เขียนโดย: boytaku boxza

เมื่อ: 8 สิงหาคม 2561 - 17:11

Mazda CX-3 vs. Honda HR-V RS vs. Toyota C-HR เปิดศึกประชันคอมแพคครอสโอเวอร์ที่ร้อนแรงที่สุดในไทย

 

          ปี 2018 คอมแพ็คครอสโอเวอร์ได้กลายเป็นกลุ่มรถยนต์ที่ร้อนแรงที่สุดในไทย หลังจากที่ Toyota ได้ส่ง All-New Toyota C-HR ได้เผยโฉมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา หลายค่ายรถจากประเทศญี่ปุ่นต่างไม่รอช้าที่จะเข็นรุ่นปรับโฉมใหม่มากระตุ้นตลาดให้ร้อนแรงอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นฝั่ง Honda ที่ส่ง Honda HR-V โฉมไมเนอร์เชนจ์ ล่าสุด Mazda ก็ได้เผยโฉม Mazda CX-3 โฉมไมเนอร์เชนจ์ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ปลุกความสนุกในการขับขี่ยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการเปรียบเทียบ 3 รถคอมแพ็คครอสโอเวอร์โฉมใหม่ที่ลุยตลาดอย่างเต็มรูปแบบในปี 2018 

 

 

          สำหรับรุ่นที่จะนำมาเปรียบเทียบในครั้งนี้ ฝั่ง Mazda ส่งรุ่น CX-3 รุ่น 2.0 SP ส่วน Honda ส่ง HR-V รุ่น RS และ Toyota ส่ง C-HR รุ่น 1.8 Mid ทุกรุ่นขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินความจุตั้งแต่ 1.8 - 2.0 ลิตร 

 

ภายนอก

 

          Mazda CX-3 ได้รับการปรับบุคลิกใหม่ มอบความดุดัน ทันสมัยยิ่ง โดยที่ยังคงบุคลิกที่ดูสปอร์ต มีชีวิตชีวา ตามแนวคิดการออกแบบของ โคโตะ ดีไซน์ หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหวอันงดงาม ด้านออพชั่นมาตรฐาน ประกอบไปด้วย ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED, ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวันแบบ LED Signature, ไฟตัดหมอก, ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่, กระจกกรองแสงรอบคัน พร้อมลดเสียงรบกวนจากภายนอก, ท่อไอเสียปลายคู่พร้อมปลอกโครเมียม และหลังคาซันรูฟไฟฟ้า

 

 

          Honda HR-V RS ได้รับการปรับดีไซน์ใหม่ ที่แสดงถึงความทันสมัยซึ่งถ่ายทอดจาก Honda Civic ด้วยไฟหน้า LED แบบใหม่ล่าสุด พร้อมไฟส่องกลางวัน LED Daylight ซึ่งได้รับการออกแบบให้ลงตัวกับกระจังหน้าทรงใหม่, ไฟท้าย LED แบบ Tube ที่สะท้อนความหรูหรามากยิ่งขึ้น, กระจกมองข้างพร้อม Honda LaneWatch ที่ช่วยจับภาพมุมอับพร้อมแสดงผลบนหน้าจอ, ชุดแต่งสไตล์สปอร์ต บ่งบอกความเป็นรุ่น RS และหลังคาพาโนรามิคซันรูฟที่มีขนาดใหญ่กว่า ดูหรูหราไม่น้อย

 

 

          Toyota C-HR เป็นรถคอมแพ็คครอสโอเวอร์ที่โดดเด่นด้านการดีไซน์ที่ดูสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็นตัวถังสีเดียวหรือตัวถังสีทูโทนก็ตาม (เฉพาะรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด) ซึ่งบุคลิกรถนั้นได้แรงบันดาลใจจากรูปทรงเหลี่ยมมุมอันเป็นเอกลักษณ์ของเพชร ผสมผสานกับความทันสมัยของเทคโนโลยีและเทรนด์ ด้านออพชั่นมาตรฐาน จะมีทั้งไฟหน้า Bi-Halogen พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบ Follow-Me-Home, กระจกหน้าปรับพับด้วยระบบไฟฟ้า, กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน (Acoustic Glass), ขอบกระจกหน้าต่างโครเมียม เป็นต้น

          ทั้ง 3 รุ่นต่างมีการออกแบบและฟังก์ชั่นที่โดดเด่น ครบครับ จึงต้องตัดสินกันต่อด้วยรายละเอียดมิติตัวถัง ซึ่งทั้ง 3 รุ่น มีรายละเอียดดังนี้

มิติตัวถัง Mazda CX-3 Honda HR-V RS

Toyota C-HR

ยาว x กว้าง x สูง (มม.)  4,275 X 1,765 X 1,535 4,346 x 1,790 X 1,605 4,360 x 1,795 x 1,565
ระยะฐานล้อ (มม.) 2,570 2,610 2,640
ระยะห่างระหว่างล้อหน้า - หลัง (มม.) 1,525 - 1,520 1,535 - 1,540 1,550 - 1,570
ความสูงใต้ท้องรถ (มม.)  160 170 154
น้ำหนักรถ (กก.)  1,303 1,297 1,385
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)  48 50 50

 

ภายใน

 

          Mazda CX-3 ได้รับการออกแบบภายในที่สะท้อนถึงความเป็นรถยนต์หรูสไตล์ยุโรป ซึ่งได้มีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์และออพชั่นภายในหลายรายการ ทั้งการปรับเปลี่ยนไปใช้ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมเพิ่มช่องเก็บของใหม่หลายจุด ด้านออพชั่นมาตรฐาน ประกอบไปด้วย วัสดุตกแต่งภายในผ้า Grand Luxe Suede สีเทา / ด้ายสีเทา, เบาะนั่งหุ้มหนัง, พนักพิงเบาะด้านหลังแบบแยกปรับพับ 60:40, หน้าจอสี Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander, ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ (Bluetooth) พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Recognition), ลำโพง 6 ตัว เป็นต้น

 

 

          Honda HR-V RS ยังคงถ่ายทอดภายในที่กว้างขวาง หรูหรา และทันสมัย ซึ่งภายในนั้นได้รับการตกแต่งเพิ่มด้วยวัสดุสีดำ Piano Black ร่วมกับวัสดุตกแต่งภายในใหม่ ซึ่งภายในยังคงโดดเด่นด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมแผงควบคุมแบบสัมผัส, กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ, มาตรวัดเรืองแสงปรับเปลี่ยนได้ 7 สี พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลแบบ LCD, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ที่มีสวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ พร้อมปุ่มควบคุมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่, ลำโพง 6 ตัว นอกจากนี้ ยังสามารถปรับเปลี่ยนภายในห้องโดยสารให้สามารถบรรทุกสิ่งของได้มากถึง 3 แบบ ได้แก่ Long Mode ขยายพื้นที่ในรูปแบบแนวยาว, Tall Mode พับเบาะนั่งด้านหลังเพื่อเพิ่มความสูง และ Utility Mode พับเบาะด้านหลังทั้งหมดเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกท้ายรถ เรียกได้ว่าเป็นรถที่อเนกประสงค์จริงๆ 

 

 

          และ Toyota C-HR ได้รับการออกแบบเพื่อถ่ายทอดบรรยากาศภายในที่หรูหราด้วยโทนสีภายในดำและน้ำตาล พร้อมกับการออกแบบจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ยกสูงขึ้นกว่าระดับแนวแผงคอนโซลกลาง ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น รองรับ ด้านออพชั่นมาตรฐาน จะได้รับทั้ง จะมีทั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติปรับอิสระแยกซ้าย-ขวา, ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) และระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry), ปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้าด้านคนขับ (Lumbar Support), จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว และลำโพง 6 ตำแหน่ง

 

เครื่องยนต์

 

          เริ่มจาก Mazda CX-3 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร Skyactiv-G ให้สมรรถนะสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 204 นิวตัน-เมตร ที่ 2,800 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Skyactiv Drive นอกจากนี้ยังได้เพิ่มระบบช่วยประหยัดน้ำมัน i-STOP และสวิตช์ Drive Selection สามารถเลือกขับขี่ในโหมด Sport ได้ ให้อัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นในรอบเครื่องยนต์สูง ขับสนุกไม่ต่างจากเกียร์ธรรมดา ที่มีเฉพาะรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเท่านั้น

 

 

          ทางด้าน Honda HR-V RS ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 1.8 ลิตร i-VTEC ให้สมรรถนะสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ Shifting Control of Cornering Gravity & G Design Shift

 

 

          และ Toyota CH-R รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ได้ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ ความจุ 1.8 ลิตร ให้สมรรถนะสูงสุด 140 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift และ Shift Lock

 

ระบบความปลอดภัย

           แน่นอนว่า สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ เทคโนโลยีความปลอดภัยที่ช่วยเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทาง ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร โดยซับคอมแพ็คครอสโอเวอร์ทั้ง 3 รุ่น ต่างจัดระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยในทุกๆ ด้าน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

