Toyota Hilux REVO กับบทพิสูจน์ครั้งใหม่ที่ใส่กันแบบไม่ยั้ง
หลังจากที่ Toyota Hilux REVO เผยโฉมไปไม่กี่วัน ทาง BoxzaRacing มีโอกาสได้ร่วมสัมผัสสมรรถนะของปิคอัพสุดไฮเทครุ่นนี้บนเส้นทางร่วม 400 กม. จากจังหวัดพิษณุโลกมุ่งหน้าสู่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีขุนเขาและโค้งน้อยใหญ่ให้เราได้ลัดเลาะและพิสูจน์สมรรถการทรงตัวของ REVO ว่าดีสมคำร่ำลือหรือไม่ จนกระทั่งในวันนี้...BoxzaRacing ได้รับเกียรติให้ร่วมเดินทางเพื่อสัมผัสสมรรถนะของปิคอัพรุ่นนี้อีกครั้ง ซึ่งต้องบอกว่าครั้งนี้ จัดหนัก จัดเต็ม และน่าจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ให้ความสนใจ Toyota Hilux REVO แบบแน่นๆ เลยทีเดียว เอาเป็นว่า...เราไปชมกันเลยครับ
ในครั้งนี้ทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย พาเราไปร่วมสัมผัสสมรรถนะกันถึงใน Chang International Cirtcuit สนามแข่งรถยนต์ทางเรียบระดับโลก ณ จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นๆกันไปเลยว่า Toyota Hilux REVO จะทำได้ดีขนาดไหนเมื่อต้องวิ่งในแทร็ก ? รวมไปถึงคลายความสงสัยที่ว่า รถยกสูงสามารถวิ่งในสนามได้หรือไม่ ? โดยการทดลองขับในครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 3 สถานี ซึ่งมีรูปแบบการขับขี่ที่แตกต่างกันออกไป เริ่มตั้งแต่...การขับในแทร็กสนาม Chang International Circuit, การขับในรูปแบบ Off Road, รวมไปถึงการเรียนรู้เทคนิคในเชิงลึกเกี่ยวกับกับองค์ประกอบและเทคโนโลยีต่างๆ ที่ถูกอัดแน่นใน Toyota Hilux REVO
สำหรับสถานีแรก เป็นการขับขี่ในแทร็กของสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โดยรถที่ทาง Toyota นำมาให้ขับในสถานีนี้ โดยส่วนมากจะเป็นรุ่น Pre Runner แบบขับสองยกสูง ในหนึ่งรอบสนามจะมีการแบ่งเป็นเซ็กชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสลาลอม, การเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน รวมถึงการเข้าโค้งทั้งในความเร็วปานกลางและความเร็วสูง แน่นอนว่า...เนื่องจากเป็นสถานที่ปิดที่มีความปลอดภัยสูง ความเร็วที่ใช้นั้น ย่อมจะเกินกว่าความเร็วปกติที่เราๆ ท่านๆ ใช้งานทั่วไปเป็นแน่แท้ ซึ่งจากที่ได้ลองขับกันพอสมควรแล้ว ก็พบว่า Toyota Hilux REVO สามารถเข้าและออกโค้งในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างไม่ติดขัด และไม่ออกอาการนอกลู่นอกทางให้เห็น หากมีการใช้ความเร็วอย่างเหมาะสมในแต่ละรูปแบบของโค้ง โดยหากโค้งไหนเผลอเข้าด้วยความเร็วสูงจนเกินไป ตัวรถอาจเกิดอาการโอเวอร์สเตียร์ได้เล็กน้อย แต่ก็ไม่เยอะจนรู้สึกว่ายากในการควบคุม ด้านอัตราเร่งในช่วงทางตรงยาว ถือว่าทำได้ดีจนน่าดูชม กับความเร็วสูงสุดที่เกินกว่า 160 กม./ชม. ก่อนจะต้องกดเบรกแบบหนักๆ เพื่อลดความเร็วก่อนเข้าสู่โค้งยูเทิร์น ซึ่งแน่นอนว่าเบรกชุดนี้ทำงานได้ดีอย่างที่ BoxzaRacing ได้ชื่นชมไปแล้วจากการทดลองขับขี่ในครั้งก่อน ส่วนอีกเรื่องที่ได้ทดลองในสเตชั่นนี้ก็คือ ระบบเกียร์ iMT 6 สปีด ที่สามารถตอบสนองฟีลลิ่งการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ช่วยลดอาการกระชาก และปรับรอบการทำงานของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมในแต่ละย่านความเร็วด้วย เหมาะอย่างยิ่งทั้งสำหรับคนที่ชื่นชอบการขับขี่แบบนุ่มนวล หรือแม้แต่บรรดาขาซิ่งที่ชื่นชอบความเร้าใจ ต่อเนื่อง และให้อารมณ์การขับขี่แนวเรซซิ่ง
สถานีที่ 2 เรียกได้ว่าเป็นการขับขี่ที่โดยส่วนตัวแล้ว ผมอยากสัมผัสมากที่สุด แน่นอนว่านั่นคือ การขับขี่ในรูปแบบ Off Road นับเป็นโอกาสดีที่ในช่วงก่อนที่จะได้ไปทดลองขับขี่ 1 วัน ฝนได้กระหน่ำลงมาในสนามทดสอบ ทำให้เราได้ลองขับขี่ในสนามที่มีความโหดหิน และเปี่ยมด้วยอุปสรรคมากว่าที่ควรจะเป็น โดยสนามทดสอบแห่งนี้ เดิมที่แล้วออกแบบมาเพื่อแข่งขันโมโตครอส มีเนินน้อยใหญ่มากมาย นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคต่างๆ ให้ได้ฟันฝ่า ไม่ว่าจะเป็นบ่อโคลน, เนินสลับ, เนินเอียง รวมถึงสะพานไม้ เรียกได้ว่ามีอะไรให้ได้ลองกันแบบครบรสทีเดียว แน่นอนว่า Toyota Hilux REVO ที่ใช้ในสเตชั่นนี้ จะต้องเป็นรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อที่ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบล็อคเฟืองท้ายที่ถอดแบบมาจาก SUV รุ่นใหญ่ในค่ายอย่าง Prado ทำงานร่วมกับยางแบบ All Terrain ที่ติดตั้งมาให้จากโรงงาน เนื่องจากทางค่ายต้องการให้พิสูจน์สมรรถนะจริงจากอุปกรณ์ที่เป็นสแตนดาร์ดทั้งสิ้น โดยมีโอกาสได้ลองขับทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ภายใต้โหมดขับเคลื่อนสี่ล้อ L4 งานนี้ทาง BoxzaRacing คอนเฟิร์มเลยว่า “ทุกอุปสรรค Hilux REVO ผ่านได้ฉลุย” ด้วยระบบต่างๆ พร้อมเทคโนโลยีที่อัดแน่น ส่งผลให้ทุกการขับเคลื่อนเปี่ยมด้วยพละกำลังทั้งจากเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังที่ผสานการทำงานกันเป็นหนึ่งเดียว นอกจากนี้ด้วยแรงบิดที่โดดเด่นทำให้ทุกการปีนป่ายทำได้ง่ายมากๆ โดยลองเข้าเกียร์ 1 ปล่อยคลัทช์ให้รถไหลขึ้นเนินชัน รถสามารถเคลื่อนตัวได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ออกอาการใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ต้องยกเครดิตให้กับแรงบิดที่เหนือชั้นล้วนๆ ส่วนในรุ่นเกียร์อัตโนมัตินั้น จะเพิ่มลูกเล่นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC ที่ช่วยป้องกันอาการรถไหลขระออกตัวบนทางชัน รวมถึงระบบ DAC ที่ช่วยรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอขณะลงทางชัน จากการที่ระบบควบคุมแรงดันเบรกโดยอัตโนมัติ ส่วนสถานีสุดท้ายเป็นการเรียนรู้เทคโนโลยีขั้นสูงในเชิงลึกภายใต้ชื่อ Technical Clinic ซึ่งเป็นเสมือนการไขข้อสงสัยในหลายๆ อย่าง รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ ที่อัดแน่นอยู่ใน Toyota Hilux REVO
ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เนื่องจากในวันรุ่งขึ้น คณะสื่อมวลชนจะต้องขับรถจากจังหวัดบุรีรัมย์มุ่งหน้าสูงกรุงเทพฯ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งครั้งที่ได้สัมผัสสมรรถนะของ Toyota Hilux REVO ในรูปแบบใช้งานความเร็ว (เกิน) จริงกันแบบยาวๆ หลังจากเริ่มออกสตาร์ททาง BoxzaRacing ร่วมกับเพื่อนสื่อที่ร่วมเดินทางก็ได้สัมผัสอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งสิ่งที่พูดเป็นเสียงเดียวกันก็คือ ความสามารถในการเก็บเสียง ลดเสียงรบกวนจากภายนอก และสิ่งอำนวยความสะดวกที่จัดมาให้ในห้องโดยสาร เรียกว่าเพียงพอและเหลือเฟือสำหรับทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นช่องเก็บความเย็น, ปลั๊กไฟ 220 โวลต์ รวมถึงอุปกรณ์ความบันเทิงที่รองรับการเล่นไฟล์ทุกรูปแบบที่ได้รับความนิยม ในส่วนของช่วงล่างที่ได้รับการอัพเกรดด้วยการปรับขนาดของแหนบให้ยาวและใหญ่ยิ่งขึ้น ส่งผลในเรื่องของความนุ่มนวล โดยยังคงให้ประสิทธิภาพในการทรงตัวที่เป็นเลิศ แม้ว่าจะใช้ความเร็วค่อนข้างสูงจนไม่น่าเอาเยี่ยงอย่าง (140-160 กม./ชม.) หรือบ่อยครั้งที่จุ่มคันเร่งกันแบบสุดๆ (กว่า 190 กม./ชม.) ตัวรถยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแบบนิ่งๆ ไม่ออกอาการไหวติง หรือกระพือให้น่ากังวลใจ ความเร็วจากช่วงกลาง-ปลายนั้น ทำอัตราเร่งได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปตันที่ประมาณ 190 กลางๆ (ซึ่งเชื่อว่า...ถูกพันธนาการไว้) นอกจากนี้ยังใช้รอบเครื่องยนต์ในการเดินทางไม่สูง (140 กม./ชม. ที่ประมาณ 2,100 รอบ/นาที) ส่งผลโดยตรงในเรื่องของความประหยัดหากต้องเดินทางไกล สุดท้ายนี้...ขอย้ำว่า ความเร็วที่ใช้ในครั้งนี้ ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างด้วยประการทั้งปวงครับ
ไม่มีอะไรให้คาใจกันแล้ว สำหรับปิคอัพผู้มาพร้อมขีดสุดแห่งเทคโนโลยีอย่าง Toyota Hilux REVO เพราะไม่ว่าจะด้านไหนๆ REVO ก็สามารถตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ สมรรถนะสูง แข็งแกร่ง มั่นคง ประหยัด แล้วจะมีอะไรอีกล่ะ...ที่ชาว BoxzaRacing จะต้องการไปมากกว่านี้