เขียนโดย: Pajingo

เมื่อ: 28 เมษายน 2559 - 21:27

Honda Civic 2016 สัมผัสที่สุดของความเป็นซีวิค กับ 2 ขุมพลังสุดเร้าใจ ใครเหมาะกับรุ่นไหน...เดี๋ยวรู้

          Honda Civic 2016 (ฮอนด้า ซีวิค 2016) หรือที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคยกันในนาม Civic FC เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา โดยนับว่าเป็นยนตรกรรมเจนเนอเรชั่นล่าสุดที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก ด้วยดีไซน์ที่เฉียบคม ผนึกกับขุมพลังใหม่ ทีมาในรูปแบบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ช่วยส่งให้ยนตรกรรมซีดานภายใต้ชื่อ Civic ผู้นี้ เป็น Civic ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตามสโลแกนที่ว่า “สู่ที่สุดของความเป็นซีวิค

 

 

          Civic เจนเนอเรชั่นที่ 10 ยนตรกรรมพรีเมียมสปอร์ตซีดานที่ได้ก้าวสู่การพัฒนาครั้งใหม่ เพื่อก้าวข้ามทุกขีดจำกัดเดิม สู่การเป็นที่สุดของยนตกรรมที่คนทั้งโลกให้การยอมรับ ทั้งการออกแบบให้มีความทันสมัย โดดเด่นและหรูหราในสไตล์สปอร์ต ผสานกับความก้าวล้ำนำสมัยของเทคโนโลยียานยนต์ อาทิ ขุมพลังที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยี 1.5 ลิตร เทอร์โบ พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานภายในรถ เพื่ออำนวยความสะดวก และอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้สัมผัสความสปอร์ต และความท้าทายครั้งใหม่ที่เร้าใจกว่าเดิม

 

Honda Civic RS ขุมพลัง 1.5 ลิตร เทอร์โบ

 

 

          ล่าสุด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เชิญชวน BoxzaRacing ไปเป็นส่วนหนึ่งในการสัมผัสสมรรถนะของ Honda Civic เจนเนอเรชั่นที่ 10 แบบเต็มๆ กันอีกครั้ง บนเส้นทางจังหวัดภูเก็ต-กระบี่-ภูเก็ต โดยเริ่มตั้งแต่จังหวัดภูเก็ต มุ่งหน้าไปตามทางหลวงหมายเลย 4 ผ่านจังหวัดพังงา สู่เป้าหมายที่จังหวัดกระบี่ รวมระยะทางไป-กลับทั้งสิ้นราว 270 กม. ซึ่งระหว่างทางที่ใช้ในการทดลองขับครั้งนี้ เรียกได้ว่ามีสภาพภูมิประเทศที่หลากหลาย พร้อมให้เราได้สัมผัสถึงพละกำลังและประสิทธิภาพของ Honda Civic FC ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ และเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ได้แบบครบรสเลยทีเดียว

 

Honda Civic เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร

 

 

          สำหรับรุ่นที่ BoxzaRacing ได้ทดลองขับในครั้งนี้ เริ่มสตาร์ทกันด้วยรุ่น EL เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ก่อนจะสลับมาขับในรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ทันทีที่เราเปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสาร สัมผัสแรกที่รู้สึกได้เลยก็คือ เรื่องของความกว้างขวาง สะดวกสบาย กับการออกแบบตัวรถให้มีขนาดตัวถังที่ใหญ่และดุหรูหรามากยิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปท์ Premium Sport Car ที่ทางค่ายได้วางเอาไว้ วัสดุที่ใช้ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยมประดุจซีดานฝั่งยุโรป ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลและแผงประตู Soft Touch สีดำสลับกับแถบอลูมิเนียม เบาะนั่งให้ความรู้สึกที่โอบกระชับ นั่งสบาย ตำแหน่งการนั่งนั้น ถือว่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับซีดานที่จำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด ทำให้รู้สึกถึงความเป็นสปอร์ตได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น สิ่งที่ผมชอบมากๆ สำหรับ Civic เจนเนอเรชั่นนี้ คือ การสามารถจัดตำแหน่งอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเบาะหรือตำแหน่งของพวงมาลัยได้อย่างหลากหลาย เข้ากับสรีระของคนที่รูปต่างขนาดต่างๆ ได้ดี ช่วยให้ทุกการขับขี่ มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น

 

ภายในของรุ่นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ กับออพชั่นแบบจัดเต็ม

 

เบาะหลังอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลง เพิ่มพื้นที่เหนือศีรษะให้มากขึ้น

 

            ในส่วนของพวงมาลัยมาในดีไซน์ 4 ก้าน พร้อมปุ่มปรับฟังค์ชั่นต่างๆ ที่มีให้เล่นอย่างจุใจ ไม่ว่าจะเป็นระบบเครื่องเสียง หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เรือนไมล์มาในดีไซน์ที่ล้ำสมัย พร้อมรองรับการแสดงผลได้อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนอุปกรณ์ความบันเทิงที่ให้มา เรียกได้ว่าทางค่ายจัดมาให้แบบครบครัน โดยในรุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบ จะมาพร้อมระบบ Advance Display Audio กับเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch ควบคุมทุกฟังก์ชั่นความบันเทิงได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ส่วนเบาะหลังออกแบบมาให้มีตำแหน่งที่ต่ำ เพื่อความโปร่ง สบายสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งแม้ว่าหลังคาจะถูกปรับความสูงให้ต่ำลง แต่สำหรับคนที่มีความสูงถึง 180 ซม. กลับไม่รู้สึกว่าอึดอัดแต่อย่างใด

 

เครื่องยนต์ SOHC i-VTEC ให้พลังขับเคลื่อน 141 แรงม้า

 

          เมื่อได้เวลาออกเดินทาง ผมก็ไม่รอช้าที่จะผลักตำแหน่งเกียร์มาอยู่ที่ D เพื่อสัมผัสความเร้าใจที่ซ่อนอยู่ใน Honda Civic FC โดยฟีลลิ่งที่สัมผัสได้ยามแตะคันเร่งของเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร i-VTEC ให้กำลัง 141 แรงม้า คือ ความสมูท ตัวรถค่อยๆ สร้างความเร็วขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกียร์ CVT ออกแบบมาให้ย่านรอบเครื่องยนต์อยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก เพื่อประสิทธิภาพในการประหยัดเชื่อเพลิง โดยถ้าต้องการความเร้าใจขึ้นอีกระดับ การผลักคันเกียร์ลงมาที่ตำแหน่ง S ก็จะช่วยสร้างความเร้าใจให้กับผู้ขับขี่ได้อีกพอสมควรเลยทีเดียว เนื่องจากรอบเครื่องยนต์จะถูกปรับให้ค้างอยู่ในรอบที่สูงมากขึ้น ซึ่งหากใช้รอบเครื่องสูงกว่า 3,000 รอบ/นาที ก็ถือว่าเร้าใจและสามารถสั่งความเร็วได้ตามต้องการ

 

ขุมพลังบล็อคล่าสุด 1.5 ลิตร Turbo ให้กำลัง 173 แรงม้า พร้อมแรงบิด 220 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 1,700-5,500 รอบ/นาที 

 

          ส่วนสำหรับรุ่น RS เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เพียงแค่แตะคันเร่งแบบแผ่วเบา กลับรู้สึกถึงความตื่นเต้น เร้าใจที่ซ่อนอยู่ใต้คันเร่งอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นี่คือ พละกำลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจาก เครื่องยนต์ที่มีขนาดเพียง 1.5 ลิตร อัตราเร่งในย่านความเร็วต่ำถือว่าทำได้ดี น้ำหนักคันเร่งกำลังพอเหมาะ ไม่หวือหวา หรือกระโตกกระตากเกินไปจนรู้สึกว่าคุมยาก และสร้างความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเข้าสู่ย่านความเร็วสูง ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมดแต่อย่างใด โดยรวมอาจไม่ได้หวือหวามากมาย แต่ก็ถือว่าไหลได้เรื่อยๆ แบบเหนือความคาดหมาย จนต้องตัดใจยกคันเร่งด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่พอจะอธิบายได้ก็คือ เป็นคาแรกเตอร์การทำงานของชุดเกียร์ CVT ที่เน้นความต่อเนื่องของพละกำลัง เราจึงไม่รู้สึกถึงอาการกระโชกโฮกฮากมากนัก งานนี้ BoxzaRacing บอกได้เลยว่า สำหรับคนที่ชื่นชอบความเร็ว น่าจะถูกอกถูกใจพละกำลังที่ปล่อยออกมาจากเครื่องยนต์บล็อค 1.5 ลิตร เทอร์โบ 173 แรงม้า ตัวนี้อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องอัตราการบริโภค ถือว่าเครื่องยนต์ทั้งสองบล็อค ทำได้แบบน่าพอใจ แม้จะใช้คันเร่งกันแบบโหดๆ แต่อัตราสิ้นเปลืองบนหน้าจอ ก็ป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ 14.x กม./ลิตร ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว เครื่องยนต์ทั้งสองรุ่น ให้อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงที่ใกล้เคียงกันตามที่โรงงานได้เคลมเอาไว้

 

 

          เรื่องการบังคับควบคุมของ Honda Civic FC ทั้งสองรุ่นที่ได้ทดลองขับ แม้จะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แต่ก็ถือว่าออกแบบมาในทิศทางเดียวกัน (ความแตกต่างอยู่ที่เรื่องของน้ำหนักตัวรถ ที่เครื่องยนต์ในรุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบ จะหนักกว่ารุ่น 1.8 ลิตร ประมาณ 20 กก. อีกทั้งวัสดุที่ใช้ยังมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย โดยรุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบ จะใช้บู๊ชช่วงล่างแบบที่มีของเหลวอยู่ภายใน หรือที่เรียกว่า บู๊ชไฮดรอลิคส์ แต่สำหรับรุ่น 1.8 ลิตร จะใช้บู๊ชช่วงล่างแบบปกติ) น้ำหนักพวงมาลัยในย่านความเร็วต่ำถือว่าเซ็ตมาได้ดี เบา สบายสไตล์ Honda แต่จะหนักแน่นขึ้นหากใช้ความเร็วในย่านที่สูงขึ้นไป จากการใช้ระบบบังคับเลี้ยวแบบดูอัลพีเนี่ยน ช่วงล่างที่เซ็ทมาในแนวนุ่มหนึบและให้การทรงตัวที่ดีและเฉียบคม ไม่ว่าจะเจอโค้งในรูปแบบไหน ก็สามารถผ่านได้แบบไร้ซึ่งปัญหา โดยเฉพาะสำหรับรุ่น 1.8 ลิตร ที่ตัวรถยังคงนิ่งและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มเปี่ยมในย่านความเร็วสูง ส่วนในรุ่น 1.5 ลิตร อาจรู้สึกว่านิ่มไปสักหน่อย เนื่องจากตัวรถออกแบบมาในแนวพรีเมี่ยมมากขึ้น จึงเซ็ตช่วงล่างมาในแนวทางเช่นนี้ แต่โดยภาพรวม ไม่ถือว่ามีสิ่งอันใดที่ต้องวิตก หากพูดถึงเรื่องสมรรถนะการทรงตัวของ Honda Civic FC 

 

 

          นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชม นั่นก็คือ เรื่องของประสิทธิภาพของชุดเบรคที่ทำหน้าที่ได้อย่างน่าพอใจ โดยตอบสนองได้ดีตามแรงที่กดลงไปในแป้นเบรค โดยไม่มีอาการหลอก หรือจับเร็วจนเกินพอดี เรียกได้ว่า ให้น้ำหนักลงไปแค่ไหน ก็พร้อมจะสยบความเร็วได้ในระดับนั้น ให้ความนุ่มนวลและทรงพลังทุกครั้งที่ต้องการพละกำลังในการสยบความเร้าใจอย่างแท้จริงครับ

 

 

          คงเป็นความลำบากใจ หากจะต้องฟันธงว่า...รุ่นไหนของ Honda Civic FC เหนือกว่า ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ล้วนๆ เลยล่ะครับ หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบในเรื่องของความคุ้มค่า ไม่ต้องการลูกเล่นอะไรมากมาย รุ่น EL 1.8 ลิตร ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบขีดสุดแห่งเทคโนโลยี ทั้งในส่วนของเครื่่องยนต์ที่เล็ก แต่ทรงพลัง พร้อมด้วยลูกเล่นสุดล้ำ ที่ทางค่ายอัดมาให้แบบเต็มเปี่ยม โดยไม่เกี่ยงเรื่องของค่าตัว รุ่น 1.5 ลิตร เทอร์โบ จัดว่าเป็นที่สุดในคลาสขนานแท้ ที่ยังไม่มีคู่ต่อสู้จากแบรนด์ไหนเหนือกว่าแน่นอนครับ

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook