Toyota Hilux REVO ท้าพิสูจน์ความเหนือชั้นแห่งเทคโนโลยีที่สมค่ากับการรอคอย
Toyota Hilux REVO (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) เปิดตัวไปแบบสดๆ ร้อนๆ เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่โดนแฟนๆ ถามถึงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในช่วงปลายปีก่อน ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวก็มีเสียงตอบรับไปต่างๆ นานา พร้อมทั้งเกิดข้อสงสัยมากมายว่า “สมค่ากับการรอคอยมาอย่างยาวนานหรือไม่ ?” ซึ่งเมื่อทาง BoxzaRacing มีโอกาสที่ได้สัมผัสตัวเป็นๆ ของรถกระบะ Toyota Hilux REVO มาเป็นที่เรียบร้อย ก็ขอมาเฉลยคำตอบที่หลายๆ คนสงสัย พร้อมกับเจาะลึกรายละเอียดของปิคอัพสุดไฮเทครุ่นนี้ให้แฟนๆ รับทราบกันครับ
รุ่นที่ได้ทดลองขับนั้น เป็นรุ่น Pre Runner ขับเคลื่อนสองล้อยกสูง เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เริ่มกันตั้งแต่ในส่วนของภาพลักษณ์โดยรวม ในความรู้สึกส่วนตัวของผมนั้น ถือว่าดูโดดเด่นและลงตัวมากกว่ารุ่นก่อนอย่าง VIGO โดยสิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือ อารมณ์ความหรูหราที่แอบซ่อนความแข็งแกร่งไว้ภายในตั้งแต่หัวจรดท้าย ไฟหน้ามาในรูปแบบของโปรเจ็คเตอร์เลนส์พร้อม LED เดย์ไลท์ ตามแบบฉบับของรถยนต์สมัยใหม่ ในด้านข้างมาพร้อมชุดโป่งที่เป็นชิ้นเดียวกับตัวถัง แม้อาจจะดูไม่ดุดันเท่าการใช้โป่งแบบแยกชิ้น แต่ก็ดูแล้วลงตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียว ในบั้นท้ายเพิ่มทัศนวิสัยที่เหนือกว่าด้วยไฟตัดหมอกหลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่สาม LED ที่จะกระพริบเตือนโดยอัตโนมัติหากมีการเบรกกะทันหัน ซึ่งแน่นอนว่าสามารถช่วยเติมเต็มความปลอดภัยขึ้นอีกระดับ
การเดินทางสัมผัสสมรรถนะของ Toyota Hilux REVO เริ่มต้นตั้งแต่ตัวเมืองพิษณุโลก เพื่อมุ่งหน้าสูงจังหวัดอุดรธานี ภายใต้สภาพเส้นทางที่มีความหลากหลายพอที่จะได้สัมผัสอะไรหลายๆ อย่างของรถกระบะรุ่นนี้ได้แบบหมดเปลือก โดยในช่วงแรกของการเดินทางจะมีอุปสรรคที่ท้ายทายก็คือ การลัดเลาะตามเขาที่มีโค้งน้อยใหญ่มากมายเพื่อให้ได้ลองของกันแบบจริงๆ จังๆ ทั้งเครื่องยนต์บล็อกล่าสุด 1GD-FTV ที่ให้กำลัง 177 แรงม้า (3,400 รอบ/นาที) พร้อมกับแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร (1,600-2,400 รอบ/นาที) รวมไปถึงระบบช่วงล่างที่ออกแบบมาใหม่ทั้งหมด เพื่อเน้นการขับขี่ที่นุ่มนวลเป็นหลัก ซึ่งเมื่อพูดถึงการขับขี่ทั่วๆ ไปแล้ว ต้องบอกว่า Toyota Hilux REVO สามารถตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว เครื่องยนต์เดินเรียบ ราบรื่น เช่นเดียวกับชุดเกียร์ที่เปลี่ยนได้อย่างนุ่มนวล มีความต่อเนื่องจากการออกแบบอัตราทดมาอย่างเหมาะสม ซึ่งให้ทั้งอัตราเร่งที่ดี และความประหยัดที่เป็นเยี่ยม โดยการขับขี่ในย่านความเร็ว 140 กม./ชม. ใช้รอบเครื่องยนต์เกิน 2,000 รอบ/นาที มาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เห็นตัวเลขแบบนี้...การันตีความประหยัดได้แน่นอน ในช่วงมุ่งหน้าสู่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ที่ต้องขึ้นเขาชัน การขับขี่ด้วยโหมด Eco ก็ดูจะให้พละกำลังที่เพียงพออยู่แล้ว แต่ถ้าหากต้องการความเร้าใจแบบสุดๆ เพียงแค่กดปุ่ม Power Mode การปลดปล่อยกำลังจากเครื่องยนต์ จะเป็นไปในแบบ “ไม่มีกั๊ก” และให้สมรรถนะที่เต็มเปี่ยม พร้อมลุยทุกสถานการณ์ หากวัดกันด้วยตัวเลขแรงม้าเพียวๆ Toyota Hilux REVO อาจจะเป็นรองคู่แข่งบางค่ายอยู่บ้าง แต่...ถ้าวัดกันด้วยประเด็นการใช้งานจริง พละกำลังที่ถูกปลดปล่อยในช่วงรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้งาน น่าจะตอบโจทย์ได้อย่างชัดเจนมากกว่า อีกทั้งตัวเลขแรงม้าในระดับนี้ ผมกล้าการันตีได้เลยว่า “เป็นระดับพลังกำลังที่เพียงพอต่อทุกการใช้งานอย่างแน่นอน”
สิ่งที่ได้รับการปรับปรุงอย่างมากอีกส่วนหนึ่งก็คือ ช่วงล่าง ซึ่งเน้นความนุ่มนวลในการขับขี่เป็นหลัก โดยยังคงสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเอาไว้ การวิ่งในย่านความเร็วสูงราว 140 กม./ชม. ต้องบอกว่าตัวรถนิ่งมาก จนมีบางช่วงที่เผลอกดคันเร่งลึกไปแบบไม่รู้ตัว การลัดเลาะในโค้งก็ทำได้ดีไม่ผิดหวังเช่นเดียวกัน Toyota Hilux REVO จิกเกาะโค้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในช่วงหนึ่งของการขับขี่ มีสายฝนโปรยปรายลงมาค่อนข้างแรง แต่ REVO ก็ยังคงวิ่งฝ่าสายฝนในโค้งได้อย่างไม่ลดละ ด้วยประสิทธิภาพของช่วงล่างและระบบตัวช่วยความปลอดภัยที่เต็มเปี่ยม เช่น ระบบเบรก ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว VSC รวมไปถึงระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ซึ่งมีช่วงหนึ่งที่ผมเผลอเติมคันเร่งมากเกินไปในขณะถนนเปียก ทำให้ล้อหลังเกิดอาการสลิป แต่ก็ได้ระบบ Traction Control มาช่วยให้รถสามารถทรงตัวได้ดี ไม่เสียอาการ และยังคงวิ่งต่อไปได้อย่างปลอดภัย เช่นเดียวกับระบบเบรก ซึ่งจุดนี้ผมขอชื่นชมแบบออกนอกหน้าสักเล็กน้อย “เพราะทำได้แบบไร้ที่ติจริงๆ” โดยในขณะที่เบรกระบบส่งกำลังจะลดตำแหน่งเกียร์เพื่อสร้าง Engine Brake มาเป็นตัวโดยอัตโนมัติ ทำให้ระยะการเบรกทำได้สั้นลงอย่างชัดเจน ส่งผลโดยตรงเรื่องความปลอดภัยที่มากขึ้นอีกระดับ
จนกระทั่งเมื่อเดินทางมาถึงอำเภอชุมแพ มุ่งหน้าสู่จังหวัดหนองบัวลำภู ช่วงนี้เป็นเส้นทาง 2 เลนสวน ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากในช่วงเวลาที่เดินทางผ่าน เป็นเวลาที่โรงเรียนเลิกพอดิบพอดี ส่งผลให้สภาพการจราจรค่อนข้างแออัด ไม่สามารถทำความเร็วได้มากนัก อีกทั้งยังต่อเร่งๆ หยุดๆ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงภาพการใช้งานในเมืองได้เป็นอย่างดี สิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน Toyota Hilux REVO ก็คือ ฟังค์ชั่น Start-Stop เครื่องยนต์โดยอัตโนมัติเช่นเดียวกับยนตรกรรมหรูอย่าง Lexus โดยเครื่องจะดับในทันทีที่รถหยุดนิ่งเพื่อช่วยเรื่องความประหยัด ก่อนที่จะสตาร์ทอย่างรวดเร็วในขณะที่ต้องการออกตัว หรือในช่วงที่ถึงช่วงอุณหภูมิการทำงานของระบบอัดอากาศ ที่แม้เครื่องดับก็จะยังคงให้ความเย็นอย่างต่อเนื่องยาวนานยิ่งขึ้น ด้วยเจลชนิดพิเศษที่ซ่อนอยู่ภายในแผงทำความเย็น
ระบบเครื่องยนต์กลไกและการขับเคลื่อนของ Toyota Hilux REVO มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ซึ่งหลายๆ อย่างได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจาก SUV ระดับพรีเมี่ยมในค่ายอย่าง Prado ขุมพลังตระกูล GD นอกจากจะให้พละกำลังที่สูงแล้ว ยังคงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการผ่านมาตรฐานไอเสียในระดับยูโร 5 ด้วยการเผาไหม้ที่หมดจดและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจากชุดหัวฉีดคอมมอนเรลและปั๊มแรงดันสูง HP5S นอกจากนี้ยังลดความฝืดการหมุนของตัวเครื่องเพื่อความราบเรียบในการหมุนและลดเสียงรบกวน สายพานหน้าเครื่องเป็นแบบ Serpentine ซึ่งมีใช้เฉพาะในยนตรกรรมระดับหรูทางฝั่งยุโรปเท่านั้น ความโดดเด่นที่ว่ามาไม่ได้มีเฉพาะกับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เท่านั้น แต่ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ก็ยังเติมลูกเล่น iMT เพื่อให้การขับขี่ทำได้อย่างนุ่มนวลมากขึ้น โดยระบบคลัทช์จะทำงานอย่างเหมาะสมกับรอบเครื่องยนต์และความเร็วในขณะเปลี่ยนเกียร์เพื่อลดอาการกระชาก ตอบสนองเรื่องความนุ่มนวลได้อย่างตรงจุด ช่วงล่างได้รับการปรับใหม่โดยเลือกใช้แหนบที่มีความยาวมากขึ้นเพื่อตอบสนองเรื่องความนุ่มนวล ซึ่งก็ถือว่าได้ผลและน่าพอใจมากๆ
ข้อเสียจาก VIGO ที่ได้รับการแก้ไขอย่างหมดจดใน Toyota Hilux REVO คงหนีไม่พ้นเรื่องของภาพลักษณ์ภายในห้องโดยสาร ที่ออกแบบให้ต่างจากเดิมอย่างชัดเจน ส่งผลให้ภายในของปิคอัพแห่งอนาคตผู้นี้ ดูทันสมัย และเปี่ยมด้วยลูกเล่นที่เทียบเคียงกับยนตรกรรมระดับไฮคลาสได้แบบสบายๆ โดยพวงมาลัยสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มควบคุมลูกเล่นต่างๆ รวมถึงหน้าจอแสดงผลบริเวณหน้าปัดที่อ่านง่านด้วยเมนูภาษาไทย ส่วนหน้าจอเนวิเกเตอร์พร้อมเครื่องเสียงมาในขนาด 7 นิ้ว รองรับการเล่นได้หลากหลาย เติมเต็มทุกความบันเทิงได้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง ที่บริเวณช่องเก็บของฝั่งคนนั่งออกแบบให้เป็น Cool Box ซึ่งแน่นอนว่าสามารถแช่น้ำหรืออื่นๆ เช่น ช็อกโกแล็ต หรืออะไรก็แล้วแต่ที่อาจมีการละลายในอุณหภูมิสูงของบ้านเรา ถือว่าเป็นลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ใส่ใจผู้บริโภคบ้านเราได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่เราอาจไม่ค่อยได้เห็นนักก็คือ การมีช่องเสียบปลัก 220 โวลต์ สิ่งนี้เองช่วยเพิ่มความสะดวกได้เป็นอย่างมาก เพราะสามารถเสียบไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ต่างๆ ได้ตามต้องการ เบาะนั่งออกแบบให้มีขนาดใหญ่ สร้างความสบายสูงสุด อีกทั้งยังเปี่ยมด้วยความปลอดภัยจากถุงลมนิรภัยที่มีมาให้ถึง 7 ตำแหน่ง
Toyota Hilux REVO เป็นรถกระบะที่ตอบทุกโจทย์ความต้องการได้แบบตรงจุด ซึ่ง BoxzaRacing กล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า “สมค่าการรอคอย” ด้วยเทคโนโลยีชั้นสูงที่อัดแน่นอยู่ภายใน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อเรื่องสมรรถนะและคุณภาพการเดินทางที่ “เหนือชั้น” แม้จะมีราคาสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อน แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ได้มานั้น สูงค่ายิ่งกว่าราคาไปไม่น้อย โดยเฉพาะเรื่องของคุณภาพชีวิตและความปลอดภัย อีกทั้งยังให้ความคุ้มค่ากับตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองในระดับกว่า 13.x กม./ลิตร ภายใต้สไตล์การขับขี่ที่หนักหน่วง จะขึ้นเขาหรือลงห้วยก็จุ่มคันเร่งกันแบบไม่มียั้ง เกินการขับขี่ปกติในชีวิตจริงไปเยอะทีเดียว ถ้าขับแบบปกติ เหยียบคันเร่งเนียนๆ รับรองได้ว่า...มีตัวเลขที่สวยกว่านี้ให้เห็นแน่นอน