 

 

           Mazda CX-3 ในรุ่นนี้จะได้รับเทคโนโลยี i-Activsense ที่สามารถคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ Mazda Radar Cruise Control (MRCC), ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ Smart City Brake Support ที่มีทั้ง SCBS และ SCBS-R ช่วยเบรกรถได้ทั้งด้านหน้า กับด้านหลัง, ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน Lane Departure Warning System (LDWS) และอื่นๆ อีกมากมาย ร่วมกับระบบความปลอดภัยมาตรฐาน อาทิ ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง, ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Brake Hold, ถุงลมนิรภัยคู่หน้า Dual Airbag, ABS - EBD - BA, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Dynamic Stability Control (DSC) เป็นต้น

 

 

           Honda HR-V ในรุ่น RS จะได้รับรับบความปลอดภัยเฉพาะรุ่นอย่าง ระบบเตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (City Brake Active System) เพิ่มมาหนึ่งรายการ ส่วนระบบความปลอดภัยอื่นๆ จะได้รับทั้งระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch),  และถุงลมนิรภัย 6 จุดรอบห้องโดยสาร, ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock), ระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย (MA-EPS), ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) เป็นต้น

 

 

           และ Toyota C-HR จะได้รับระบบความปลอดภัยมาตรฐานหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น ถุงลมนิรภัย SRS ทั้ง 7 จุดรอบห้องโดยสาร (คู่หน้า/ด้านข้าง/ม่านด้านข้าง/หัวเข่าฝั่งคนขับ), สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า ท้าย และที่มุมกันชน ทั้ง 8 จุด, กล้องมองภาพขณะถอยหลัง, ระบบควบคุมการทรงตัว Vehicle Stability Control (VSC) และอื่นๆ อีกมากมาย

 

ราคา

          Mazda CX-3 รุ่น 2.0 SP ราคา 1,083,000 บาท

          Honda HR-V รุ่น RS ราคา 1,119,000 บาท

          Toyota C-HR รุ่น 1.8 Mid ราคา 1,039,000 บาท

 

สรุป

 

          Mazda CX-3 แม้จะเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซินระดับท็อป แต่เมื่อเทียบกับออพชั่นอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในราคาไม่ถึง 1.1 ล้านบาท ก็ถือได้ว่ามีราคาที่น่าสนใจไม่น้อย ครบครันทั้งความหรูหรา ทันสมัย สมรรถนะที่แรงกว่าใคร และให้คุณสนุกกับการขับขี่ด้วย G-Vectoring Control แต่หากลูกค้าต้องการขุมพลังที่หลากหลาย ก็ยังมีตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร Skyactiv-D ในราคาที่ 1,189,000 บาท

 

 

          Honda HR-V ที่นำมาเปรียบเทียบนี้ จะมีความได้เปรียบเป็นพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ รุ่น RS ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุด แม้ว่าจะมีราคาที่สูงถึง 1,119,000 บาท แต่ถ้าเทียบกับรุ่นท็อปสุดของแบรนด์อื่น ก็จะมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า โดย Honda HR-V จะมีจุดเด่นที่สามารถปรับเปลี่ยนภายในห้องโดยสารให้สามารถบรรทุกสิ่งของได้มากถึง 3 แบบ ได้แก่ Long Mode ขยายพื้นที่ในรูปแบบแนวยาว, Tall Mode พับเบาะนั่งด้านหลังเพื่อเพิ่มความสูง สำหรับการบรรทุกของที่มีความสูง และ Utility Mode พับเบาะด้านหลังทั้งหมดเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระท้าย 

 

 

          ทางด้าน Toyota C-HR เป็นรถที่เปี่ยมไปด้วยสไตล์ โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ภายในที่สวยงามทันสมัย รวมไปถึงเป็นรถที่มีมิติตัวถังใหญ่ที่สุดในคลาส กว้างขวาง ดูดุดัน แต่หากลูกค้าเลือกรุ่น HV Hi ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของ C-HR จะได้รับระบบความปลอดภัยที่มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert (RCTA), ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Pre-Collision System), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมระบบ Dynamic Radar Cruise Control, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beams), ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ (Lane Departure Alert with Steering Assist) เป็นต้น พร้อมขุมพลังไฮบริดที่พัฒนาใหม่ล่าสุด ในราคา 1,159,000 บาท

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook