เรื่องของ
ไฟซีนอนในปัจจุบันนี้ถือว่าได้รับความนิยม เป็นอย่างมากแต่ก็ยังมีความเข้าใจที่ผิดอยู่ในเรื่องเกี่ยวกับ
ค่า K ไฟซีนอน ว่ายิ่ง
ไฟซีนอนมีค่า K มากเท่าไรก็จะทำให้ความสว่างมีมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งตามจริงแล้ว
ค่า K ของไฟซีนอน นั้นหมายถึง
อุณหภูมิสี (เคลวิน K) และจะมีการแปรผันกับความสว่าง (ลูเมนส์ lm) ซึ่งจะส่งผลให้ความสว่างน้อยลง เมื่อมีค่า K ไฟซีนอนที่สูงขึ้นและ
การใช้ไฟซีนอนที่มีค่า K ที่สูง หรือแสงที่มีโทนสีฟ้าเข้มแล้วแสงโทนนี้จะมีการฟุ้งกระจายสูง อาจจะทำให้เเสงไปนั้นแยงตาผู้ร่วมทางอีกด้วย ส่วนที่เราเห็นว่ารถยุโรปนั้นได้มีการใช้
ไฟหน้าเป็นแบบซีนอนแล้วแสงที่ออกมาเป็นโทนสีฟ้า นั้นเกิดจาก
โคมไฟหน้า ที่ไม่ว่าจะเป็นตัว
ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ เลนส์ โคมสะท้อนแสง แม้กระทั้งแผ่นชิลด์ นั้นเป็นส่วนที่ทำให้ เกิดการสะท้อนแบบเดียวกับแก้วปริซึม จึงทำให้
ฟ้าหน้าซีนอน ของ
รถยุโรปนั้นออกมาในโทนฟ้า ซึ่ง
รถยุโรปได้ใช้
หลอดไฟหน้าที่มีค่า K เพียง 4100 K เท่านั้น ส่วนเรื่องของข้อ
กฎหมายเกี่ยวกับไฟหน้ารถ ก็ได้มีการระบุชัดเจนอยู่แล้วว่า
ไฟหน้ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ จะต้องมีแสงสีขาว หรือเหลืองอ่อน (ค่าK ไม่เกิน 12,000 K เต็มที่) ส่วน
การติดตั้งไฟซีนอนที่มีแสงสีอื่นหรือมีความสว่างมากเกินไป เมื่อมีการนำไปใช้งานบนถนน แล้วสะท้อนเข้า
กระจกมองข้าง หรือ
กระจกมองหลัง จนทำให้ส่องเข้าตาของรถคันด้านหน้า และรถที่สวนทางมา มีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ 2522 มาตรา 12 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
การใช้ไฟซีนอนกับโคมไฟหน้าที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับไฟซีนอนอาจจะทำให้แสงไฟนั้นแยงตาผู้อื่นได้
เพื่อนๆคงได้ทราบแล้วนะครับเกี่ยวกับเรื่องของ
ไฟซีนอน ซึ่งหลายๆท่านนั้นยังเข้าใจกันผิดอยู่เกี่ยวกับเรื่องของค่า K ไฟซีนอนว่า
การติดไฟหน้ารถยนต์ที่เป็นแบบซีนอนที่มีค่า K สูงๆจะทำให้
ไฟหน้านั้นสว่างมากขึ้นซึ่งตามจริงแล้วไม่ได้เป็นอย่างที่หลายๆท่านนั้นคิด ซึ่งก่อนที่จะ
ติดไฟหน้าเป็นแบบซีนอนควรดูด้วยนะครับว่ามีการเลือกค่า K ที่เหมาะสมและถูกต้องตามพระราชบัญญัติรถยนต์หรือไม่ซึ่งเรื่องนี้ควรเช็คให้ดีเลยทีเดียว ส่วนเพื่อนๆที่ต้องการทราบเรื่องราว
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ สามารถติดตามได้ที่
BoxzaRacing.com กันได้ตลอดครั้งหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรรอชมกันได้เลยคับ