เปิดล่าสุดในโลกอย่างที่พูดไว้สำหรับ Honda All New City 2019 อันเป็นเจเนอเรชันที่ 5 และยังครั้งแรกกับเครื่องยนต์เทอร์โบใหม่ 1.0 ลิตร ที่ต้นสังกัดประกาศว่า ให้ทั้งสมรรถนะที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องดีไซน์ที่ผสานความสปอร์ต และความหรูหราเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบายเหนือระดับ City Car ทั่วไป เพิ่มความคุ้มค่าด้วยฟังก์ชันการใช้งาน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และที่สำคัญปรับลดราคาลงในทุกเกรด
เช่นเดียวกันกับคู่แข่งต่างค่ายที่ Nissan ประกาศว่าเปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยไปก่อนเล็กน้อย แต่ Nissan กล้าบอกว่าไม่ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในโลก แต่ไทยเป็นประเทศแรกในภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย งานนี้เลยโชว์จุดเด่นเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง เครื่องยนต์เทอร์โบ ขนาด 1.0 ลิตร 3 สูบ ที่ผสานแนวคิดการออกแบบใหม่ที่โดดเด่นทันสมัยในมาด Sedan มาพร้อมตัวถังกว้าง และยาวขึ้นกว่าเดิม
Exterior
Nissan All New Almera 2019 มาในมาดใหม่ และข้ามไปเป็นคู่แข่ง Honda All New City 2019 (หรือ City ลงมาเล่นกับกลุ่มล่าง) ได้อย่างน่าสนใจ ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะที่มีมาหลายรุ่นแล้ว นั่นคือกระจังหน้า V-Motion เด่นด้วยไฟหน้า LED เต็มระบบ ในทรงบูมเมอแรง ส่วนของเสา C ถูกออกแบบให้กลมกลืน ซึ่งดูเหมือนว่าหลังคากำลังลอยตัวอยู่ รวมถึงเส้นสายที่ลากผ่านจากประตูไปสู่ด้านท้ายของตัวรถ สำหรับรุ่นใหม่นี้มีขนาดตัวถังยาว 4,495 มม. กว้าง 1,740 มม. และสูง 1,460 มม. ระยะฐานล้อ 2,620 มม. รัศมีวงลี้ยว 5.2 เมตร ทำงานผ่านพวงมาลัย แร็ค แอนด์ พิเนียน พร้อมระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) พร้อมล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว งานนี้ไม่น้อยทีเดียวกับที่ที่เรียกว่า Eco Car
ส่วนทางด้านของ Honda All New City 2019 เองก็มาแบบ All New ทั้งคัน ด้วยดีไซน์ภายนอกสปอร์ต และสง่างามไม่ต่างจากรุ่นใหญ่อย่าง Honda Accord โดยเฉพาะชุดกระจังหน้าโครเมียม เด่นด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้วไม่ต่างกับคู่แข่ง และด้วยขนาดตัวยาว 4,553 มม. กว้าง 1,748 มม. สูง 1,467 และฐานล้อ 2,589 มม. มีความสูสีมากสำหรับ All New ทั้งสองรุ่นในเรื่องของเรือนร่าง งานคงนี้ไม่ต้องเกรงใจกันแล้วว่าเป็นรถกลุ่มใด
Interior
ภายใน Nissan All New Almera 2019 ออกแบบใหม่ทั้งหมด เราจะเห็นสิ่งต่างๆ ถูกนำมาใช้ อาทิ หน้าจอแสดงผลใหม่ พร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ สิ่งที่เห็นได้อีกอย่างคือ ความปราณีตในการประกอบมากกว่ารุ่นที่ผ่านมาสำหรับ พวงมาลัยมาแบบ D-Shape ปรับสูงต่ำ เบาะนั่ง เลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงขึ้น และเข้าใจเล่นกับเส้นสายภายใน เพื่อให้เกิดความไหลลื่น โดยใช้รูปทรงของปีกเครื่องร่อนของ Nissan (Nissan Gliding Wing) มาเป็นแนวทางในการตกแต่ง ส่งผลถึงเรื่องความรู้สึกที่สปอร์ตตรงบริเวณคอนโซลพาแนล มาตรวัด Digital แบบ Fine Vision Meter ผ่านหน้าจอ TF หน้าจอสีขนาด 7 นิ้ว เรียกว่ามีให้ไม่น้อยสำหรับคำว่า Eco Car
ในขณะของคู่เปรียบเทียบอย่าง Honda All New City ก็กว้างขวางกว่าที่เคย ด้วยการออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับสรีระ เพื่อความสะดวกสบายในทุกที่นั่ง ทั้งผู้ขับ และผู้โดยสาร มาพร้อมความหรูหรา และสวยงามยิ่งขึ้นในโทนสีดำ เบาะหนัง ตกแต่งในสีทูโทน ไอเวอรี่/ดำ คอนโซลหน้าแบบ Piano Black มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม พร้อมฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม แต่มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับที่ดูด้อยกว่าคู่แข่งไปหน่อย
