Nissan Leaf
Hyundai Ioniq
ต้องยอมรับว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ประเทศไทยก็จะก้าวเข้าสู้นวัตกรรมด้านยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้ากันแบบเต็มตัวกันแล้ว ซึ่งทางรัฐบาลเองก็ได้สนับสนุน และส่งเสริม ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีนำเข้า, การส่งเสริมให้เปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย, การผลิตแบตเตอรี่ รวมไปถึงการติดตั้งสถานีชาร์ไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังกระจายไปทั่วประเทศไทย ซึ่งในวันนี้ ประเทศไทยได้มีรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัว พร้อมวางจำหน่ายให้คนไทยได้สัมผัสกันมาแล้วหลากหลายรุ่น อาทิ BYD, KIA Soul EV, Fomm, Hyundai Ioniq และ Nissan Leaf โฉมใหม่ แต่คู่ที่จะมาเปรียบเทียบในครั้งนี้ก็คือ Hyundai Ioniq และ Nissan Leaf ซึ่งเป็นรถยนต์คอมแพ็ค EV ที่มีพิกัดใกล้เคียงที่สุด และเป็น 2 รุ่นที่มีความน่าสนใจที่สุดในตลาดกลุ่มนี้
ภายนอก
Nissan Leaf
Nissan Leaf ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อสะท้อนถึงความล้ำสมัยน่าสัมผัส ทั้งการดีไซน์ตัวถังรถที่ลู่ลมยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยหลังคาสีดำตัดกับตัวถังสีขาว, กระจังหน้าทึบสีน้ำเงิน ด้านออพชั่นอื่นๆ ได้แก่ ไฟหน้าปรับอัตโนมัติ, กล้องมองรอบข้าง, ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง และปัดตามความเร็วของรถ เป็นต้น
Hyundai Ioniq
ด้าน Hyundai Ioniq ชูจุดเด่นในการใช้วัสดุอลูมิเนียมบริเวณฝากระโปรงหน้า-หลัง ควบคู่กับการออกแบบโครงสร้างจนทำให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่เหมาะสม แข็งแรง น้ำหนักเบา การออกแบบเส้นสายที่ให้ประสิทธิภาพลู่ลมมากถึน ด้วยค่าสัมประสิทธิ์ที่ 0.24 Cd. พร้อมบุคลิกที่ดูหรูหรา เรียบง่าย ล้ำสมัย ด้านออพชั่นอื่นๆ ได้แก่ กระจกพับไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ, ไฟส่องพื้นใต้กระจกมองข้าง และไฟที่มือจับประตู เป็นต้น
แม้บุคลิกภายนอกมีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าแตกต่างกันไป ก็คงต้องเปรียบเทียบกันที่มิติตัวถัง โดยรถทั้ง 2 รุ่นจะมีขนาดเท่าไหร่นั้น มาชมได้ในตารางกันได้เลย
มิติตัวถัง | Nissan Leaf | Hyundai Ioniq |
กว้าง x ยาว x สูง (มม.) | 4,480 x 1,790 x 1,540 | 4,470 x 1,820 x 1,450 |
ระยะฐานล้อ (มม.) | 2,700 | 2,700 |
ระยะห่างล้อหน้า - หลัง (มม.) | 1,530 - 1,545 | ไม่ได้ระบุ |
ความสูงใต้ท้องรถ (มม.) | 150 | 140 |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด | 5.4 | 5.3 |
ภายใน
ภายในของ Nissan Leaf
รายละเอียดภายในของ Nissan Leaf มาในรูปแบบของโทนสีดำ ที่เพิ่มความโดดเด่นด้วยการเดินตะเข็บด้ายสีฟ้า อัดแน่นด้วยออพชั่นอันทันสมัยหลายรายการ อาทิ ระบบเรือนไมล์ผสมหน้าปัดคู่และจอดิจิตอล, ระบบเครื่องเสียงวิทยุ หน้าจอสี 5 นิ้ว (AM/FM, MP3) พร้อมระบบเชื่อมต่อ AUX-in และ USB), ระบบควบคุมและเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สาย แบบ Bluetooth บนพวงมาลัย, ลำโพง 4 ตัว เบาะด้านหลังสามารถพับแบบ 40:60 เพื่อขยายพื้นที่ความจุห้องสัมภาระท้ายได้มากยิ่งขึ้น
ภายในของ Hyundai Ioniq
Hyundai Ioniq มาพร้อมกับการออกแบบภายในที่เรียบง่าย ดูหรูหรา ไม่ทื่อ ด้วยการใช้รูปทรง 6 เหลี่ยมปาดเฉียงไปมา ตัดกับขอบเส้นสีทองแดง ส่วนวัสดุพลาสติกนั้น มีส่วนผสมธรรมชาติจากผงไม้ และแร่หิน ให้ความเหนียว และแข็งแรง ร่วมกับการออกแบบรายละเอียดภายในและบรรจุออพชั่นอันทันสมัยหลายรายการ อาทิ เรือนไมล์ดิจิตอล, กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ, เบาะระบายความร้อน, เบาะด้านหลังสามารถพับแบบ 40:60 เพื่อขยายพื้นที่ความจุห้องสัมภาระท้ายได้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน
เทคโนโลยีเด่นๆ
เทคโนโลยี e-Pedan ใน Nissan Leaf
Nissan Leaf มาพร้อมกับเทคโนโลยี e-Pedan ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถวิ่ง และหยุดได้เพียงแค่เหยียบแป้นเดียว โดยหากกดคันเร่งลงไปจะทำให้รถเร่งไปข้างหน้า ขณะเดียวกันหากยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง รถก็จะชะลอตัวให้ในทันที ซึ่งสามารถสลับกลับไปขับแบบสองแป้นเหยียบได้ตามต้องการ
เบาะระบายความร้อนใน Hyundai Ioniq
Hyundai Ioniq ได้ยกระดับการขับขี่ที่สะดวกสบาย ด้วยระบบเปลี่ยนเกียร์แบบปุ่มที่ให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว, ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายพร้อมฟังก์ชั่นเสียงเตือนเมื่อลืมโทรศัพท์ไว้, ที่นั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบ Easy Access เพื่อช่วยให้ขึ้นลงรถได้ง่ายขึ้น, ระบบเลือกโหมดขับขี่ทั้ง 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Normal และ Sport เพื่อให้สอดคล้องกับสไตล์การขับขี่
ระบบขับเคลื่อน
ระบบขับเคลื่อนของ Nissan Leaf ประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ AC Synchronous Motor ให้กำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร ผสานด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนพอลิเมอร์ ความจุ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง ส่งกำลังผ่านเกียร์ Single Speed Reduction Gear สำหรับรูปแบบการชาร์จไฟนั้นจะมีทั้งระบบชาร์จแบบ Double Speed Charge 6.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง พร้อมสายชาร์จชนิด Type 1 กับสารแปลงพอร์ตชาร์จไฟจาก Type 2 เป็น Type 1
ทางด้านระบบขับเคลื่อนของ Hyundai Ioniq ประกอบไปด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลัง 120 แรงม้า แรงบิด 295 นิวตัน-เมตร ผสานด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนพอลิเมอร์ ความจุ 28 กิโลวัตต์ชั่วโมง แรงดันไฟฟ้า 360 โวลต์ ส่งกำลังผ่านเกียร์ Single Speed Reduction Gear เช่นเดียวกัน ปิดท้ายด้วยอุปกรณ์ชาร์จไฟ โดยจะใช้ชุดเต้ารับแบบ CCS Combo และเต้าเสียบแบบ Type 2 (7-pin)
ด้านตัวเลขสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่น มีรายละเอียดเปรียบเทียบตามตารางดังนี้
ตัวเลขสมรรถนะ | Nissan Leaf | Hyundai Ioniq |
อัตรเร่ง (0-100 กม./ชม. ต่อวินาที) | ไม่ได้ระบุ | 9.9 (sport) - 10.2 (normal) |
ความเร็วสูงสุด (กม./ชม.) | ไม่ได้ระบุ | 165 |
ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง (กม.) | 311 | 280 |
ระยะเวลาในการชาร์จ (เต็ม 100%) |
12 ชม. | 12 ชม. |
ชาร์จผ่านเต้าเสียบบ้าน (กระแสสลับ) | 6 ชม. | 4 ชม. 25 นาที |
สถานีชาร์จเร็ว (กระแสตรง) | ไม่ได้ระบุ | 23 นาที (80%) |
ระบบความปลอดภัย
Nissan Leaf ได้รับการบรรจุเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยอัจฉริยะหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน (FEB), เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง (IAVM) ร่วมกับระบบความปลอดภัยมาตรฐาน Interlligent Safety Shield Technologies อาทิ เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VDC), เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการเข้าโค้ง (ATC), เทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรก BA, ถุงลมนิรภัย 6 จุด รอบห้องโดยสาร เป็นต้น
Hyundai Ioniq มาพร้อมกับโครงสร้างเหล็กกล้าแข็งแรงสูงที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ, ถุงลมนิรภัย 7 จุด รอบห้องโดยสาร, ระบบตรวจแรงดันลมยาง, ระบบ Lane Keeping Assist ที่ช่วยบังคับพวงมาลัยให้กลับมายังช่องเลนที่นุ่มนวล, ระบบรักษาความเร็วแบบแปรผัน Smart Cruise Control ที่ทำงานร่วมกับระบบ Autonomous Emergency Braking เพื่อช่วยหยุดรถอัตโนมัติซึ่งทำงานได้อย่างนุ่มนวลและชาญฉลาด นอกจากนี้ยังอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยขั้นพื้นฐานเติมเต็มความอุ่นใจยิ่งขึ้น
ราคา
Nissan Leaf ราคา 1,990,000 บาท
Hyundai Ioniq ราคา 1,750,000 บาท
สรุป
Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้าที่เปี่ยมไปด้วยบุคลิกที่สปอร์ตโดดเด่น ตัวถังที่มีขนาดใหญ่ พร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากนิสสัน ลีฟ เจนเนอเรชั่นแรก จึงมาพร้อมกับสมรรถนะที่สูงถึง 150 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 40 กิโลวัตต์ สามารถวิ่งได้ไกลถึง 311 กม. ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ถือได้ว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทรงพลังกว่าที่คิด
Hyundai Ioniq แม้จะเปิดตัวในฐานะเจนเนอเรชั่นแรก แต่ก็มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยในหลายๆ ด้าน โดยสิ่งที่โดดเด่นของรถรุ่นนี้อยู่ที่การใช้วัสดุอลูมิเนียมลดน้ำหนักตัวถังร่วมกับคุณภาพการประกอบ เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากกว่า แถมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ทำได้ไม่เลว โดยเฉพาะการชาร์จไฟผ่านเครื่องชาร์จวอลล์บ๊อกซ์ ที่สามารถชาร์จไฟให้เต็มได้ในเวลาไม่ถึง 4 ชั่วโมงครึ่ง หรือหากไปชาร์จที่สถานีชาร์จ ก็สามารถชาร์จได้มากถึง 80% ในเวลาไม่ถึง 30 นาที แถมมีราคาจำหน่ายที่ถูกกว่า