บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยกทัพนวัตกรรมยานยนต์ระดับพรีเมียม ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์จาก BMW, BMW Motorrad และ Mini มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2561 ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพค เมืองทองธานี โดยทาง Mini ต้อนรับแฟนๆ ด้วยรถยนต์ Mini Hatch Oxford Edition 3 ประตู และ 5 ประตู ใหม่และพร้อมเผยโฉมรถยนต์ต้นแบบ Mini John Cooper Works GP Concept เจ้าสนามแข่ง ที่จะมาปรากฏตัวให้ยลโฉมกันเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมข้อเสนอสุดพิเศษที่ให้คุณเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น
ไฮไลท์รถยนต์มินิในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35
Mini Hatch 3 ประตู และ 5 ประตู Oxford Edition
มินิ คูเปอร์ เอส แฮทช์ 3 ประตู และ แฮทช์ 5 ประตู Oxford Edition เป็นมินิรุ่นพิเศษที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 60 คันเท่านั้น โดยมาพร้อมเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากรุ่นปกติมากมาย นับตั้งแต่ตัวถังสีแดง Pure Burgundy ตัดด้วยหลังคาสีดำและกระจกมองข้างสี Melting Silver มีลูกเล่นรอบคันด้วยอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษไม่ว่าจะเป็น ล้ออัลลอยลายขนาด 17 นิ้ว สีดำลาย Cosmos Spoke สะดุดตาด้วยสติ๊กเกอร์ลายทางคู่อันเป็นเอกลักษณ์ที่บริเวณด้านหน้ารถ ด้านหลังรถ และมือจับประตู ส่วนฝาปิดถังน้ำมัน กรอบไฟหน้าหลัง ดุดันด้วยสี Piano Black ทำให้ตัวรถโดยรวมมีความสปอร์ตเร้าใจในสไตล์มินิ ขณะที่ไฟท้ายยังโดดเด่นด้วยรูปทรงและเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียนแจ็ค สะท้อนความเป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ รุ่นพิเศษ Oxford Edition ยังเป็นครั้งแรกของมินิในการนำเทคโนโลยี 3D Printing หรือการพิมพ์แบบ 3 มิติ มาใช้เสริมสร้างรถยนต์รุ่นนี้ให้มีเอกลักษณ์แตกต่างมากยิ่งขึ้น โดยบริเวณแถบด้านข้าง จะประทับชื่อรุ่น ‘OXFORD’ ไว้อย่างเด่นชัด ส่วนภายในของตัวรถ ถือว่าตอกย้ำคาแรคเตอร์ในสไตล์อังกฤษด้วยไฟเรืองแสงลายธงยูเนียนแจ็คบริเวณคอนโซลด้านหน้า แถมเบาะนั่งและพวงมาลัยก็ตกแต่งด้วยลายธงยูเนียนแจ็คเช่นเดียวกัน
Mini Hatch Oxford Edition มาพร้อมกับขุมพลังเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมระบบส่งกำลังด้วยคันเกียร์ที่เป็นระบบไฟฟ้า เกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 สปีด คลัตช์คู่ (Double Clutch Transmission) ที่มอบจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วและไหลลื่นยิ่งขึ้น เร่งความเร็วได้ทันใจ รวมถึงมีอัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่มากขึ้นกว่าเดิม และระบบช่วงล่างแบบ Adaptive ที่รองรับแรงกระแทกและเพิ่มความนุ่มนวล ทำให้ขับขี่ได้คล่องตัวและพร้อมตอบสนองความท้าทายทุกโจทย์บนท้องถนน
นอกจากนี้ Mini Hatch Oxford Edition ยังมาพร้อมกับระบบแสดงผลด้วยจอระบบสัมผัสขนาด 6.5 นิ้ว ที่อยู่บริเวณกลางแผงคอนโซลรถ พร้อมระบบนำทางเชื่อมต่อกับกล้องมองหลัง ทำให้การจอดเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยขึ้น และรองรับเทคโนโลยี MINI Connected ที่จะเชื่อมต่อฟังก์ชั่นต่างๆ บนรถยนต์กับสมาร์ทโฟนได้อย่างไร้รอยต่อ
