เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความคึกคักให้กับวงการยานยนต์ในประเทศไทยไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากที่ทางค่าย Toyota ได้ฤกษ์ปล่อยอีโค่ซีดานรุ่นล่าสุดในค่าย ภายใต้ชื่อ Toyota Yaris Ativ (โตโยต้า ยาริส เอทีฟ) ที่นับว่าเป็นซีดานรุ่นแรกในค่าย ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ในพิกัด 1.2 ลิตร หลังจากที่ปล่อยให้แฟนๆ ค่ายสามห่วงเรียกร้องกันมาอย่างหนาหู ว่าอยากมีรถที่มาในรูปแบบนี้มาให้เลือกหากันบ้าง
Toyota Yaris Ativ มาพร้อมจุดเด่นที่เรียกได้ว่า ให้ความรู้สึก “ว้าววว” เมื่อพบเห็น ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูหรูหรา ภายในที่กว้างขวาง พร้อมลูกเล่นล้ำสมัย อุปกรณ์ความปลอดภัยครบครันในทุกรุ่นย่อย ประหยัดแต่ยังคงไว้ซึ่งความสนุนสนานในการขับขี่ ตามสไตล์รถเล็กสเป็คเทพ ซึ่งจะเทพดั่งคำร่ำลือหรือไม่ ในอีกไม่กี่อึดใจ BoxzaRacing จะพาทุกท่านไปสัมผัสพร้อมๆ กันครับ
Toyota Yaris Ativ อีโค่ซีดานโฉมใหม่จากค่ายสามห่วง มาพร้อมดีไซน์ล้ำสมัย โดยเน้นเรื่องของหลักอากาศพลศาสตร์เป็นหลัก มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานด้วยเส้นสายรอบคันที่ถูกร้อยเรียงไว้อย่างลงตัว ให้ความรู้สึกที่ปราดเปรียว พลิ้วไหว ด้านโครงสร้างออกแบบให้มีความแข็งแรงยิ่งขึ้นโดยเพิ่มจุด Spot ตัวถังบริเวณกึ่งกลางของตัวรถเพื่อเติมเสถียรภาพในการเดินทาง พร้อมเสริมบุคลิกที่โดดเด่นด้วยองค์ประกอบระดับพรีเมี่ยม ว่าจะเป็นไฟหน้าแบบโปรเจ็คเตอร์พร้อม LED Daylight, ไฟท้าย LED Light Guiding, กระจกมองข้างปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า, ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้างแบบ LED, กระจกบังลมหน้ากันเสียงรบกวน Acoustic Glass รวมถึงล้ออัลลอย 15 นิ้ว มาพร้อมกับสีตัวถังที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายถึง 7 สี
ภายในห้องโดยสารของ Toyota Yaris Ativ มาพร้อมภาพลักษณ์ที่ดูเป็นสปอร์ต เรียบง่าย ทันสมัย โดยในรุ่น S ที่ได้ทดลองขับ จะมาพร้อมระบบความบันเทิงแบบหน้าจอสัมผัสที่รองรับการเชื่อมต่อได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น DVD, Bluetooth, USB, รองรับบริการพิเศษจาก T-Connect และอื่นๆ โดยสามารถสั่งการได้จากพวงมาลัยแบบมัลติฟังค์ชั่น รวมถึงระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติที่สามารถกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง ด้านมาตรวัดมาในรูปแบบเรืองแสง พร้อมเติมความพิเศษกว่ารถในระดับเดียวกันด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ขนาด 4.2 นิ้ว ที่สามารถบ่งบอกข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยแบบครบครัน นำทีมโดยถุงลมนิรภัย SRS 7 ตำแหน่ง ในทุกรุ่นย่อย
แน่นอนว่าขุมพลังที่ประจำการอยู่ใน Toyota Yaris Ativ ยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน รหัส 3NR-FE ความจุ 1,200 ซีซี. 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้สมรรถนะสูงสุด 86 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที พร้อมระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI สามารถรองรับเชื้อเพลิง E20 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i ในทุกรุ่นย่อย ซึ่งทางค่ายเคลมอัตราการสิ้นเปลืองเอาไว้ที่ 20 กม./ลิตร ส่วนจะทำได้จริงหรือไม่ เดี๋ยวอีกสักครู่จะได้รู้อีกเช่นกัน ด้านระบบช่วงล่างทีได้รับการพัฒนามาอย่างเต็มขั้น เพื่อที่สุดแห่งเสถียรภาพในการขับขี่ ควบคุมได้อย่างมั่นใจด้วยพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS จับคู่ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังมาในแบบทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลง โดยในส่วนของโช้คอัพได้รับการปรับระบบการทำงานให้เหมาะสมกับความเร็วที่ใช้ โดยจะปรับการคืนตัวของโช้คให้ช้าลงเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง จึงไม่ทำให้เกิดอาการเต้นของช่วงล่าง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อเรื่องของเสถียรภาพการขับขี่ พร้อมเติมความปลอดภัยด้วย ระบบควบคุมการทรงตัว VSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC รวมถึงระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
การทดลองขับ Toyota Yaris Ativ ในครั้งนี้ ทางค่ายเลือกใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ จ.จันทบุรี ด้วยรูปแบบการทดลองขับขี่ที่มีความหลากหลาย เริ่มตั้งแต่ การทดลองฟังค์ชั่นความปลอดภัยต่างๆ ของตัวรถ ณ ศูนย์ Toyota Driving Experience ซึ่งด้วยรูปแบบพื้นที่ ที่สามารถจำลองสภาวะการขับขี่ได้อย่างหลากหลาย ทำให้ BoxzaRacing ได้สัมผัสถึงเทคโนโลยีแห่งความปลอดภัย ที่อัดแน่นอยู่ใน Toyota Yaris Ativ โดยเฉพาะการทำงานของ ABS ที่ผสานกับระบบช่วยควบคุมการทรงตัว และระบบป้องกันล้อหมุนฟรีได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ทุกการขับขี่เป็นไปอย่างปลอดภัย สนุกได้แบบไร้กังวลยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสะดวกยิ่งขึ้นด้วยระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ที่จะหน่วงเวลาไว้ประมาณ 3 วินาที ไม่ให้รถไหลไปฝากร่องรอยอารยะธรรมให้กับเพื่อนร่วมทาง
หลังจากที่ทดลองขับในสถานที่ปิดเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาออกเดินทาง โดยผมรับหน้าที่เป็นผู้โดยสารที่เบาะแถวหลังก่อนตามสูตร สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับ BoxzaRacing อย่างที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องของความกว้างในส่วนของพื้นที่วางเท้า โดยเมื่อผู้ขับขี่สรีระมาตรฐานชายไทยปรับเบาะให้เข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่าเหลือที่มากเพียงพอที่จะเหยียดแข้งเหยียดขาได้อย่างสบาย เอาเป็นว่า...ชนะเลิศไปแบบไม่ต้องสืบ ในส่วนของพนักพิงเบาะก็ถือว่าให้ความสบายตามมาตรฐาน อาจจะไม่ได้ดูป๋าเหมือนกับซีดานรุ่นใหญ่ แต่ก็ไม่รู้สึกแย่แม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน โดยหัวใจหลักที่ทำให้ Toyota Yaris Ativ คงหนีไม่พ้นเรื่องของวัสดุเกรดพรีเมี่ยม ให้สัมผัสที่ดูมีราคา และสิ่งที่น่าชื่นชมอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องของเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร ไม่ว่าจะจากเครื่องยนต์ (สำหรับการขับขี่แบบไม่รีดเค้นรอบเครื่องยนต์ให้สูงจนเกินไป) เสียงลมที่ปะทะตัวถัง (ความเร็วเดินทาง 100-120 กม./ชม.) หรือแม้แต่เสียงที่มาจากพื้นถนน ตรงนี้ BoxzaRacing กล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า Toyota Yaris Ativ สามารถป้องกันเสียงรบวนได้แบบเกินค่าตัว ด้วยวัสดุดูดซับเสียงที่ทางค่ายตั้งใจติดตั้งไว้ในหลายๆ จุดทุกทิศทาง ส่วนเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองสำหรับการขับขี่ความเร็วเดินทาง 120 กม. (มีทะลุ 140 กม./ชม. ไปบ้างในจังหวะเร่งแซง) เพื่อนสื่อมวลชนที่ขับ ทำไว้ที่ราวๆ 17.x กม./ลิตร ซึ่งเมื่อเทียบกับสไตล์การขับขี่แล้ว ถือว่าน่าพอใจเลยทีเดียว
ในช่วงที่ 2 ของการขับขี่ ทางค่ายกำหนดรูปแบบในสไตล์ Eco Run โดยกำหนดเวลาไว้ที่ 90 นาที กับระยะทางราว 91 กม. เดินทางด้วยคอนดิชั่นใช้งานจริง ตั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติไว้ที่ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเมื่อคำนวณดูแล้ว การขับขี่ที่ความเร็วประมาณ 60 – 70 กม./ชม. ดูจะเหมาะสมที่สุด คือ พอดีเวลา และได้อัตราการสิ้นเปลืองที่น่าพอใจ แต่ในช่วงแรกเนื่องจากไม่แน่ใจในเรื่องของสภาพการจราจรมากนัก ผู้ขับจึงใช้ความเร็วเผื่อเล็กน้อย คือ ราวๆ 80-90 กม./ชม. อัตราการสิ้นเปลืองที่ปรากฏบนหน้าจอนิ่งอยู่ที่ประมาณ 22.x กม./ลิตร แต่เมื่อผ่านมาประมาณครึ่งทาง เริ่มมั่นใจกับเวลาที่เหลือ ว่าเพียงพอที่จะเข้าจุดที่กำหนดได้แบบไม่ล่วงเลย ก็เริ่มลดความเร็วลงมาให้เหลือไม่เกิน 70 กม./ชม. สิ่งที่ได้กลับมาอย่างไม่น่าเชื่อเลยก็คือ ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนไปถึงจุดสูงสุดที่ 25.0 กม./ลิตร แต่ในท้ายที่สุด โชคกลับไม่เข้าข้าง เมื่อก่อนเข้าจุดลงเวลาเพียงระยะสายตา รถคันที่ BoxzaRacing นั่งไปพร้อมเพื่อนสื่อมวลชนอีก 2 ท่าน ต้องติดไฟแดงอยู่พักใหญ่ ทำให้ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองลดลงมาเหลือเพียง 24.8 กม./ลิตร ซึ่งโดยรวมแล้ว แม้จะไม่สามารถพูดได้ว่าตรงกับรูปแบบการใช้งานจริงได้เต็มปากนัก แต่ตัวเลขที่ได้มานั้น ถือว่า Toyota Yaris Ativ เป็นรถที่ให้อัตราการบริโภคที่ประหยัดไม่เบาเลยทีเดียว
หลังจากที่ใช้แรงงานเพื่อนสื่อมวลชนไปจนหนำใจ ก็ได้เวลาที่ BoxzaRacing จะได้สำแดงคาแร็กเตอร์การขับขี่ในสไตล์ของตัวเองบ้าง โดยเส้นทางช่วงนี้เป็นทางตรงยาวที่สามารถใช้ความเร็วสูง สลับกับโค้งกว้างและแคบให้ได้ทดลองฟีลลิ่งของช่วงล่างและพละกำลังของเครื่องยนต์อย่างเต็มที่ จะว่าไปแล้ว Toyota Yaris Ativ ถือว่าเป็นรถที่ให้การตอบสนองในช่วงออกตัวได้อย่างน่าพอใจเลยทีเดียว ซึ่งคงต้องยกเครดิตให้กับระบบส่งกำลังที่สะท้อนคาแร็กเตอร์ของแบรนด์ได้อย่างเต็มที่ การไต่ความเร็วหรือขึ้นทางชันสามารถทำได้อย่างต่อเนื่องตามน้ำหนักคันเร่งที่เพิ่มเข้าไป อาจไม่ได้หวือหวาแต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานแบบไม่เร่งรีบมากนัก ในการเร่งแซงอาจต้องดูจังหวะให้เหมาะสมเพื่อการแซงผ่านได้อย่างปลอดภัย ความโดดเด่นที่เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของ Toyota Yaris Ativ เลยก็คือ รูปแบบการเซ็ตช่วงล่างที่ทำได้อย่างลงตัว นุ่มนวลสำหรับการใช้งานทั่วไป มั่นคงแม้ในยามขับขี่ด้วยความเร็วสูง ไม่ว่าจะเจอโค้งในรูปแบบไหน เส้นทางที่ไม่เป็นใจ พื้นต่างระดับ คอสะพานชันๆ ก็สามารถทรงตัวได้อย่างมั่นใจ เพราะตัวรถมีเสถียรภาพ เช่นเดียวกับระบบเบรคที่สามารถฝากความหวังไว้ได้อย่างไม่มีอะไรต้องแคลงใจเลยทีเดียว
Toyota Yaris Ativ จัดว่าเป็นรถอีกรุ่นที่ถือว่าทำได้ดีเกินกว่าที่ BoxzaRacing คาดไว้มากทีเดียว อาจไม่ได้โดดเด่นในเรื่องของความเร้าใจ แต่กลับได้ในเรื่องของความกว้างขวาง สะดวกสบาย นิ่มนวล และทรงตัวได้อย่างมั่นคง ซึ่งด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 469,000 บาท ในช่วงแนะนำ (วันนี้ – 31 ตุลาคม 2560) ก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตัดสินใจได้ไม่ยาก ลองสักครั้ง แล้วคุณจะได้รู้ว่า อีโค่ซีดานคันนี้...มีอะไรที่ซ่อนไว้มากกว่าที่คิด และไม่ได้จำกัดการใช้งานอยู่แค่ในเมืองอย่างแน่นอน
