มินิ ประเทศไทย ยกทัพ Mini ทุกตระกูลสู่งาน MINI Expo 2019 นำโดย Mini Cooper S Countryman โพรไฟล์ใหม่ ในราคาสุดเร้าใจกว่าเดิม พร้อมยกระดับเทคโนโลยี Mini Connected เพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัด ซึ่งลูกค้าจะสามารถเข้าถึงบริการทั้งหมดได้ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เสริมประสบการณ์การขับขี่ในแบบ Mini พร้อมความสนุกสนาน ที่จะยังคงตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทย
Mini Cooper S Countryman Entry
Mini Cooper S Countryman
Mini Cooper S Countryman Entry และ Mini Cooper S Countryman โพรไฟล์ใหม่ในตระกูล Mini Countryman ยังคงความโฉบเฉี่ยวและอเนกประสงค์อันเป็นเอกลักษณ์ ภายนอกยังคงพกพาความสปอร์ตมาอย่างเต็มเปี่ยม รูปโฉมสะดุดตาด้วยเส้นสายการตกแต่งบริเวณกระโปรงหน้า ฝาครอบกระจกข้าง และหลังคาในสีดำ ไฟหน้า LED Daytime Driving Light ให้แสงสว่างที่นวลตาอย่างทั่วถึงทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน พร้อม LED Fog Light ตัดหมอกทั้งไฟหน้าและไฟท้าย ก่อนจะเสริมความเอ็กซ์คลูซีฟด้วย Mini Excitement Package ที่มาพร้อมกับระบบไฟเพื่อฉายโลโก้ Mini ลงบนพื้นบริเวณฝั่งคนขับเมื่อเปิดประตูรถ โดดเด่นด้วยล้ออัลลอย Pair Spoke สีเงินขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Run Flat ห้องโดยสารดีไซน์สปอร์ตกับพวงมาลัยหนังแท้แบบมัลติฟังก์ชั่นระบบ Servo Tronic เบาะนั่งหนังแท้สีดำ Leather Cross Punch Carbon Black สไตล์สปอร์ต เข้ากันกับการตกแต่งภายในสี Hazy Grey
Mini Cooper S Countryman Entry และ Mini Cooper S Countryman มาพร้อมขุมพลัง Mini Twin Power Turbo ที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่และการตอบสนองที่ดีขึ้น เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุดอยู่ที่ 141 กิโลวัตต์ หรือ 192 แรงม้า ที่ 5,000-6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ที่ 1,350-4,600 รอบ/นาที ส่งความเร็วสูงสุดที่ 224 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 7.4 วินาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 15.9 กิโลเมตร/ลิตร ระดับการปล่อย CO2 เพียง 142 กรัมต่อกิโลเมตร และทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ Step Tronic 8 สปีด
ไฮไลท์ในโพรไฟล์ใหม่ของตระกูล Mini Cooper S Countryman Entry และ Mini Cooper S Countryman คือระบบการสื่อสารและความบันเทิงที่มาพร้อมเทคโนโลยี Mini Connected ในแพ็คเกจ Connected Media มอบความสะดวกสบายและการเชื่อมต่อสื่อสารที่ไร้ขีดจำกัดยิ่งขึ้นให้แก่ผู้ขับขี่ ด้วยบริการการควบคุมระบบต่าง ๆ และเรียกดูข้อมูลผ่านสมาร์ทโฟน Remote Services, บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต Connected Drive Services, บริการจัดการนัดหมายกับศูนย์บริการอัตโนมัติ Teleservices และบริการโทรออกฉุกเฉิน Intelligent Emergency Call โดย Mini Cooper S Countryman จะมาพร้อมกับระบบนำทาง Mini Navigation และจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว
Mini Cooper S Countryman Hightrim
Mini Cooper S Countryman Hightrim มาพร้อมดีไซน์การตกแต่งรอบคันด้วยการตัดขอบ ด้วยเส้นสายโครเมียมสีเงิน Chrome Line สายคาดบนฝากระโปรง หลังคา และฝาครอบกระจกในสีขาวหรือดำ พร้อมราวหลังคา ไฟหน้า LED Daytime Driving Light และไฟ LED Fog Light สำหรับตัดหมอกทั้งไฟหน้าและไฟท้าย กล้องมองหลังติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน และยังคงความเอ็กซ์คลูซีฟด้วย Mini Excitement Package ที่ฉายโลโก้บนพื้นบริเวณฝั่งคนขับเช่นเดียวกันมาพร้อมล้ออัลลอยลาย Edged Spoke ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยาง Run Flat
ภายในห้องโดยสารตกแต่งในสไตล์ Mini Yours Piano Black Illuminated สะดุดตาด้วยสีดำมันวาว พร้อมไฟสีที่แต่งแต้มห้องโดยสารเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศยามค่ำคืน และตัดขอบด้วย Chrome Line เช่นเดียวกับภายนอก ทั้งยังมาพร้อมกับพวงมาลัยหนังแท้สไตล์ Mini Yours แบบสปอร์ตพร้อมระบบ มัลติฟังก์ชั่น และกระจกมองหลังตัดแสงเพื่อความสบายตา
