Honda ประกาศความสำเร็จในด้านผู้นำตลาดรถยนต์ในไทยสูงที่สุดในปี 2558
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความสำเร็จในฐานะผู้นำตลาดรถยนต์นั่งอันดับหนึ่งในประเทศไทยประจำปี 2558 ด้วยยอดขายสูงสุด 112,178 คัน เติบโตจากปีที่แล้วขึ้น 5.3% สวนทางกับสภาวะเศรษฐกิจและการชะลอตัวของตลาดรถยนต์ ประกอบกับรับรางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม (TAQA-Thailand Automotive Quality Award) ด้านภาพลักษณ์ดีเด่นประเภทยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ จากงานมหกรรมยานยนต์ เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน (2555-2558)
ด้วยยอดจำหน่ายสะสมสูงสุด (มกราคม-ธันวาคม 2558) จำนวนรวมทั้งสิ้น 112,178 คัน (นับรวม Honda CR-V และ HR-V) สามารถครองส่วนแบ่งตลาด 31.5% จากยอดจำหน่ายตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งสิ้น 356,052 คัน (นับรวมรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ ที่เสียภาษีในอัตราเดียวกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล)
เมื่อเปรียบเทียบกับยอดจำหน่ายของฮอนด้าในปี 2557 (106,482 คัน) ฮอนด้ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 5.3% ในขณะที่ยอดจำหน่ายตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราลดลง 13.5% ซึ่งทำให้ฮอนด้าสามารถครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลประจำปี 2558
ขณะที่ยอดจำหน่ายรถยนต์ในตลาดรวมมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 799,612 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับยอดจำหน่ายรวมของปี 2557 (881,832 คัน) ตลาดรวมมีอัตราลดลงถึง 9.3% โดยฮอนด้ามีส่วนแบ่งทางการตลาด 14% อยู่อันดับสามในตลาดรวม (ซึ่งรวมรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล)
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "ยอดขายของฮอนด้าที่เติบโตขึ้น สวนทางกับทิศทางตลาดรถยนต์และสภาวะเศรษฐกิจ จนสามารถครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลประจำปี 2558 นับเป็นหนึ่งความสำเร็จของฮอนด้าในปีที่ผ่านมา ด้วยความเชื่อมั่นจากลูกค้าชาวไทยที่มีต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เสมอมา และฮอนด้ายังได้รับรางวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม ด้านภาพลักษณ์ดีเด่นประเภทยี่ห้อที่น่าเชื่อถือถึง 4 ปีซ้อน ทางบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ได้ให้ความไว้วางใจในผลิตภัณฑ์และการบริการของฮอนด้ามาโดยตลอด
สำหรับในปี 2559 นี้ ฮอนด้ายังคงมุ่งมั่นยกระดับการบริการ เพื่อตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ควบคู่ไปกับการนำเสนอยนตรกรรมใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด โดยมีแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ อาทิ Honda BR-V ที่จะเข้ามาเติมเต็มตลาดรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์ และ All-New Honda Civic ซึ่งเป็นรุ่นที่มีลูกค้ารอคอยเป็นจำนวนมาก เป็นต้น การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เหล่านี้ จะมีส่วนช่วยในการสร้างความคึกคักให้ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยในอนาคต" นายพิทักษ์ กล่าวเสริม
