Test Drive MG5 ยนตรกรรมภาพลักษณ์หรู คู่สมรรถนะเกินคำว่าคุ้มค่า
MG (เอ็มจี) โดย บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนร่วมทดลองขับ MG5 (เอ็มจีไฟว์) รถยนต์ซีดานสไตล์คูเป้ที่สร้างมาตรฐานใหม่ ด้วยรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียว ห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่ารถในระดับเดียวกัน สมรรถนะการขับขี่ที่เป็นเลิศ และระบบความปลอดภัยเต็มพิกัดที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจตลอดการเดินทาง
MG5 ได้รับการออกแบบด้วยแนวคิดบริท ไดนามิก (Brit Dynamic) ที่ชูเอกลักษณ์ของเอ็มจี ที่โดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ การควบคุม และความปลอดภัย พร้อมระบบสื่อสารอัจฉริยะ inkaNet (อินคาเน็ต) ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ารุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดย MG5 จะเป็นรถรุ่นที่สองของ เอ็มจี ที่ติดตั้งระบบ inkaNet เทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์เอ็มจี โดยลูกค้า MG5 จะได้รับสิทธิพิเศษสามารถเชื่อมต่อระบบ inkaNet ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือฟรี 5 ปี
ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกของ MG5 สะดุดตาด้วยเส้นสายที่เฉียบคมแนวสปอร์ตภายใต้แนวคิดคูเป้ ดีไซน์ (Coupe Design) มิติตัวถังแบบ 4 ประตู ที่เน้นความปราดเปรียว ฝากระโปรงหน้ามีสันขอบรูปทรง V-Shape ที่ชัดเจน ซึ่งสอดรับอย่างลงตัวกับกรอบไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์ที่มีความสวยงามทั้งในเวลากลางวันและเพิ่มทัศนวิสัยยามค่ำคืน ดึงดูดทุกสายตาและเพิ่มความปลอดภัยอีกขั้นด้วยไฟส่องสว่างขณะขับขี่กลางวันหรือ Daytime Running Lights (DRL) ไฟท้ายดีไซน์แบบยาวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเอ็มจี ยกระดับความคุ้มค่าด้วยหลังคาซันรูฟที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ภายในห้องโดยสารของ MG5 ได้รับการพัฒนาให้มีขนาดใหญ่เทียบเท่ารถคอมแพ็คคาร์ มอบความกว้างขวางและสะดวกสบายเพื่อผู้โดยสารทุกที่นั่งตลอดการเดินทาง สัมผัสความประณีตในการผลิตและวัสดุที่มีคุณภาพสูง เบาะที่นั่งหุ้มหนังโอบกระชับลำตัว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น แผงคอนโซลหน้าและหน้าปัดดีไซน์สปอร์ต พร้อมหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ สะดวกยิ่งขึ้นด้วยระบบเครื่องเสียงและหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงผลระบบนำทาง และภาพจากกล้องมองหลัง ตลอดจนการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือผ่านบลูทูธที่ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพในการขับขี่ทุกเส้นทาง
MG5 มีเครื่องยนต์เบนซิน 2 รุ่น ทั้งเครื่องยนต์ TURBO 1.5 ลิตร พละกำลังสูงสุด 129 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000-4,400 รอบ/นาที จึงมั่นใจได้ในทุกการขับขี่ ขณะที่อีกหนึ่งเครื่องยนต์เบนซิน คือ 1.5 ลิตร พละกำลังสูงสุดที่ 106 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 135 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที ทั้ง 2 เครื่องยนต์ มอบความประหยัดด้วยการรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ส่วนระบบส่งกำลังของ MG5 เป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ในรุ่น TURBO 1.5 ลิตร และแบบ 4 สปีด ในรุ่น 1.5 ลิตร ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วและนุ่มนวล พร้อมสามารถปรับโหมดได้ทั้งแบบ Sport เพื่อความเร้าใจอีกระดับ
ระบบกันสะเทือนของ MG5 เติมเต็มความมั่นใจทุกเส้นทางด้วยเอกลักษณ์ช่วงล่าง European Tuning Suspension มาตรฐานสูงสุดแบบยุโรป ด้านหน้าแบบ Ultra-Rigid MacPherson Strut ด้านหลังแบบ H-Type Torsion Beam คานขวางแบบ U-Shape ให้การยึดเกาะถนนที่แน่นหนึบทุกย่านความเร็ว ระบบเบรกเป็นแบบดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบ LDC (Low Dragging Calipers) ตอบสนองทุกการสั่งการอย่างรวดเร็วและเฉียบคม นอกจากนี้ยังอัดแน่นของระบบเทคโนโลยีความปลอดภัย 9 Integrated Active Safety Systems ที่เหนือกว่ารถซับคอมแพ็คคาร์รุ่นอื่นๆ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือกว่า ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ อาทิ ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS - Hill Start Assist System) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS - Traction Control System) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน (ABS - Anti-lock Braking System) พร้อมระบบช่วยกระจายแรงเบรก (EBD - Electronic Brake Force Distribution) ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR - Motor control Slide Retainer) ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC – Curve Brake Control) และระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (ITPMS - Indirect Tire Pressure Monitor System) นอกจากนี้ยังเพิ่มความมั่นใจกับระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBA – Electronic Brake Assist) และระบบควบคุมการทรงตัว (SCS - Stability Control System) ซึ่งถือได้ว่าครบครันในเรื่องความปลอดภัยมากที่สุด
นับเป็นครั้งแรกที่ BoxzaRacing จะได้ทดลองขับ MG5 ซึ่งเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยใช้เส้นทางระหว่างจังหวัดสุราษฏร์ธานี – ภูเก็ต รวมระยะทางกว่า 250 กิโลเมตร ภายใต้สภาพภูมิประเทสที่หล่ากหลาย ทำให้เราได้สัมผัสกับยนตรกรรม MG5 กันแบบเต็มอิ่ม ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองกับสภาพการจราจรที่แออัด การขับบนไฮเวย์ที่ต้องใช้ความเร็วสูง การขับขี่ในรูปแบบประหยัดน้ำมันเพื่อหาอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงภายใต้ความเร็วแบบใช้งานจริง รวมไปถึงการขึ้น-ลงเขา บนเส้นทางที่คดเคี้ยว ซึ่งรุ่นที่ทาง BoxzaRacing ได้ทดลองขับก็คือ MG5 Turbo 1.5 ลิตร X Sunroof ราคา 759,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นท็อป โดยหลังจากที่บรีฟเส้นทาง ณ โชว์รูม MG สาขาสุราษฎร์ธานี เป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาออกเดินทาง ในช่วงแรกเราต้องฝ่ากราจราจรกันเล็กน้อยในช่วงตัวเมือง ถือว่าห้องโดยสารขนาดใหญ่ของ MG5 รองรับการขับขี่และโดยสารได้อย่างลงตัว โดยเบาะนั่งถุกวางในตำแหน่งค่อนข้างสูง