Mini Cooper S Countryman Hightrim ยังคงเอกลักษณ์ปราดเปรียวและการขับขี่เหนือระดับในเซกเมนต์พรีเมียม คอมแพ็ค ขับเคลื่อนด้วยเบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี Mini Twin Power Turbo ที่มอบกำลังสูงสุดถึง 141 กิโลวัตต์ หรือ 192 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ที่ 1,350-4,600 รอบ/นาที และทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ Step Tronic 8 สปีดแบบสปอร์ตพร้อม Paddle Shift พร้อมระบบช่วยผู้ขับขี่ มอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยด้วยระบบควบคุมความเร็วคงที่ พร้อมฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็ว, DTC ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน, PDC ระบบเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอด, DSC ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ส่วนระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ Parking Assistant จะมีในรุ่น Mini Cooper S Countryman
ระบบช่วยผู้ขับขี่ใน Mini Cooper S Countryman Hightrim มีครบครันทั้งระบบควบคุมความเร็วคงที่พร้อมฟังก์ชั่นช่วยลดความเร็ว ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) ระบบเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง (PDC) และระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant)
สำหรับเทคโนโลยี Mini Connected ใน Mini Cooper S Countryman Hightrim มาในแพ็คเกจ Navigation Plus ทำให้ระบบความบันเทิงการสื่อสารในรุ่นไฮทริมนี้สามารถยกระดับประสบการณ์ในการขับขี่ได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยมาพร้อมบริการพื้นฐานดังเช่นในรุ่น Mini Cooper S Countryman และเสริมบริการเชื่อมต่ออย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้นด้วยบริการอัพเดตข้อมูลการจราจรแบบนาทีต่อนาทีจาก RTTI (Real-Time Traffic Information) บริการ Apple CarPlay Preparation ให้สามารถควบคุมแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ บน iPhone ได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น และ Find Mate บริการแจ้งเตือนตำแหน่งของใช้ส่วนตัวผ่านแอพพลิเคชั่น Mini Connected โดยมาพร้อมระบบนำทาง Mini Navigation และจอระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว
MINI Connected เทคโนโลยีเพื่อการเชื่อมต่ออย่างเต็มรูปแบบ
Mini ได้พัฒนาเทคโนโลยี Mini Connected ให้ก้าวล้ำมากยิ่งขึ้น ด้วยบริการใหม่เพื่อการเชื่อมต่ออย่าง ครบวงจร ผสานการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่ รถยนต์มินิ และโลกภายนอกเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันผ่านแอพพลิเคชั่น Mini Connected บนสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอกรถยนต์ เพื่อความสะดวก สบายและความปลอดภัยในทุกการขับขี่และทุกเส้นทางบนท้องถนน สำหรับรถยนต์ Mini รุ่นที่ผลิตตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2561 จะมาพร้อมซิมการ์ดที่ติดตั้งไว้ในตัวรถ เพื่อการใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานของ Mini Connected เช่น Mini Cooper S Countryman Hightrim จะมาพร้อมแพ็คเกจ Mini Connected Navigation Plus และจอระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว ส่วนใน Mini Cooper S Countryman Entry และ Mini Cooper S Countryman จะมาพร้อมแพ็คเกจ Mini Connected Media และจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว โดยไฮไลท์ของฟีเจอร์พื้นฐานที่สามารถใช้งานได้ในทุกแพ็คเกจ นอกจากการเชื่อมต่อระบบความบันเทิง เช่น แอพพลิเคชั่นสปอติฟาย (Spotify) และการแสดงผลข้อมูลการขับขี่ต่างๆ แล้ว ยังสามารถเข้าถึงข้อมูลสภาพอากาศประจำวันและข้อมูลอื่นๆ บนอินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านทางจอระบบสัมผัสบริเวณกลางแผงคอนโซล รวมถึงบริการช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ล้ำสมัยอื่น ๆ อีกมากมาย
Mini Cooper S Countryman Entry ราคาจำหน่าย 1,989,000 บาท
Mini Cooper S Countryman ราคาจำหน่าย 2,299,000 บาท
Mini Cooper S Countryman Hightrim ราคาจำหน่าย 2,499,000 บาท
(รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)