เขียนโดย: D wisanuporn

เมื่อ: 9 มีนาคม 2563 - 11:12

The New Car in Geneva Motor Show 2020 รถใหม่เตรียมเปิดตัวกันอุ่นหนาฝาคั่ง...แต่

         งานแสดงยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของโลก Geneva Motor Show 2020  แม้ว่าช่วงแรก ประกาศเดินหน้าจัดงานอย่างต่อเนื่อง ทว่างานนี้กลับไม่เป็นอย่างที่หวัง เพราะสถานการณ์ การระบาดของโรค Covit-19 หรือ Coronavirus ที่ส่งผลกระทบไปในทุกเรื่องราว ซึ่งรวมไปถึงการจัดแสดงงานต่างๆ และจากผลกระทบของเหตุการณ์ระบาดของโรค Covit -19 นี้ ทำให้งานใหญ่อย่าง Mobile World Congress ในบาร์เซโลนา ต้องยกเลิกไปแล้ว ในขณะเดียวกันกับการจัดการแสดงรถที่ยิ่งใหญ่อย่าง Geneva Motor Show 2020 นี้ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ระบาดของโรคนี้เช่นกัน ก่อนหน้านี้ก็มีผู้ผลิตรถหลายรายที่ประกาศจะไม่เข้าร่วมในงานนี้อยู่แล้ว อาทิ Ford, Jaguar-Land Rover group, Lamborghini, Peugeot, Citroen และ Opel รวมถึงกลุ่ม PSD

         สำหรับงานแสดงยานยนต์นานาชาติ Geneva Motor Show 2020 หรือ GIMS ที่มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-15 มีนาคมศกนี้ และเป็นการจัดงานครั้งที่ 90 โดยงานนี้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างพร้อมกันนำเสนอเรื่องราว สิ่งใหม่ๆ ที่ได้พัฒนาต่อยอดให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์โลก และที่เห็นได้ชัดที่สุดคงไม่พ้นเหล่าบรรดารถเครื่องเล็กทรงสมรรถนะ และ EV Car รุ่นใหม่ ที่พร้อมเปิดตัวในงานหลายรุ่น แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ แต่แม้ว่างานนี้จะถูกประกาศยกเลิกงานไปแล้ว แต่เราทีมงาน BoxzaRacing ได้นำข้อมูลของรถที่เตรียมจะอวดโฉมในงานมาให้ดูแทนกันในนี้ ส่วนจะมีรถอะไรเด่น รถอะไรใหม่ ไปดูกันเลย

 

 

         Aston Martin Vantaga Roadster รถยนต์ที่มาพร้อมกับหลังคา Soft-Top ที่ใช้เวลาในการเปิดเพียง 6.7 วินาที เมื่อจอดรถสนิด และเพิ่มเป็น 6.8 วินาทีเมื่อรถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร /ชั่วโมง นับเป็นการเปิดหลังคาที่เร็วที่สุดในโลกรถยนต์ พละกำลังในการขับเคลื่อนมาจากเครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตร แบบ V8 Twin Turbo ให้กำลัง 503 แรงม้า ส่วนแรงบิดที่ 785 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด พร้อมระบบควบคุมการขับด้วยระบบอิเล็กทรอนิกศ์ พร้อมฟังก์ชั่นการขับทั้งแบบ Sport Mode และ Sport + Mode ความเร็วจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 3.7 วินาที ช้ากว่ารุ่น Ventage อยู่ 0.2 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 306 กิโลเมตร/ชั่วโมง สำหรับ Aston Martin Vantaga Roadster นี้เปิดตัวก่อนเข้างานใน

 

 

        Audi e-tron EV Car ให้ความสำคัญกับการออกแบบ โดยเน้นเรื่องสัมประสิทธิ์แรงเสียดท้าน ซึ่งวัดได้เพียง 0.28 และ เหลือแค่ 0.26 ในรุ่น e-tron S Sportback เป็นผลมาจากการขยายซุ้มล้อ รวมถึงกระจกมองข้างใหม่ แม้ว่า Audi จะไม่พูดถึงเรื่องของการตกแต่งภายในมากนัก แต่จะเห็นเบาะทรงสปอร์ตหุ้มด้วย Alcantara Sports  หน้าปัดดิจิตอลขนาด 8.6 นิ้ว พร้อมหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว แน่นอนว่ามาพร้อมระบบอินโฟเทนเมนต์ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว กับคาลิเปอร์แบบ 6 สูบ ทำงานร่วมกับขนาดจานเบรค 400 มิลลิเมตร ระบบกันสะเทือนแบบอากาศ หรือที่เรียกว่าถุงลม ที่สามารถปรับค่าความสูงได้ถึง 26 มิลลิเมตร  

