต่งเติมความโฉบเฉี่ยว ที่เข้าชุดกับไฟท้ายแนวตั้งแบบ LED Light Guide พร้อมไฟเบรกดวงที่สาม และไฟตัดหมอกหลัง พร้อมจัดเต็มความหรูหราที่เหนือระดับ ที่ไม่มีในรถระดับเดียวกัน ด้วยหลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้า ปิดท้ายด้วยความสปอร์ตอย่างมีสไตล์ด้วยสปอยเลอร์หลังดีไซน์สปอร์ต สเกิร์ตข้างสีทูโทน และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

 

มิติตัวถัง MG 3

 

มิติตัวถัง MG 3

  • กว้าง x ยาว x สูง : 1,729 x 4,055 x 1,516 มม.
  • ระยะฐานล้อ : 2,520 มม.
  • ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า 1,496 มม.
  • ระยะห่างระหว่างล้อคู่หลัง 1,483 มม.
  • ระยะต่ำสุดจากพื้น : 116 มม.
  • น้ำหนักตัวรถโดยประมาณ : 1,190 กก.
  • ความจุถังน้ำมัน : 45 ลิตร

 

ห้องโดยสารตกแต่งด้วยลวดลายโมเดิร์นกราฟิก

 

เบาะนั่งทรงสปอร์ต โอบกระชับทุกสรีระ

 

หลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้า มอบความหรูหราเหนือระดับ ครั้งแรกในคลาส

 

          สำหรับภายในห้องโดยสารของ MG 3 ใหม่ ได้รับการออกแบบให้ดูมีความหรูหรา และโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เริ่มจากห้องโดยสารแบบสปอร์ตโทนสีดำ, แผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยลายโมเดิร์นกราฟิก พร้อมติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว, ระบบปรับอากาศแบบอิเล็คทรอนิก และช่องแอร์ทรงกลมสไตล์เจ็ท เทอร์ไบน์, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มกดระบบสั่งการด้วยเสียง และระบบ Cruise Control ครั้งแรกในรถระดับเดียวกัน, เบาะหนังนั่งสบายโอบกระชับทุกสรีระ พร้อมปรับ 6 ทิศทางสำหรับคนขับ ผสานเส้นสายกับสีสันของเบาะโดยสารลายโมเดิร์นกราฟิก, เบาะผู้โดยสารแถวหลังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40, ปิดท้ายด้วยหลังคาซันรูฟปรับไฟฟ้า อีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดจาก MG 3 ใหม่

 

MG 3 ใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยี i-SMART ฟังก์ชั่นแจ้งเตือนข้อมูลสำคัญของรถผ่านทางสมาร์ทโฟน

 

จอระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ให้คุณสนุกได้ทุกการเดินทาง

 

          ทั้งนี้ MG 3 ใหม่ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะ i-SMART ฟังก์ชั่นที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ที่รวบรวมข้อมูลที่มีความสำคัญ และแจ้งต่อผู้ขับได้ตลอดเวลา อาทิ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, สภาพการทำงานของแบตเตอรี่, เครื่องยนต์ และระบบเบรก ผ่านทางสมาร์ทโฟน พร้อมกับช่วยแจ้งเตือนการเคลื่อนที่ของรถที่ผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการโจรกรรม ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกระดับ อีกทั้งระบบ i-SMART ยังเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้นผ่านหน้าจอระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว ด้วยฟังก์ชันที่ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานจาก WONGNAI สำหรับเสิร์ชหาร้านอาหาร และแนะนำเมนูเด็ด, ฟังก์ชันใช้งานจาก AGODA เพื่อค้นหาโรงแรม เมื่อต้องท่องเที่ยวหรือเดินทางค้างแรม รวมทั้งฟังก์ชันใช้งาน Online Music ในรูปแบบ Live Stream บนระบบคลาวด์ได้กว่า 1 ล้านเพลง

 

เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว สมรรถนะ 112 แรงม้า

 

          ด้านขุมพลังเครื่องยนต์ของ MG 3 ใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 1,498 ซีซี. VTi-TECH จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์ ให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด พร้อม Manual Mode ที่ปรับปรุงใหม่ สามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงสุดถึง E85

 

MG 3 ใหม่ มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่ครบครัน

 

          ในด้านความปลอดภัยนั้น MG 3 ใหม่ มาพร้อมกับโครงสร้างตัวถังนิรภัย USD (Ultimate Stiffness Design) พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า และมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบความปลอดภัยแบบ SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM รวม 8 ฟังก์ชัน ที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA, ระบบควบคุมการทรงตัว SCS เข้าโค้งอย่างมั่นใจด้วยระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS, ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS และ ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องมองหลัง และสัญญาณเตือนขณะถอยหลังอีกด้วย

 

MG 3 รุ่น V มีราคาจำหน่ายที่ 629,000 บาท

 

          ทั้งนี้ MG 3 ใหม่ รุ่นย่อย V นั้น มีราคาจำหน่ายที่ 629,000 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่คุ้มค่าเป็นอย่างมากหากเทียบกับอ็อพชั่นที่จัดมาให้อย่างอัดแน่น รวมไปถึงเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ครบครัน

ติดตามรีวิว MG 3 ได้ที่ MG 3 2018

 

เปรียบเทียบภายนอกแบบชัดๆ

 

เปรียบเทียบภายในทุกซอกทุกมุม

 

Comment

          สำหรับใครที่กำลังสนใจ และหมายปองรถยนต์ที่มีความคล่องตัว และคุ้มค่าคุ้มราคา บอกเลยว่าทั้ง 2 รุ่น ที่ทาง BoxzaRacing นำมาเปรียบเทียบกันในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น Suzuki Swift หรือ MG 3 ต้องเป็นตัวเลือกแรกๆ ของคุณอย่างแน่นอน ซึ่งทั้งคู่ต่างก็มีข้อดี และจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป

          โดยหากใครที่มองหารถยนต์ที่มีความประหยัด เน้นการขับขี่ และใช้งานในเมืองเป็นส่วนใหญ่ บอกเลยว่าในเวลานี้ คงไม่มีรุ่นไหนน่าสนใจไปกว่า Suzuki Swift อีกแล้ว แต่ถ้าหากใครที่ชื่นชอบในเทคโนโลยี ต้องการอ็อพชั่นที่จัดเต็ม และคุ้มค่าเกินราคา คงต้องยกให้ MG 3

 

 

          สำหรับการ Battle กันในครั้งนี้ หากจะพูดถึงความคุ้มค่าในงบประมาณที่เท่ากันที่ 629,000 บาท !!! ดูเหมือนว่า MG 3 จะมีความคุ้มค่ามากกว่า ด้วยอ็อพชั่น และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่อัดแน่นเต็มลำ รวมไปถึงขนาดเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ไม่ได้ต้องการใช้ฟังก์ชั่นอะไรของรถขนาดนั้น ต้องการรถยนต์ที่ขับดี ประหยัดน้ำมัน แข็งแรง ทนทาน และบำรุงรักษาง่าย Suzuki Swift อาจจะมีความคุ้มค่ากว่าในระยะยาวก็เป็นได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ และลักษณะการใช้งานของตัวคุณเอง

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook