Nissan X-Trail Hybrid ที่สุดของความคุ้มค่า มาเต็มด้วยสมรรถนะและความประหยัด
Nissan X-Trail Hybrid เพิ่งจะเปิดตัวเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา พร้อมสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ ไม่น้อย ด้วยความล้ำสมัยของระบบขับเคลื่อนที่โดดเด่นเหนือใคร อีกทั้งทางค่ายยังเปิดราคามาแบบชวนน้ำลายไหล ทำให้ตัวลุยขุมพลังไฮบริดผู้นี้ได้รับความสนใจจากผู้ใช้ทุกหย่อมหญ้า ซึ่งหลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน ทาง Nissan ได้เชิญชวน BoxzaRacing เข้าร่วมสัมผัสสมรรถนะของ Nissan X-Trail Hybrid และแน่นอนว่า...เราก็ไม่ลืมที่จะเก็บความประทับใจในยนตรกรรมพันธุ์ลุยผู้นี้มาฝากกันครับ
การทดลองขับขี่ Nissan X-Trail Hybrid ในครั้งนี้ ทางค่ายเลือกที่จะใช้เส้นทางกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ที่มีความสวยงาม และมีสภาพภูมิประเทศให้ได้ทดลองใช้ระบบต่างๆ ที่ติดตั้งมาให้แบบครบรส ซึ่งความโดดเด่น หรือจุดขายของยนตรกรรมพันธุ์ลุยผู้นี้ คงหนีไม่พ้นการเป็นรถไฮบริดที่สามารถขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบเพียวๆ ได้ถึง 120 กม./ชม. สิ่งที่เองทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่า X-Trail Hybrid จะทำได้จริงสมคำร่ำลือหรือเปล่า โดยรถที่ทาง BoxzaRacing ได้ทดลองขับในครั้งนี้ คือ รุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไฮบริด ขับเคลื่อนสี่ล้อ
ออกสตาร์ททริปทดลองขับ Nissan X-Trail Hybrid กันที่ถนนสาธร ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า สภาพการจราจรย่านนั้นแออัดอย่าบอกใคร ต้องค่อยๆ ไหล ค่อยๆ ขยับไปทีละนิด ในย่านความเร็วต่ำไหลๆ ในเมือง หากค่อยๆ เติมคันเร่งที่ละน้อย ไม่กระโชกโฮกฮาก หน้าที่การขับเคลื่อนส่วนใหญ่จะเป้นของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานได้อย่างนุ่มนวล ราบรื่น จนกระทั่งเมื่อต้องการพละกำลังการขับเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น (หรือในขณะที่แบตเตอรี่ใกล้จะหมด) เครื่องยนต์จะติดขึ้นโดยอัตโนมัติอย่างนิ่มนวล จนแทบไม่รู้สึกว่าเครื่องยนต์ติดแล้ว หากไม่ได้สังเกตมาตรวัดรอบที่ติดตั้งมาให้ด้วย ตรงส่วนนี้ถือว่าแตกต่างจากรถไฮบริดที่เราๆ ท่านๆ เคยพบเห็นมาอย่างชัดเจน อัตราเร่งของ Nissan X-Trail Hybrid ถือว่าทำได้น่าประทับใจมากๆ เพียงแค่เติมคันเร่ง เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ไฮบริด เทคโนโลยี Intelligent Dual Clutch System ก็พร้อมตอบสนองอย่างรวดเร็ว ให้แรงบิดที่เหลือเฟือ พร้อมจะทะยานไปข้างหน้า ชนิดที่ว่าหาไม่ได้จากครอสโอเวอร์คลาสนี้ที่ได้เคยสัมผัสมา และหากว่าเป็นการขับขี่ในเดินทาง ใช้คันเร่งเนียนๆ ตัวรถก็พร้อมจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแบบเพียวๆ โดยทางผู้ขับทดลองขับด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ปล่อยคันเร่งให้เครื่องดับเข้าสู่ EV Mode และค่อยๆ เลี้ยงคันเร่ง ก็พบว่า Nissan X-Trail Hybrid สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วคงที่แบบไร้ปัญหา จนกว่าระดับพลังงานในแบตเตอรี่จะลดลงจนถึงในระดับที่ต้องชาร์จ หรือต้องการเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีกระดับ ส่วนการวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ความเร็ว 120 กม./ชม นั้น หลังจากที่ได้ทดลองก็พบว่า...ทำได้จริง แต่อาจต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เป็นสภาพเส้นทางที่ราบเรียบ และอาจอยู่ในโหมดนี้ได้ไม่นานนัก เนื่องจากพลังงานในแบตเตอรี่จะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว ดูแล้วอาจไม่ได้เพอร์เฟ็กต์อย่างที่หลายๆ คนหวังไว้ แต่อย่างน้อยก็เชื่อว่า...จะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยมลพิษได้แบบน่าพอใจเลยทีเดียว
เรื่องฟีลลิ่งการขับขี่ของ Nissan X-Trail Hybrid ช่วงล่างของตัวรถได้รับการออกแบบมาในแนวเฟิร์มๆ ต่างกับค่ายคู่แข่งในคลาสเดียวกันอย่างสิ้นเชิง ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ แม้ในยามที่ต้องการขับขี่ในย่านความเร็วสูง การลัดเลาะในโค้งช่วงอำเภอสวนผึ้ง ถือว่าทำได้อย่างน่าประทับใจ การเข้าโค้งยาวด้วยความเร็วสูงถือว่าทำได้อย่างน่าพอใจมากๆ ส่วนในโค้งแคบหากเลือกใช้ความเร็วได้อย่างเหมาะสมก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหา แต่...หากคุณเผลอขับขี่ด้วยความเร็วเกินลิมิตจนเกิดอาการอันเดอร์สเตียร์ ระบบตัวช่วยต่างๆ ที่จัดมาให้ใน Nissan X-Trail Hybrid จะเป็นตัวจัดการและรักษาอาการของตัวรถให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างปลอดภัย ในจุดนี้ทาง BoxzaRacing ได้ลองสัมผัสมาแล้วในสถานที่ที่มีความปลอดภัย จนกล้าพูดได้เลยว่าระบบช่วยต่างๆ “ช่วยได้จริง” ไม่ต้องไปลองเองที่บ้านครับ นอกจากนี้ Nissan X-Trail Hybrid ยังมาพร้อมชุดดิสค์เบรก 4 ล้อ ที่ให้ประสิทธิภาพในการหยุดได้อย่างน่าพอใจ หนึบสั่งได้ แต่หากต้องทำความเข้าใจเรื่องของฟีลลิ่งในการออกแรงกดแป้นเบรกสักเล็กน้อย เนื่องจากว่า Nissan X-Trail Hybrid เป็นรถไฮบริดที่นอกจากจะใช้แวคคัมจากเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับหม้อลมเบรกแล้ว ยังมีการใช้ระบบไฟฟ้าเพื่อเสริมพลังเบรก (เนื่องจากจะมีจังหวะที่แวคคัมจากเครื่องยนต์ไม่พอในยามที่เครื่องยนต์ดับลงจากระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ) สำหรับอีกทางหนึ่งด้วย
ความประทับใจใน Nissan X-Trail Hybrid ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะการออกแบบห้องโดยสารของรถรุ่นนี้ ถือว่าทำออกมาได้ดีไม่แพ้ส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยแบบมัลติฟังค์ชั่นขนาดพอเหมาะ พร้อมให้ผู้ขับขี่สั่งการลุกเล่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เบาะนั่งและคอพวงมาลัยสามารถปรับทิศทางได้ตามต้องการ ช่วยให้ผู้ขับขี่อยู่ในท่านั่งที่เหมาะสมที่สุด ชุดอุปกรณ์ความบันเทิงที่ติดมาให้ ออกแบบมาได้ดี มีฟังค์ชั่นต่างๆ ให้ใช้แบบครบถ้วน สามารถใช้งานและเข้าถึงได้ง่ายกว่ารถค่ายอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับมือถือด้วยบลูทูธ ซึ่งง่ายและไม่สร้างความปวดหัวให้แม้แต่น้อย เบาะนั่งตอนหลังสามารถพับราบพร้อมที่จะบรรทุกสัมภาระขนาดใหญ่ได้แบบไร้ปัญหา โดยสามารถใส่จักรยานคันใหญ่ๆ ได้ถึง 2 คันแบบสบายๆ พร้อมเพิ่มความปลอดภัย สะดวกสบายด้วยฟังค์ชั่นการปิด-เปิดด้วยไฟฟ้า เพียงปลายนิ้วสัมผัส
Nissan X-Trail Hybrid คือ ยนตรกรรมพันธุ์ลุยอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ แม้คนทั่วไปอาจมองข้าม แต่ BoxzaRacing กล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่า “คุณภาพคับแก้วขนาดนี้ กับราคาเปิดตัวที่สร้างเซอร์ไพรซ์สุดๆ งานนี้...คุ้มจริงๆ” สำหรับใครที่กำลังมองหารถแนวนี้อยู่ ลิสต์ชื่อของ Nissan X-Trail Hybrid ไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกได้เลยครับ