Nissan เป็นแบรนด์ที่เด่นเรื่องอีโค่คาร์มาตั้งแต่ต้น เป้นผู้นำในการเปิดตลาดรถประหยัดด้วยรุ่นมาร์ช ตามด้วยรถซีดานกว้างขวางคุ้มค่าอย่างอัลเมร่า จนล่าสุดได้เปิดตัวแฮตช์แบ็คสุดไฮเทค Nissan Note ที่นอกจากเป็นรถที่กว้างขวางที่สุดเหนือกว่าทุกอีโค่คาร์แล้ว ยังมีระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ระบบช่วยเบรคก่อนการชนด้านหน้า ล่าสุดกับรุ่นปี 2018 Nissan Note และ Almera ได้ลูกเล่นใหม่ขึ้นมาอีก คือ ระบบอินโฟเทนเม้นท์ที่รองรับ Apple Car play กับ Andriod auto พร้อมแฝงลูกเล่นตกแต่งให้สวยงามขึ้นอีกในราคารุ่นท็อปเท่าเดิม (Almera ราคา 637,000 และ Note ราคา 640,000 บาท) ถ้าไม่คุ้มสุด ณ ชั่วโมงนี้ ไม่รู้จะสรรหาคำว่าอะไรดีแล้ว
เพื่อให้ได้ลองใช้งานจริงๆ กับรถซิตี้คาร์แบบนี้ ก็ต้องขอลองขับในสถาณการณ์สุดยุ่งเหยิงกลางเมืองกรุง แถมเป็นตอนค่ำที่ฝนตกหนักอีกด้วย เพื่อให้เข้าถึงขีดสุดของวิกฤติคนกรุงที่ต้องเผชิญจริง โดยทีมงานเลือกรถ Nissan Note ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด จับมาควบผ่านความมืดและสายฝนเม็ดใหญ่ ผสมกับดินโคลนที่รถต่างๆ ดีดเข้ามาใส่ ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อเซนเซอร์และกล้องตรวจจับการออกนอกเลน อีกทั้งระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้า ยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจ ขับท่ามกลางสายฝนหนักๆ อย่างไม่ต้องเกร็งพวงมาลัย ในความเร็วบนทางด่วน 100 กม./ชม. ที่มีรอบเครื่องแค่ 2,000 รอบนิดๆ จัดว่าประหยัดมากแล้ว
เมื่อเจอรถติดหนักๆ ก็ทำให้ได้เล่นระบบเชื่อมต่อแบบไร้สาย แค่เปิดบลูทูธทั้งมือถือและในรถ ใช้เวลาจับคู่กันเสร็จเร็วกว่ารอไฟเขียวที่สี่แยกเสียอีก จากนั้นก็ใช้งานหน้าจอแตะไอคอนโทรศัพท์ใช้โทรออกรับสายได้ โดยที่มือไม่ต้องจับไอโฟนให้เกะกะ ที่มีหน้าตาโปรแกรมใช้งานง่ายและชัดเจน แถมใครไม่อยากแตะหน้าจอ ก็ยังมีปุ่มที่พวงมาลัยไว้ควบคุมการรับสาย เล่นเพลง และความดังลำโพงได้อีก และของเด็ดกว่านั้นที่เพิ่มมาก็คือระบบ Apple car play เชื่อมต่อผ่านสายเคเบิลกับมือถือ เสร็จแล้วก็ได้เล่นระบบนำทางจากแอปในมือถือของเราโดยตรงเลย (บางแอปอาจต้องเสียตังค์ซื้อเพจเกจเพิ่ม) การเชื่อมต่อก็ทำได้ผ่านสายเคเบิล จากนั้นก็กดที่ไอคอนแอปบนหน้าจอ แล้วเลือกโปรแกรมที่ต้องการได้เลย โดยตลอดทริปการเดินทาง เราใช้แอปแผนที่เป็นหลัก ซึ่งดีกว่ามองแผนที่ผ่านจอมือถือแน่นอน หรือถ้าใครมีสมาร์ทโฟนแอนดรอย ก็ใช้วิธีง่ายแบบนี้เหมือนกันครับ เรียกว่าใครถนัดแอปไหนก็เอาที่สบายใจใช้ง่ายได้ทุกท่า
หลังจากค่อยๆ คืบคลานจนเข้ามาถึงใจกลางเมืองอย่างเยาวราช ก็ได้ลองเข้าที่จอดรถของโรงแรมในย่านนั้น ซึ่งเป็นอาคารจอดรถที่แคบได้ใจ ชนิดที่รถเก๋งหน้ายื่นท้ายยาวทั่วไป ไม่สามารถตีโค้งขึ้นได้ในหนเดียวแน่นอน แต่สำหรับ Nissan Note ใหม่ที่ดีไซน์สไตล์ MPV ทรงกะทัดรัดแล้ว พอหักเลี้ยวตั้งลำตามไลน์ดีๆ ก็สามารถผ่านไปได้รวดเดียว แต่บางมุมที่ไม่ชัวร์ว่าจะทำรถทดสอบเขาเป็นรอยหรือไม่ เราก็ต้องขอถอยกลับไปตั้งหลักใหม่ ซึ่งพอเข้าเกียร์ถอยหลังแล้ว กล้องรอบทิศทางก็แสดงภาพขึ้นกระจกมองหลังเลย โดยชอบตรงที่เห็นภาพเป็นมุมสูง เห็นทั้ง 4 มุม ได้ครบในภาพเดียว แทบไม่ต้องเพิ่งกระจกมองข้างเลย พอเข้ามาในช่องจอดรถ ซึ่งได้ซอยไว้เป็นซอกขนาดพอดีตัว ก็มีระบบกล้องถอยหลังที่บอกขีดช่วยเล็งระยะได้อย่างแม่นยำ ไม่หลอกตา ทำให้การขับขี่ในที่แคบดูโปร ไม่เงอะงะพะวงอะไรเหมือนการขับรถเก่าๆ
หลังจากชอปปิ้งย่านเยาวราชเสร็จ กลับมาที่รถด้วยถุงอาหารสารพัดเป็นพวงใหญ่ แต่นำสัมภาระเข้ารถได้ง่ายไม่มีปัญหา เพราะประตูตอนหลังเปิดอ้าได้ถึง 85 องศา ฟังดูอาจจะไม่เห็นภาพมากนัก เอาเป็นว่ามันกว้างจนยัดของเต็มมือทั้งหมดได้ในคราวเดียว ไม่ต้องเบี่ยงตัวเข้าทีละข้าง จากนั้นก็ขับออกจากที่จอดรถทางเดิม คราวนี้ก็ไหลลงอย่างลื่นๆ กับอาคารที่มีทางลงเลนเดียวแคบๆ รถสวนกันไม่ได้ แต่โน๊ต 2019 ตีโค้งลงง่ายๆ ไม่เบียดเสา ขับแล้วไม่เครียดสมกับเป็นรถที่คิดตอบโจทย์มาให้คนเมืองจริงๆ
Nissan Note 2018 มีฟังก์ชั่นเพิ่ม แต่ราคายังคงเท่าเดิมที่ 640,000 บาท ส่วนซีดาน Nissan Almera ยังเพิ่มการตกแต่งสวยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเบาะผ้าที่เย็บด้ายสีแดงใหม่ ให้ดูสปอร์ตร้อนแรงขึ้น บอกเลยว่าใครไม่ได้มาลองขับด้วยตัวเอง รับรองว่าพลาดที่จะสัมผัสความกว้างและความปลอดภัย แถมด้วยความประหยัด หายากนะครับกับรถที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยแล้วมีความสุข แบบที่ไม่ต้องปรับตัวเข้าหารถมากนัก เพราะความเรียบง่ายไม่ซับซ้อนและครบด้วยความไฮเทคที่จำเป็น ใช้ซอกแซกผ่ากลางกรุงอย่างสบายใจจริงๆ
