Alphard/Vellfire 2015 กับความสงสัย...ปัจจัยใดที่สะกดใจกว่าเวอร์ชั่นก่อน
ในแวดวงยนตรกรรมระดับหรู รถรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับต้นๆ อาจไม่จำเป็นว่าต้องอยู่ในเซ็กเม้นท์ของซีดานขนาดใหญ่ที่ให้ความสบายในแบบฉบับของโซฟาเคลื่อนที่ ซึ่งอาจจะยังไม่ต้องโจทย์ได้อย่างตรงใจนักเดินทางที่ต้องการความหรูเท่าใดนัก เพราะในท้ายที่สุดแล้ว...บทบาทของโซฟาเคลื่อนที่ แม้ว่าจะดูยิ่งใหญ่อลังการสักเพียงใด แต่อย่างไรก็คงจะไม่สะดวกสบายเทียมเท่าการเดินทางอยู่ในห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่อย่างแน่นอน
เอาล่ะ...เมื่อ BoxzaRacing เกริ่นถึงนิยามคำว่า “ห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่” กันมาขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่ารถนั่งอเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมในบ้านเรา จะว่ากันไปจริงๆ แล้วก็คงมีให้เห็นกันอยู่ไม่กี่รุ่น ซึ่งหนึ่งในรุ่นที่มีความโดดเด่นมากที่สุด คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแฝดต่างฝาจากค่ายสามห่วงอย่าง Alphard และ Vellfire ที่ทางค่ายได้ส่งโฉมใหม่มาลุยตลาดรถอเนกประสงค์ระดับหรูเมื่อช่วงต้นปี จนทำให้หลายๆ คนใคร่รู้ว่าเจนเนอเรชั่นปัจจุบันนั้น เหนือกว่ารุ่นก่อนมากมายขนาดไหน ณ วันนี้ทาง BoxzaRacing มีคำตอบให้ทุกท่านครับ
Alphard และ Vellfire 2015 นับเป็นรถตู้อเนกประสงค์ระดับหรูเจนเนอเรชั่นที่ 3 ที่ทางค่ายโตโยต้าส่งมาเอาใจผู้ที่รักการเดินทางในสไตล์ Luxury เต็มขั้น ด้วยอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่อัดแน่น ภายใต้ภาพลักษณ์ที่หรูหราเหนือระดับ สะท้อนไลฟ์สไตล์ของผู้ครอบครองได้อย่างเด่นชัด หากมองจากภาพลักษณ์ภายนอกล้วนๆ ต้องบอกว่ามีการปรับในส่วนของรายละเอียดต่างๆ ไปไม่น้อยทีเดียว โดยหลักๆ คือ การเน้นรายละเอียดเส้นสายให้ดูแข็งแกร่ง ดึงดูดผู้พบเห็นมากขึ้น โดย Alphard เลือกใช้กระจังหน้าโครเมี่ยมขนาดใหญ่ ชวนให้จินตนาการถึงหนังฮอลลิวูดจตุภาคเรื่องดัง ส่วน Vellfire มีการปรับลุคให้ดูโฉบเฉี่ยวกว่าเจนเนอเรชั่นก่อนอย่างชัดเจน ตอบโจทย์ความต้องการนักธุรกิจอายุน้อยที่ยังคงหลงใหลอารมณ์สปอร์ตได้เป็นอย่างดี โดยส่วนสิ่งที่เปลี่ยนไปในด้านหลัง ที่เด่นชัดที่สุดก็เห็นจะเป็นไฟท้าย ที่ออกแบบมาให้โฉบเฉี่ยวมากขึ้น อีกทั้งยังเปลี่ยนมาใช้เส้นนำแสงที่ให้ทัศนวิสัยที่โดดเด่นและความสวยงามลงตัวยิ่งขึ้นกว่าในรุ่นก่อน นอกจากนี้ยังอัพเกรดความสวยงามด้วยล้ออัลลอยดีไซน์หรู ส่งให้ Alphard และ Vellfire 2015 ดูอลังการมากขึ้น
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเด่นชัดที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องของพละกำลังที่เปลี่ยนไปจากเจนเนอเรชั่นก่อนโดยสิ้นเชิง โดยรุ่นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก คือ รุ่น 2.5 ลิตร ไฮบริด ซึ่งเป็นการผนึกกำลังระหว่างเครื่องยนต์เบ็นซิน กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 650 โวลต์ ให้กำลังรวม 197 แรงม้า พร้อมขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยระบบ E-Four ซึ่งน่าจะถูกอกถูกใจสำหรับคนที่ชื่นชอบการใช้งานในเมืองเป็นหลัก เนื่องจากเป็นรุ่นที่ให้อัตราเร่งที่โดดเด่นและความประหยัดที่เป็นเลิศ ส่วนรุ่นเริ่มต้นจะมาพร้อมเครื่องยนต์เบ็นซิน 2.5 ลิตร 180 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที 235 นิวตัน-เมตร ที่ 4,100 รอบ/นาที ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์ CVT 7 จังหวะ ซึ่งขยับขึ้นมาจากรุ่นก่อนที่ใช้เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 170 แรงม้า โดยเครื่องยนต์บล็อก 2.5 ลิตร จะประจำการอยู่ใน Vellfire 2015 ด้วย
ห้องโดยสารสำหรับ Alphard และ Vellfire 2015 ได้รับการแต่งแต้มให้มีความหรูหรา สะดวกสบาย ภายใต้ประโยชน์ใช้สอยและสุนทรียภาพแห่งการเดินทางที่เพิ่มขึ้นอีกระดับ โดยสิ่งที่แตกต่างจากรุ่นก่อน คือ เดิมทีเบาะ Micky Mouse Seat จะถูกติดตั้งเฉพาะในรุ่น 3.5 เท่านั้น แต่สำหรับเจนเนอเรชั่นใหม่ จะได้รับการอัพเกรดให้เป็นเบาะแบบนี้ด้วย เบาะนั่งตอนหลังสามารถปรับไฟฟ้าได้นอกจากนี้ยังสามารถเลือกออพชั่นได้ตามต้องการ เช่น คันที่เราได้เห็นอยู่ ณ เวลานี้ ซึ่งนำเข้าและจัดจำหน่ายโดยผู้นำเข้าอิสระชั้นนำอย่าง J Auto Import ในรุ่น Hybrid จะมาพร้อมเบาะหนังคุณภาพสูงสีดำ ที่ให้ความรู้สึกสุขุม ดูสงบยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเต็มไปด้วยออพชั่นอำนวยความสะดวกแบบครบครัน นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษที่มาพร้อมเบาะแบบมีรางเลื่อนไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับผู้สูงอายุ หรือคนพิการมาเป็นทางเลือกอีกด้วย ส่วนทางด้าน Vellfire ที่ทาง J Auto Import ได้นำเข้ามาจำหน่ายนั้น มาพร้อมออพชั่นแบบจัดเต็มด้วยเบาะกำมะหยี่ Emperor Seat สิ่งที่แตกต่างกับเจนเนอเรชั่นก่อนอย่างชัดเจน คงหนีไม่พ้นเรื่องของลูกเล่นและความหรูหราภายในห้องโดยสารที่ให้ความเป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์ที่เหนือระดับยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi-information Display) แสดงผลในรูปแบบจอสี พร้อมมาตรวัดการขับขี่แบบประหยัด (Eco-Driving Indicator), ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกระบบต่างๆ ผ่านทางจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว, กล้องมองหลังพร้อมจอแสดงผลขณะจอดพร้อมสัญญาณเตือนกะระยะด้านท้ายและมุมกันชนทั้ง 4 และสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ระบบเชื่อมต่อความบันเทิงทั้ง USB และ AUX ที่สำคัญยังสามารถถ่ายทอดจากจอสัมผัส 7 นิ้วสู่ หน้าจอ LED ขนาด 10.2 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ซึ่งทำงานร่วมกับลำโพงคุณภาพสูงจาก JBL, ระบบประตูไฟฟ้าด้านข้างและด้านหลัง ที่เสริมระบบควบคุมเปิด-ปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry, ระบบปรับอากาศมาแบบจัดเต็มเพื่อความสบายสูงสุด โดยแยกปรับอุณหภูมิทั้งซ้าย-ขวา และด้านหลัง พร้อมเสริมด้วยระบบฟอกอากาศ Nanoe, ไฟส่องสว่างแบบซ่อนฝ่าที่สามารถปรับความสว่างได้ 4 ระดับ 16 เฉดสี ซึ่งเป็นอีกจุดที่ได้รับการพัฒนาจากรุ่นก่อน เพื่อสร้างอรรถรสการเดินทางให้ดีมากขึ้น
ด้านระบบความปลอดภัยของ Alphard และ Vellfire ทางค่ายมีการอัพเดทเพิ่มขึ้นมาตามยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัย 9 จุดรอบคัน, ระบบกันขโมย Immobilizer พร้อมกุญแจอิเล็กทรอนิกส์ที่ป้องกันการเลียนแบบ, ระบบควบคุมการขับขี่อัจฉริยะ อาทิ ระบบป้องกันล้อล็อก(ABS), ระบบกระจายแรงเบรก(EBD), ระบบเสริมแรงเบรก(BA), ระบบควบคุมการทรงตัว(VSC), พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPS) พร้อมยกระดับความสะดวกสบายในห้องโดยสารด้วยช่วงล่างที่ได้รับการปรับเซ็ตใหม่หมด โดยในด้านหลังเลือกใช้แบบ Double Wishbone แทนที่ของเก่าที่มาในรูปแบบ Torsion Beam ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ได้มาก็คือ เรื่องของความนุ่มนวล สะดวกสบาย และทรงตัวได้ดีกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน
นอกจากเรื่องของภาพลักษณ์ภายนอกที่แตกต่างออกไปแล้ว ในส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เรียกได้ว่า Alphard และ Vellfire รุ่นปี 2015 ได้รับการพัฒนาจากเจนเนอเรชั่นก่อนไปไม่น้อยทีเดียว ทั้งเรื่องความสะดวกสบายและอรรถรสในการเดินทาง รวมถึงเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ใส่มาให้แบบเต็มพิกัด จนต้องบอกว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหรา เหนือระดับอย่างแท้จริง ซึ่งแม้ว่าตัวรถจะมีความเพียบพร้อมรอบด้านอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่จะขาดไปไม่ได้ก่อนที่จะต้องแลกมาด้วยเงินก้อนโตก็คือ การเลือกแหล่งซื้อที่ได้มาตรฐาน พร้อมบริการได้ด้วยความเชี่ยวชาญ ทั้งทางด้านบุคลากรและเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย อันจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเติมเต็มทุกการใช้งาน Alphard และ Vellfire ได้อย่างสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
หากท่านสนใจเป็นเจ้าของยนตรกรรมสุดหรูแบบนี้ ทางโชว์รูม J Auto import มีรถ Alphard และ Vellfire ให้ท่านได้จับจองในทันที ไม่ต้องรอรถ ! พร้อม Warranty 1 ปี และของแถมมากมาย นอกจากนี้ยังมั่นใจได้กับศูนย์บริการมาตรฐานที่เชี่ยวชาญในการเซอร์วิส New Alphard และ New Vellfire มั่นใจในบริการได้อย่างแน่นอนครับ !