การแข่งขันเรื่องดีไซน์ สมรรถนะ ดูจะเป็นเรื่องปกติของโลกยานยนต์ แต่ในยุคสมัยที่การติดต่อมีความจำเป็น สิ่งนี้ดูเหมือนจะถูกนำมาเป็นอีกองค์ประกอบในการแข่งขัน ซึ่ง Nissan ได้ให้แนวทางของเรื่องนี้ว่า การเชื่อมต่อ ต้องมีความสะดวก สบายมากขึ้น ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานเต็มรูปแบบ ด้วยเทคโนโลยีของ Nissan Connect บนหน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว เชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ AUX IN ลำโพงคุณภาพดี 6 จุด และระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay สามารถควบคุมระบบเครื่องเสียง พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบ Bluetooth ซึ่ง Nissan ก็ทำมาได้ดีทีเดียว ส่วนองค์ประกอบอื่นอย่าง Push Start Button และ Intelligent Key ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ และระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง และระบบไล่ฝากระจกหลังแบบตั้งเวลา ต้องบอกว่าอัดแน่นมากสำหรับรถรูปแบบนี้
ทางด้าน Honda All New City 2019 เอง ดูจะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ว่านี้ไม่น้อย อย่างที่บอกไปว่าการแข่งขันในโลกของยานยนต์ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เรื่องของ รูปทรง ความแรง เพียงเท่านั้น การเชื่อมต่อคนกับรถก็ทำมาได้ดีเช่นกัน ด้วยระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ อย่างที่บอกเรานำเอารุ่นที่ใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบทำให้ Honda All New City 2019 ดูด้อยไปซักเล็กน้อยโดยเฉพาะระบบการเชื่อมต่อ (ระบบ Honda Connect จะอยู่ในรุ่น RS เท่านั้น)
Power Engine Turbo 1.0
Nissan All New Almera 2019 ความจุมากกว่าเล็กน้อย ( 999 ซีซี.) ทว่าแรงบิดน้อยกว่า
และแน่นอนว่าเรื่องของสมรรถนะขอทั้งสองรุ่นถูกเปรียบเทียบกันเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะขนาด ความจุ และรูปแบบที่ใกล้เคียงกันอย่างมาก ทางด้าน Nissan All New Almera 2019 นั้นเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบขนาด 1.0 ลิตร ( 999 ซีซี.) ภายใต้รหัส HRA0 แบบ 3 สูบ แถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) ให้กำลังสูงสุด 98.6 แรงม้า มีแรงบิดถึง 152 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่รอบเครื่องที่ 2,400 ถึง 4,00 รอบ/นาที ระบบเกียร์แบบ XTRONIC CVT พร้อม D-Step Logic ที่จะช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์นุ่มขึ้นตามสไตล์ CVT อัตราเร่งต่อเนื่อง จุดเด่นที่ ลูกสูบแบบ Delta Cylinder Head, หัวฉีดแบบ Central Injector และ Turbocharger ที่ควบคุมไอเสียด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเทคโนโลยีเคลือบบนกระบอกสูบแบบ Mirror Bore Coating เช่นเดียวกับที่ไช้ในรถซูเปอร์สปอร์ตอย่าง Nissan GT-R ซึ่ง แน่นอนว่าต้องประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยทางต้นสังกัดประกาศไว้ว่า ดีที่สุดในระดับรถยนต์เดียวกัน โดย Nissan All New Almera 2019 สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองไว้ได้ 23.3 กิโลเมตร/ลิตร (โรงงาน)
Honda All New City 2019 ขนาดซีซี. น้อยกว่าเล็กน้อย (988 ซีซี.) แต่แรงบิดสูงกว่า
ส่วน Honda All New City 2019 เองก็นำเสนอเครื่องยนต์ใหม่ขนาด 1.0 ลิตร (988 ซีซี.) DOHC (Double Overhead Camshaft) VTEC Turbo 3 สูบ 12 วาล์ว มาพร้อม Turbo Charger เมื่อดูแล้วความจุน้อยกว่าเล็กน้อย แต่แรงม้ากลับมีมากกว่า ที่ 120.2 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที รวมถึงแรงบิดสูงกว่าที่ 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องหรือ CVT แบบ 7 สปีด ไม่มีแป้นคุมการเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย เครื่องยนต์ให้อัตราการประหยัดน้ำมันใกล้เคียงกัน โดย (โรงงาน) เครมไว้ที่ 23.8 กิโลเมตร/ลิตร แต่โรงงานแจ้งว่า เครื่องรุ่นนี้ ให้สมรรถนะเหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร อันนี้ก็คงต้องดูหลังจากที่ทดลองขับ
Suspension
ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ทั้ง Honda และ Nissan ให้มาเหมือนกัน
สำหรับระบบช่วงล่างของ Nissan All New Almera 2019 ด้านหน้า เป็นแบบ อิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ขณะที่ด้านหลัง เป็นแบบ ทอร์ชัน บีม พร้อมเหล็กกันโคลง ที่ช่วยให้การขับนุ่ม ยึดเกาะถนนได้ดีในแบบฉบับรถประเภทนี้ ซึ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แล้วประสิทธิภาพไม่ต่างกันมากนักซึ่ง Honda All New City 2019 ก็มีระบบช่วงล่าง ด้านหน้า เป็นแบบ อิสระ แม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ขณะที่ด้านหลัง เป็นแบบ ทอร์ชัน บีม พร้อมเหล็กกันโคลง แบบเดียวกัน งานนี้อยู่ที่การปรับจูนของแต่ละแบรนด์ว่า จะทำมาได้ลงตัวมากน้อยขนาดไหน ซึ่งทางทีมงานจะเอามานำเสนอหลังจากได้ทดลองขับจริงในโอกาสหน้าต่อไป
Safety
เทคโนโลยีของ Nissan Intelligent Mobility และเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง Nissan Intelligent Safety Shield มีให้มากมายเกินคุ้ม ตัวอย่าง เทคโนโลยีสัญญาณเตือนเสี่ยงต่อการชนคันหน้าขณะขับ IFCW (Intelligent Forward Collision Warning ) เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ IEB (Intelligent Emergency Braking) ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา BSW (Blind Spot Warning) เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย RCTA (Rear Cross Traffic Alert) เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง IAVM (Intelligent Around View Monitor) พร้อมกล้องรอบคัน MOD (Moving Object Detection) เทคโนโลยีควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ CDC (Vehicle Dynamic Control) เทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist)
นอกจาก Nissan Intelligent Mobility ของ Nissan All New Almera 2019 แล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์มาตรฐาน ที่เพิ่มความปลอดภัยทั้งในเชิงการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ (Active Safety) และระบบลดความรุนแรง ความเสียหายจากอุบัติเหตุ (Passive Safety) โครงสร้างตัวถังเป็นแบบ Zone Body Concept เพิ่มความแข็งแรง แต่ยืดหยุ่น และกระจายแรงกระแทก เพื่อปกป้องห้องโดยสาร ไม่ธรรมดาด้วยถุงลมนิภัยคู่หน้า SRS ขณะที่ด้านข้าง (Aide Airbags) และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง (Curtain Airbags) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า ปรับสูง-ต่ำ ซึ่งด้านหน้าเป็นแบบ 3 จุด แบบดึงกลับอัตโนมัติ และผ่อนแรงอัตโนมัติ ด้านหลังเป็นแบบ ELR 3 จุด ครบทั้ง 3 ตำแหน่ง ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก
ทางด้าน Honda เอง ถูกสร้างมาเพิ่มความมั่นใจในทุกการขับ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย ด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทางด้วยถุงลม 6 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA (Vehicle Stability Assist -) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) และกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า ปรับสูง-ต่ำได้ ซึ่งด้านหน้าเป็นแบบ 3 จุด แบบดึงกลับอัตโนมัติ อย่างที่เห็น ฟีเจอร์ ของฝ่ายหลังดูจะน้อยไปซักหน่อยเมื่อเทียบกับราคาค่าตัว ไม่แน่ใจว่างานนี้กั๊กไว้เป็นไม้เด็ดในตอนต่อไป หรือคิดว่าเพียงเท่านี้ก็พอเหมาะกับการใช้งานแล้ว
ผลจากการเปรียบเทียบแล้ว งานนี้คงเห็นถึงความแตกต่างกันไม่มาก ก็น้อย อยู่ที่ความต้องการของผู้ใช้ว่าต้องการ ฟั่งชั่นล้น หรือชอบแบรนด์มากกว่า สำหรับ Nissan All New Almera 2019 เครื่องยนต์ 1.0 L Turbo เปิดตัวพร้อมกัน 5 รุ่นย่อย และรุ่นที่ทีมงาน Boxzaracing จับมาวัดกันคงต้องเป็นรุ่น Top Line อย่างรุ่น VL เท่านั้น ส่วนคู่แข่งอย่าง Honda All New City 2019 เครื่องยนต์ 1.0 L Turbo ทีมงานเลือกที่จับเอารุ่น SV มาเป็นคู่ปรับที่ดูจะสมน้ำ สมเนื้อมากที่สุด โดยรุ่นนี้เปิดตัวพร้อมกันทั้งหมด 4 รุ่น
หากดูตามเนื้อผ้าแล้ว จะเห็นว่า Nissan ทำรถออกมาได้ดีทีเดียวสำหรับ All New Almera 2019 จะด้วยเรื่องของ ราคา หรือแม้แต่ ฟังก์ชั่นการใช้งาน ที่ให้มาแบบเต็มทุกส่วน ในขณะที่ Honda ให้มาเท่าที่จำเป็น แต่คงมีทางเลือกอีกนิด หากต้องการแบบครบเครื่อง ซึ่งต้องข้ามไปเล่นในรุ่น RS แน่นอนว่าจะต้องแลกด้วยค่าตัวที่ซึ่งสูงขึ้น หากไม่เกี่ยงเรื่องนี้ ไม่มีปัญหา แต่หากใช้ราคาเป็นตัวตัดสินแล้ว จะเห็นภาพชัดเจนว่ารุ่นไหน แบรนด์ไหน เหนือกว่า
Nissan All New Almera 2019 รุ่น VL CVT 639,000 บาท
Honda All New City 2019 รุ่น SV 665,000 บาท