Mini John Cooper Works GP Concept
จากชัยชนะในการแข่งขันมอนติคาร์โล แรลลี เมื่อปี พ.ศ. 2510 สู่แรงบันดาลใจเบื้องหลังแนวคิดของรถยนต์ต้นแบบ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ที่สะท้อนถึงความปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว และหัวใจของโลกมอเตอร์สปอร์ตอย่างแท้จริงในสไตล์ Mini โดยถือเป็นการสานต่อตำนานของมินิตัวแรงหลายรุ่น อย่าง มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี รุ่นปี 2012 และ มินิ คูเปอร์ เอส รุ่นปี 2006 ที่มาพร้อมชุดแต่งจอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี
รถยนต์ต้นแบบ Mini John Cooper Works GP Concept นั้นมาในสีดำ Black Jack Anthracite ที่เหลือบเป็นประกายสลับสีเทาและดำ ตัดกับสีแดง Curbside Red และสีส้ม High Speed Orange เพิ่มความร้อนแรงและเน้นให้เห็นดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวของตัวรถ โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยความกว้างของลิ้นหน้าทรงกวาดพื้นขนาดใหญ่ กระจังรังผึ้งด้านหน้า และกันชนหลัง พ่วงด้วยสเกิร์ตด้านข้างและสปอยเลอร์บนหลังคา
การใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีคุณสมบัติความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบาพิเศษทำให้รถมีน้ำหนักเบาและมีการ กระจายน้ำหนักที่สมดุล ให้ความแรงลู่ลมในสไตล์รถแข่งโกคาร์ทแบบฉบับมินิที่แท้จริงสำหรับดีไซน์ในส่วนท้ายรถ ผสมผสานความงดงามและความแข็งแกร่งเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัวด้วยท่อไอเสียคู่ติดตั้งตรงกลางกันชน สะท้อนดีเอ็นเอรถแข่งตามแบบฉบับของ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ แถมเพิ่มเสน่ห์ในสไตล์อังกฤษด้วยไฟท้ายที่มาในดีไซน์ธงยูเนียนแจ็คครึ่งผืน ตอกย้ำถึงความเป็นแบรนด์สัญชาติอังกฤษได้อย่างมีสไตล์
ส่วนการตกแต่งภายในนั้นเน้นความเรียบง่าย เน้นการขับขี่ในสนามแข่งโดยเฉพาะ โดยผสมผสานดีไซน์สปอร์ตเข้ากับรายละเอียดต่างๆ ที่โดดเด่น ตัดด้วยสีสันสะดุดตา ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีขาวตัดด้วยหนังสีดำดุดันจากเบาะรองศีรษะและเบาะที่นั่งกระชับลำตัว นอกจากนี้ รถต้นแบบรุ่นนี้ยังติดตั้งโรลเคจนิรภัยอลูมิเนียม แผงหน้าปัดสีดำ และระบบควบคุมแบบดิจิทัลในดีไซน์สะอาดตาบนหน้าจอขนาดใหญ่กลางแผงคอนโซลรถ ที่พร้อมให้ผู้ขับขี่ปรับแต่งเพิ่มเติมได้ตามใจชอบ
ข้อเสนอพิเศษในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35
ลูกค้า Mini ที่จองรถยนต์ภายในงานและมีกำหนดรับส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561 จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ดังนี้
การยกระดับโปรแกรมบำรุงรักษา MSI (MINI Service Inclusive)
*ครอบคลุมการบริการดูแลบำรุงรักษา 10 ปี / 100,000 กม. และครอบคลุมการรับประกันและสมาชิกภาพ MINI Mobility Service เป็นระยะเวลา 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง