เกาะกระแส...ห้ามรถเก่าเกิน 7 ปี วิ่งในกรุงเทพฯ จริง เท็จ และเป็นไปได้ขนาดไหน ?
กลับมาอีกครั้งกับประเด็นร้อน ณ ปัจจุบัน ห้ามรถเก่าเกิน 7 ปี วิ่งในกรุงเทพฯ ที่กำลังเป็น Talk of The Town ในโลกโซเชียลมีเดีย ทั้งเสียงที่เห็นด้วย เสียงที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งในวันนี้ ทีมงาน BoxzaRacing จะมาอธิบายถึงความหมายที่แท้จริงของกฎหมายนี้กัน
เริ่มจากกฎหมายนี้ ได้เผยถึงแนวคิดจาก พล.ต.ต. อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงแผนการพัฒนา และแก้ไขปัญหาระบบการจราจรในกรุงเทพมหานครในส่วนของผู้ใช้รถขับรถรุ่นเก่าที่มีอายุ 7-10 ปี ห้ามนำเข้ามาวิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งหากนำเข้ามาวิ่งจะต้องเสียภาษีเทียบเท่ารถใหม่ โดยแนวคิดนี้ถูกเผยครั้งแรกเมื่อปี 2556 แต่เนื่องจากมีกระแสการคัดค้านจึงมีการทบทวนพิจารณาใหม่
แต่มีบางคนได้ตั้งประเด็นว่าหากห้ามรถเก่าวิ่งจริง จะเป็นการส่งผลเสียต่อผู้ใช้รถอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถอย่างทะนุถนอน, ผู้ใช้รถมือสองว่าอาจได้รับผลกระทบทำให้ไม่สามารถนำรถใช้งานในกรุงเทพฯ ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่ใช้รถเก่า หรือรถมือสองสามารถวิ่งในกรุงเทพฯ ได้ตามปกติ เพียงแต่หากต้องใช้งานในกรุงเทพฯ ก็จะต้องเสียภาษีเทียบเท่ารถยนต์ใหม่ โดยจะมีลำดับขั้นการเสียภาษีรถใหม่ตามอายุของรถ เช่น ในสมัยก่อนรถยนต์ไม่เกิน 7 ที่นั่ง ที่มีอายุ 1 ถึง 5 ปี นับตั้งแต่การจดทะเบียนรถใหม่ ต้องเสียภาษีเท่าเดิมในอัตราที่กำหนด แต่ถ้าพ้นปีที่ 5 ต้นไป ภาษีจะถูกปรับลง หากมีอายุถึง 10 ปี ก็จะสามารถลดภาษีได้มากถึง 50% เลยทีเดียว ซึ่งมาตรการใหม่ จะบังคับผู้ใช้รถเก่าที่มีอายุเกิน 7-10 ปี จะต้องเสียภาษีเกณฑ์รถ 1 ปี เท่าเดิม และการดำเนินคดีจะกำหนดจากการเลี่ยงภาษีเท่านั้น
หลังจากทำความเข้าใจกับกฎหมายนี้ว่า ผู้ใช้รถที่มีอายุเกิน 7-10 ปี ก็จะสามารถวิ่งในกรุงเทพฯ ได้ตามปกติเพียงแต่ต้องเสียภาษีอัตราเดิมแทน แต่บางฝ่ายได้มองผลกระทบที่สำคัญว่า ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพ เพราะต้องจ่ายค่าภาษีในจำนวนที่ไม่ต่างจากเดิมในปีแรก ประกอบกับอาจมีความเหลื่อมล้ำทางด้านมูลค่าของตัวรถ รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ราคารถใหม่ที่สูงขึ้นทุกปี แน่นอนว่าจึงเป็นปัญหาสำหรับผู้มีค่าครองชีพที่มีไม่สูงนัก
สำหรับสาเหตุของการปรับอัตราภาษีรถยนต์ประจำปีตามอายุขัยของรถนี้ จะอ้างอิงจากกฎหมายในต่างประเทศ เพื่อช่วยในการยกระดับการลดมลพิษของเครื่องยนต์รวมไปถึงการกระตุ้นการซื้อรถใหม่อีกด้วย แต่อย่าลืมว่า...การจะอนุมัติกฎหมายนี้ต้องคำนึงถึงรถยนต์สาธารณะในเมืองไทยที่บางรุ่นใช้งานเกือบ 30 ปี มาแล้วด้วยซ้ำ
เรียกได้ว่า แนวคิดของกฎหมายนี้ ยังคงต้องรอดูสถานการณ์กันต่อไป แต่ประชาชนคาดหวังว่าต้องการให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหาจราจรที่มีความเด็ดขาด โปร่งใส ยุติธรรม มากกว่าการเพิ่มมูลค่าของค่าปรับหรือภาษีมากกว่า