         ระบบส่งกำลัง Audi e-tron เรียกว่า 55 quattro เป็นมอเตอร์ 3 ตัว ซึ่งแยกไปที่เพลาหลัง 2 ตัว ให้กำลังรวม 429 แรงม้า แรงบิดที่ 808 นิวตัน-เมตร มาพร้อมฟังก์ชั่นเสริมซึ่งอยู่กับรุ่นที่เลือก ซึ่งพละกำลังขยับตามไปในแต่ละรุ่น สูงสุดมีให้ใช้ที่ 496 แรงม้า และแรงบิด 973 นิวตัน-เมตร สร้างความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 4.5 วินาที พร้อมความเร็วปลายที่ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดดเด่นด้วยการจัดการระบบมอเตอร์ที่แปรผันแรงบิดที่ล้อหลัง เพื่อการเข้าโค้งในความเร็วสูง  และ Audi e-tron มีแบตเตอรี่ขนาด 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถชาร์จไฟตั้งแต่ 5%-80% ภายในเวลา 30 นาที ด้วยการใช้ที่ชาร์จ 150 กิโลวัตต์

 

 

        BMW Series 3 กับรุ่น 330e Touring, 330e Sedan xDrive และ BMW 330e Touring xDrive  ทุกรุ่นมาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร กับเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo กำลังที่มีให้ 181 แรงม้า ยังไม่รวมกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 111 แรงม้า โดยแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 248 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตัน-เมตร รุ่น 330e Touring ขับเคลื่อนล้อหลัง ทำความเร็วที่ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงที่ 6.1 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกล 65 กิโลเมตร สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100 % ด้วยเวลา 5.7 ชั่วโมง ส่วนรุ่น xDrive ทั้ง 330e Sedan และ 330e Touring เป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทำความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 5.8 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 214 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 

 

         Bentley Mulliner Bacalar ดีไซน์ภายนอกที่มาจากกับในตัว EXP 100 GT Concept ทั้งในส่วนหลังคาที่ถูกถอดออก ชุดไฟหน้าทรงกลมที่ปรับให้รีมากขึ้น ส่วนซุ้มล้อถูกปรับให้กว้างขึ้น เพื่อรองรับล้อขนาด 22 นิ้ว ด้านท้ายรถเพิ่มความโดดเด่นด้วย DuckTail เช่นเดียวกับ Diffuser ขนาดใหญ่ ไฮไลท์อยู่ที่ภายในห้องโดยสารของ Bentley Mulliner Bacalar มีได้ตกแต่งให้พิเศษด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ห้องโดยสารเป็นแบบ 2 ที่นั่ง หลังคาเปิดโล่ง พร้อมเซฟผู้โดยสารทั้ง 2 ที่นั่ง ด้วยการติดตั้ง Rollover Bar 

         ถึงแม้จะเป็นรถ Ultra Exclusive ที่มีความหรูหรา แต่ทาง Bentley ก็ได้ชื่อว่ามีพละกำลังสูง โดยในรุ่นนี้มากับเครื่องยนต์แบบ W 12 Twin Turbo ความจุ 6.0 ลิตร ที่ให้กำลังมากถึง 650 แรงม้า มากับแรงบิดมหาศาลที่ 900 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ สร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 322 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไม่เพียงเท่านั้นยังได้ติดตั้งระบบ Dynamic Ride System ที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าขนาด 48 โวลตื ที่จะช่วยให้การควบคุมรถเป็นไปได้อย่างยอมเยี่ยม

 

 

        Koenigsegg เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับผลกระทบจาก ไวรัส Covid-19 งานนี้เลยต้องเปิดตัวแบบออนไลน์ทน หลังจากปี 2019 ที่ผ่านมา Koenigsegg เปิดตัว Koenigsegg Jesko Hyper Car สเปคเทวดา ที่ใช้เชื่อเพลิง E85 ที่สามารถวิ่งทะลุกำแพงความเร็ว 450 กิโลเมตร/ชั่วโมว ซึ่งในเวลานั้นได้ทุบสถิติเดิมของ Agera RS ไปแล้ว แต่ล่าสุดในปีนี้ทาง Koenigsegg ต้องการสร้างประวัติศาสตร์ในโลกของยานยนต์อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Koenigsegg Jesko Absolut  Hyper Car ที่ทาง Koenigsegg เผยว่าจะเป็นรถที่วิ่งเร็วที่สุดที่เคยสร้างมา แน่นอนว่าต้องเน้นที่เรื่องของหลักอากาศผลศาสตร์และกำลังของเครื่องยนต์เป็นหลัง