ทำให้สามารถมองเห็นทัศนวิสัยรอบข้างได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การขับขี่เปี่ยมด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้น การซอกแวกในเมืองทำได้อย่างคล่องตัวด้วยมุมมองและอัตราการตอบสนองของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถเร่งออกตัวได้อย่างรวดเร็ว น้ำหนักพวงมาลัยในย่านความเร็วต่ำ ถือว่าเซ็ตมาได้พอดีๆ ไม่หนักหรือเบาโหวงจนเกินไป สิ่งอำนวยความสะดวกภายใน MG5 เรียกได้ว่าจัดมาให้แบบครบๆ ถ้าไม่ได้ยึดติดในเรื่องของภาพลักษณ์การจัดวางมากเกินไปนัก ก็สามารถตอบรับความต้องการในทุกการเดินทางได้เป็นอย่างดี เมื่อผ่านพ้นการจราจรแออัดในเมืองมาได้ ชาวคณะเริ่มทำความเร็วขึ้นไปอีกระดับ งานนี้ทำให้เราได้ลองหลายๆ อย่าง ทั้งเรื่องของการทรงตัวในย่านความเร็วสูง ซึ่งต้องบอกว่า...งานนี้ MG5 สอบผ่านฉลุย เพราะไม่ว่าจะใช้ความเร้วขนาดไหน ช่วงล่างก็ยังสามารถเกาะถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเข้าโค้งด้วยความเร็วร้อยกลายๆ ตัวรถไม่มีทีท่าว่าจะเสียอาการ อีกทั้งเครื่องยนต์ยังสามารถตอบสนองและให้อัตราเร่งได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่าจะแผ่ว จนบางครั้งแอบเผลอคิดไปว่า MG5 นั้น มีแรงม้าเกินกว่า 129 ตัวเสียอีก ระบบส่งกำลัง 6 สปีด ทำงานได้อย่างราบรื่น นุ่มนวลในยามขับขี่ปกติ แต่หากต้องการความสนุกสนานในการขับขี่ เพียงแค่ผลักคันเกียร์มาในตำแหน่ง S ผู้ขับขี่ก็สามารถกำหนดจังหวะความเร้าใจได้ด้วยตนเอง ซึ่งต้องบอกว่าเพียงแค่ผลักคันเกียร์เบาๆ เกียร์ก็พร้อมจะตอบสนองในทันทีทั้งการเพิ่มและลดเกียร์ ให้อารมณ์ความเป็นสปอร์ตได้แบบถึงอกถึงใจมากๆ
หลังจากที่ทำความเร็วกันมาสักระยะ ก็ได้เวลาปรับอารมณ์กันเล็กน้อย กับการขับขี่ในรูปแบบประหยัดน้ำมัน โดยใช้ความเร็วจริงในการเดินทาง คือ ประมาณ 100-120 กม./ชม. งานนี้ถือว่า MG5 Turbo บริโภคเชื้อเพลิงได้แบบน่าพอใจมากๆ โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 16 - 17 กม./ลิตร อีกทั้งยังสามรถรองรับเชื้อเพลิง E85 ตรงจุดนี้ถือว่าสามารถรองรับความต้องการในเรื่องความคุ้มค่าในการเดินทางได้ดีทีเดียว และหลังจากผ่านพ้นช่วง จ.พังงา มุ่งหน้าสู่ จ.ภูเก็ต สภาพเส้นทางตรงนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากทางตรงความเร็วสูง สู่สภาพภูมิประเทศที่มีภูเขาและมีความคดเคี้ยว แต่ด้วยการเซ็ตช่วงล่างที่ยอดเยี่ยมของ MG5 ทำให้ผมสามารถขับผ่านทุกอุปสรรคบรนท้องถนนไปได้อย่างไม่มีอะไรต้องกังวล โดยสิ่งที่แทรกเข้ามาแทนที่ก็คือ ความสนุกสนานในการขับขี่นั่นเอง
MG5 นับว่าเป็นอีกหนึ่งยนตรกรรมที่เรียกได้ว่า ทำได้ดีเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมรรถนะที่มีความโดดเด่นทั้งในส่วนของเครื่องยนต์และช่วงล่าง รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยที่มีมาให้แบบครบครันและมากที่สุดในคลาส เมื่อเทียบกับค่าตัวเพียง ราคา 759,000 บาท ถือว่าเป็นอะไรที่ "เกินคำว่าคุ้มค่าจริงๆ ครับ"
MG5 ประกอบด้วย 4 รุ่นย่อย และราคาดังนี้
MG5 1.5 ลิตร รุ่น D 649,000 บาท
MG5 1.5 ลิตร รุ่น X Sunroof 699,000 บาท
MG5 TURBO 1.5 ลิตร รุ่น D 719,000 บาท
MG5 TURBO 1.5 ลิตร รุ่น X Sunroof 759,000 บาท