        ซึ่งต้นกำเนิดพลังของ Koenigsegg Jesko Absolut นั้นต้องพิเศษสุด เพื่อที่จะได้เป็น Hyper Car ที่เร็วที่สุด งานนี้เลยใช้เครื่องยนต์ V8 เบนซิน 5.0 ลิตร Twin Turbo ให้กำลังมากถึง 1,280 แรงม้า ด้วยน้ำมันออกเทน 95 แต่ถ้าหากใช้เชื้อเพลิง E85 จะขยับขึ้นไปเป็น 1,600 แรงม้า กับแรงบิด 1,500 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด แน่อนว่างานนี้มีจำนวนจำกัด ส่วนเรื่องราคาค่าตัวนั้นต้นสังกัดยังไม่ได้เปิดเผยแต่อย่างใด

 

 

         Cupra Leon Hatch และ Wagon รุ่นนี้โดดเด่นที่กระจังหน้าไม่เหมือนใคร ซุ้มล้อด้านข้างออกแบบมีผลต่อการไหลของอากาศ เช่นเดียวกับ Diffuser ที่เสริมให้ด้านท้ายมีสไตล์มากขึ้น ส่วนภายในได้รับการปรับแต่งเล็กน้อย เน้นการใช้สีบรอนซ์ หน้าปัดดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้ว ระบบ Infotainment ผ่านจอแสดงผล ขนด 10 นิ้ว

         เครื่องยนต์เบนซิน TSI ขนาด 2.0 ลิตร มีให้เลือก 3 ความแรง ตั้งแต่ง 242 แรงม้า ขยับไป 296 แรงม้า ใน 2 รุ่นแรกมาพร้อมระบบตัดต่อกำลังแบบ Dual-clutch และแรงสุดที่ 306 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ทว่า ไม่ได้รับการยืนยันว่าตัวเลขสมรรถนะ  0-100 กิโลเมตร ใน 4.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมงนี้มาจากเครื่องยนต์สเตปไหน ไม่เพียงเท่านั้นยังมีข่าวลือว่า มีการเพิ่มรุ่น Plug-in hybrid ที่ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า และแบบเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 13 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งมีตัวเลขของกำลังที่ 242 แรงม้า แรงบิดที่ 400 นิวตัน-เมตรนอกจากระบบส่งกำลังแล้ว ยังมีเบรกจาก Brembo พร้อม 4 โหมดการขับทั้ง Comfort, Sport, Cupra และ aIndividual ที่ผู้ขบสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามรูปแบบที่ชอบ

 

 

        Nissan GT-R50 By Italdesign กับเวอร์ชั่นขายจริง ที่ใช้พื้นฐานของ GT-R R35 จากสุดยอดสำนักออกแบบจาก Italdesign ซึ่งแต่ละคันจะได้รับการปรับแต่งพิเศษให้เหมาะสมกับตัวลูกค้าแต่ละคนที่จับจอง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ สีสัน รวมถึงการออกแบบภายใน ขึ้นอยู่กับความพอใจของลูกค้า สามารถตกแต่งได้ความตามต้องการ

        ส่วนพละกำลังต้องพิเศษด้วยเช่นกัน กับเครื่องยนต์ V6 Twin Turbo ความจุ 3.8 ลิตร ที่ปรับปรุงชิ้นส่วนภายในใหม่ คาดกว่ามีกำลัง 710 แรงม้า ชุดส่งกำลังเกียร์ดูอัลคลัทช์ ที่อัพเกรดใหม่ รวมถึงช่วงล่างใหม่จาก Bilstein ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว และเบรก Brembo สำหรับ Nissan GT-R50 By Italdesign เวอร์ชั่นจำหน่ายจริง คาดการณ์ว่าจะมีราคาเริ่มต้นที่ 1.06 ล้านเหรียญสหรัฐ 

 

        จริงแล้วยังมีอีกมากมาย ทว่ากลัวผู้ชมจะตาลาย ทีมงาน BoxzarRacing เลยจัดเฉพาะทีน่าสนใจ ส่วนรุ่นอื่นๆ จะทยอยลงให้ดูกับเป็นรุ่นๆ คันๆ ไป ติดตามได้กับ Content รถใหม่ ใน www.boxzaRacing.com แห่งนี้

 

Cr. carscoops.com

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook