เขียนโดย: Mhee 6524694

เมื่อ: 1 กรกฏาคม 2563 - 11:57

Nissan Skyline เปิดตำนานจากรุ่นสู่รุ่น จนได้ชื่อว่าเป็น ขุมทรัพย์ชั้นเลิศอีกหนึ่งรุ่นของญี่ปุ่น EP.2

 

            ทีมงาน BoxzaRacing เคยนำเสนอเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของรถ Nissan Skyline EP.1 กันไปแล้ว คราวนี้เราจะพาเพื่อนๆ เข้าไปดู EP.2 กันต่อเลย ซึ่งใน EP นี้ จะเป็นรถตระกูล R ทั้งหลายที่สร้างชื่อเสียง เพิ่มความโด่งดัง เพิ่มมูลค่าให้กับ Nissan Skyline มากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ และยังได้ชื่อว่าเป็นยนตกรรมชั้นเลิศอีกหนึ่งรุ่นด้วย เราเข้าไปดูรายละเอียดกันเลย 

 

 

Gen 6 Nissan Skyline R30 (1981-1990)

             สำหรับ เจนเนอเรชั่นนี้ เป็นเจนเนอเรชั่นแรกที่ใช้ชื่อใหม่ว่า Nissan Skyline โดย รหัสนำหน้าเป็นตัว “R” ถือว่าเป็นการเปิดตำนานความโด่งดังอีกบริบทหนึ่งของ Nissan Skyline สำหรับเจนเนอเรชั่นนี้เปิดตัวเดือนสิงหาคมปี 1981 โดยใช้รหัสนำหน้าว่า R ถูกสร้างขึ้นมาจากแพลตฟอร์มของ Nissan C31 Laurel มีทั้งแบบ 2 ประตู 4 ประตู และยังเป็นโฉมเดียวของรุ่น R ที่ผลิตเป็นรถ Hatchback 5 ประตู ส่วนเครื่องยนต์ มีให้เลือกตั้งแต่เครื่อง 6 สูบ เทอร์โบรหัส L20ET ไปจนถึง 4 สูบ รหัส Z18S นอกจากนี้ยังมีเครื่อง 6 สูบ ดีเซล รหัส LD28 Diesel อีกด้วย ยังได้เปิดตัวเครื่องยนต์ FJ20 DOHC 16 วาล์ว ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวแรกที่ผลิตในญี่ปุ่นที่มีวาล์วมากกว่า 2 วาล์ว/สูบ โดยรุ่นนี้จะไม่มีตัว GT-R แต่เจ้า R30 มีรุ่น Limited อย่างรุ่น R30 Paul Newman ที่ปล่อยออกมาในเดือนสิงหาคม 1983 เพื่อรำลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Nissan และนักแสดง Paul Newman ชื่อดังในขณะนั้น เพราะ Paul Newman มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการขายของค่าย Nissan มาโดยตลอด สำหรับรถ Nissan Skyline รุ่น Paul Newman จะมีลายเซ็นของ Paul Nemman ที่ฝากระโปรงหน้ารถด้วย ถือว่าเป็น Rare Item อีกหนึ่งรุ่นที่นักสะสมทั่วโลกถวิลหามาเป็นเจ้าของ

 

 

Gen 7 Nissan Skyline R31 (1985-1990)

             ในเจนเนอเรชั่นนี้เป็น เจนเนอเรชั่นที่เรียกได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการ ใส่เทคโนโลยีเข้าไป เมื่อเทียบกับเจนเนอเรชั่นที่แล้ว นอกจากนี้ยังเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น RB-Series ที่ได้รับความโด่งดังจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่ระบบเครื่องยนต์อย่างเดียวที่เปลี่ยน ระบบขับเคลื่อนในรุ่นก่อนหน้านี้เป็นแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง มาโดยตลอด แต่รุ่นนี้เปลี่ยนมาเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของ Nissan Skyline มาจนถึงปัจจุบันนี้ สำหรับรุ่นนี้ยังได้ออกรุ่น Nissan Skyline GTS-R เครื่อง RB-20DET-R โดยปรับแต่งเครื่องยนต์ให้มีแรงม้าสูงถึง 470 แรงม้า เพื่อใช้ลงทำการแข่งขันใน Group A Touring Car racing สามารถสร้างชื่อเสียงให้กับค่าย Nissan ในการแข่งขันมากมายหลายรายการ

 

 

Gen 8 Nissan Skyline R32 (1989-1994)

            สำหรับเจนเนอเรชั่นนี้ ถือว่าเป็นรุ่นที่สร้างชื่อให้กับทางค่าย Nissan เป็นอย่างมาก โดยเจ้า Nissan Skyline R32 นี้เอง...ที่ได้ฉายาว่า Godzilla เนื่องจาก Nissan Skyline R32 เป็นรถที่ทางค่าย Nissan ได้พัฒนาและคิดค้น เพื่อลงทำการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ JTCC (JapaneseTouring Car Championship) ระดับ Group A ตั้งแต่ปี 1989-1993 ตลอดระยะเวลาที่ลงทำการแข่งขัน ทางค่าย Nissan ได้พัฒนาเครื่องยนต์ RB26 DETT ตามกติกาของ Group A ทำให้เครื่องรหัส RB26 DETT เป็นหนึ่งในเครื่องที่ดีที่สุดในโลก อีกหนึ่งรุ่น ไม่ใช่ว่าเครื่องยนต์แรงอย่างเดียว ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ATTESA (Advan Total Traction Engineering System For All-Terrain) AWD ถูกพัฒนาให้สมบูรณ์และจับมาใส่ในรถรุ่นนี้ด้วย แต่ถ้าจะประสบความสำเร็จในประเทศอย่างเดียวชื่อ Godzilla คงไม่ได้มาแน่ๆ ในปี 1990 ทางค่าย Nissan ได้ไปเปิดตลาดในประเทศ Australia ทางค่าย Nissan ได้ส่งเจ้า Nissan Skyline R32 ลงไปแข่งในรายการ Australian Touring Car Championship หลังจากที่ลงแข่งในรายการนี้ครั้งแรก เจ้า Nissan Skyline GT-R R32 สามารถเบียดเอาชนะรถแข่งสัญชาติอเมริกา, เยอรมัน และอิตาลี ขึ้นความโพเดียมในรายการนี้ และสามารถครองแชมป์มาได้อย่างยาวนานหลายปี ทำให้สื่อ Australia ขนานนามเจ้า Nissan Skyline GT-R R32  ว่าเป็น “The Godzilla” Monster From Japan ด้วยผลงานความสำเร็จนี้เอง ทำให้ Nissan Skyline GT-R R32 ออกรุ่นพิเศษมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัว V-Spec และ V-Spec II มีระบบเบรก Brembo มีล้อ BBS ขอบ 17” ติดมาให้จากโรงงาน ซึ่งรถ 2 รุ่นนี้ ผลิตออกมาเพียงรุ่นละ 1,xxx คันเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีรุ่น Nismo ที่ผลิตขึ้นมาเพียง 5xx คันเท่านั้น และรุ่น N1 ถือว่าเป็น Rare Item ของ R32 ก็ว่าได้เป็นรุ่นที่หายากที่สุด เนื่องจากรถรุ่นนี้ เป็นเวอร์ชั่นรถแข่งในประเทศญี่ปุ่นที่อัพเกรดเครื่อง พัฒนาเบรก ลดน้ำหนักให้เบาลง ถอดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกออกหมด และผลิตออกมาเพียง 245 คันเท่านั้น 

 

 

Gen 9 Nissan Skyline R33 (1993-1998)

         มาต่อกันในเจนเนอเรชั่นที่ 9 ของค่าย Nissan Skyline สำหรับรุ่นนี้เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคมปี 1993 ถึงแม้ว่า Nissan Skyline R32 ถูกเรียกว่าเป็นรถที่โดดเด่นอีกหนึ่งรุ่นของโลกจากแดนปลาดิบ แต่ค่าย Nissan เองไม่ได้หยุดที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและสมรรถนะเครื่องยนต์ใหม่ ด้วยความที่ไม่หยุดพัฒนานี้เอง ทำให้ Nissan Skyline R33 ได้คลอดออกมาสู่สายตาประชาชนทั่วโลก โดยรถรุ่นนี้ได้แก้ปัญหาจุดอ่อนของรุ่น R32 แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ RB26 DETT ที่มีปัญหาในเรื่องของระบบหล่อลื่น และยังได้เพิ่มเครื่องรหัส RB25 DET เป็นเครื่อง 2,500 ซีซี. มาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก นอกจากนี้ยังได้ขยายฐานล้อให้กว้างขึ้น 1” และยาวขึ้นกว่าเดิม 4” เพื่อประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและเข้าโค้งได้ดีกว่ารุ่นเดิม นอกจากนี้ยังใส่ใจในเรื่องของอากาศพลศาสตร์ ทำให้รถคันนี้มี Aerodynamic ดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนเครื่องยนต์มีการอัพเกรดเทอร์โบ และระบบอินเตอร์คูลเลอร์ใหม่ ส่วนเรื่องของน้ำหนักส่วนไหนของรถที่ลดน้ำหนักได้ รุ่นนี้ทำหมดทำให้มีน้ำหนักลดลงด้วย ทำใหรถรุ่นนี้ควบคุมรถง่ายขึ้น คล่องตัวมากขึ้น เป็นผลให้เป็น Nissan Skyline GT-R ที่ทำเวลาทดสอบในสนาม Nurburgring ได้ดีที่สุดอีกด้วย สำหรับ Nissan Skyline R33 ได้ออกรุ่น Limited Edition R33 NISMO 400R มีการอัพเกรดเครื่องใหม่ ที่พัฒนาเครื่องมาจากรถที่ลงแข่งในรายการ Le Mans ปรับแต่งเครื่องใหม่ให้มีแรงม้าถึง 400 ตัว ในรูปแบบ Limited Edition 

 

 

Gen 10 Nissan Skyline R34 (1998-2002)

              เจนเนอเรชั่นที่ 10 กับ Nissan Skyline R34 ถือได้ว่าเป็นรถที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกหนึ่งรุ่นบนโลกใบนี้ ด้วยเส้นสายและรูปทรง ทำให้รถคันนี้เป็นรถในฝันของใครหลายๆ คน สำหรับ Nissan Skyline R34 ปรับขนาดมิติรถใหม่ให้เล็กลงกว่ารุ่น R33 ที่จะดูเทอะทะและใหญ่เกินไป แต่ความคล่องตัวยังคงอยู่ ยังเข้าโค้งได้ดีอยู่ และยังได้ใส่เทคโนโลยีเข้าไปอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลแบบ LCD ขนาด 5.3” ที่สามารถแสดงข้อมูลของเครื่องยนต์ สามารถบอกค่าบูสท์เทอร์โบ ความร้อนของน้ำหล่อเย็น อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง และอื่นๆ อีกมากมาย โดยชื่ออย่างเป็นทางการของจอตัวนี้ คือ MFD (Multi Function Display) ในส่วนของเครื่องยนต์พัฒนาเทอร์โบใหม่ อัพเกรดเครื่องใหม่ให้แรงขึ้นกว่าเดิม สำหรับเจ้า Nissan Skyline R34 มีรุ่นพิเศษออกทั้งหมด 11 รุ่น ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นตัว GT-R, GT-R V-Spec, GT-R V-Spec N1, GT-R V-Spec II, GT-R V-Spec II N1, GT-R M-spec, GT-R V-spec II Nur, GT-R M-spec Nur, GT-R NISMO S-tune, GT-R NISMO R-tune, GT-R NISMO Z-tune G

 

 

Gen 11 Nissan Skyline V35 (2001-2007)

             ในเจนเนอเรชั่นนี้ มีความเปลี่ยนแปลงของ Nissan Skyline เริ่มจากการเปลี่ยนรหัสนำหน้าจาก R เป็น V โดยรุ่นนี้มีรหัสว่า V35 ออกจำหน่ายประมาณเดือน มิถุนายน 2001 ซึ่งในปีแรกที่ออกมาเป็นรถซีดาน 4 ประตู รหัสเครื่องเป็นรหัส VQ35 เป็นเครื่องสูบ V โดยในเจนเนอเรชั่นนี้มีเครื่องออกมา 3 รหัสด้วยกันคือ VQ25DD เครื่อง 2,500 ซีซี. เครื่องรหัส VQ30DD V6 เครื่อง 3,000 ซีซี. และเครื่องขนาด 3,500 ซีซี. รหัส VQ35DE V6 สำหรับรุ่น V35 ยังถูกส่งไปขายในตลาดอเมริกาครั้งแรกโดยใช้ชื่อรุ่นว่า Infiniti G35 ถือว่าเป็นครั้งแรกของรุ่นนี้อีกด้วย หลังจากที่ออกรุ่นซีดาน 4 ประตู ได้เพียงแค่ปีเดียว ทางค่าย Nissan ได้ออกรุ่น คูเป้ เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งรุ่น ในปี 2002 อีกด้วย และรุ่นนี้ได้แยกสายการผลิตระหว่าง Skyline และ GT-R ออกจากกันอย่างชัดเจน ด้วย

 

 

Gen 12 Nissan Skyline V36 (2007-2015)

            สำหรับเจนเนอเรชั่นนี้ เรียกว่า Nissan Skiline V36 ซึ่งรถรุ่นนี้ ถูกออกแบบและคิดค้นให้มีผลิตภัณฑ์มากมายหลายรุ่นหลายแบบ ทั้งรถซีดาน 4 ประตู, รถสปอร์ต 2 ประตู, รถสองประตูเปิดประทุน และในรุ่นนี้ยังเพิ่มความพิเศษด้วยการออกรุ่น 5 ประตู โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Nissan Skyline Crossover ในส่วนของเครื่องยนต์มีขนาดซีซีที่ต่างกันออกไป ถึง 4 แบบด้วยกัน ได้แก่เครื่อง 2,500 ซีซี. รหัส VQ25HR V6, เครื่อง 3,500 ซีซี. รหัส VQ35HR V6 และเครื่อง 3,700 ซีซี. รหัส VQ37VHR V6 รุ่นนี้ ส่งไปขายทางฝั่งอเมริกาภายใต้ชื่อ Infiniti G37 ส่วนรุ่น Infiniti EX เป็นรุ่น Nissan Skyline Crossover อีกด้วย 

 

 

Gen 13 Nissan Skyline HV37 (2014-ปัจจุบัน)

              สำหรับเจนเนอเรชั่นนี้ทาง Nissan Skyline ได้เปลี่ยนรหัสใหม่อีกครั้งเป็น HV37 และได้เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายของฐานลูกค้าเดิมที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ชื่นชอบเครื่องแรงๆ กลายมาเป็นรถของผู้บริหารวัย 40 ขึ้นไป โดยเจ้า HV37 การออกแบบเครื่องยนต์ ช่วงล่างจะเน้นความนุ่มนวล เครื่องมีเสียงเงียบ อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันมากขึ้นด้วยเครื่องระบบ Hybrid เครื่องยนต์ของรุ่นนี้ มีทั้งหมด 3 รหัสด้วยกันได้แก่ เครื่อง 2,000 ซีซี. Mercedes-Benz 274930, เครื่อง 3,000 ซีซี. รหัส VR30DETT twin turbo V6 และเครื่อง 3,500 ซีซี. รหัส VQ35HR V6 กับเครื่องรหัส HM34 Electric Motor ซึ่งรถรุ่นนี้จะไม่ค่อยได้รับความนิยมในบ้านเรามากนัก แต่ที่ตลาดฝั่งอเมริกาและยุโรป รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องด้วยบอดี้ที่ใหญ่ ตัวรถมีขนาดกว้างซึ่งเป็นที่นิยมของทางฝั่งอเมริกาและยุโรปมากๆ

 

 

Nissan GT-R R35 (2007-ปัจจุบัน)

            เพื่อนๆ อาจจะงงว่า Nissan ในรหัส R35 หายไปไหน จริงๆ แล้วเขาไม่ได้หายไปไหน หลังจากที่ค่าย Nissan ได้ออกรถที่ชื่อรุ่นว่า Nissan Skyline มาตลอด จนสิ้นสุดยุคของ R34 ทางค่าย Nissan ได้เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายลูกค้าใหม่ โดยเปลี่ยนกลุ่มมาเป็นรถของผู้บริหาร โดยใช้รหัสว่า V35 ซึ่งก็ไม่ได้การตอบรับอย่างที่ควร จึงทำให้ยอดการจัดจำหน่าย Skyline ตกลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนด้านมอเตอร์สปอร์ต ทางค่ายได้ต่อยอดตระกูลแรง ด้วยตระกูล GT-R หรือ Nissan GT-R R35 ออกมาสู่สายตาประชาชน โดยไม่ใช้ชื่อรุ่นว่า Nissan Skyline แล้ว แต่ใช้ชื่อรุ่นว่า Nissan GT-R R35 ซึ่งคำว่า GT-R สำหรับรถ Nissan Skyline ถือว่าเป็นรถรุ่นสุดยอดทั้งเครื่องยนต์ เทคโนโลยี จะเหนือว่ารุ่น Nissan Skyline ปกติอยู่แล้ว โดยขุมพลังของเจ้า GT-R R35 มากับเครื่อง VR38DETT แบบ V6 ขนาด 3.8 ลิตร Twin Turbo ให้กำลังในระดับกว่า 500 แรงม้า เรื่องของพละกำลังเครื่องยนต์ไม่ต้องพูดถึง...แรงถึงใจแน่นอน ส่วนเอกลักษณ์ความเป็น Skyline คือ ไฟท้ายที่เป็นทรง โดนัท ได้นำกลับมาใช้ในรถรุ่นนี้อีกด้วย และถือว่าตัวแรงรุ่นนี้ ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อีกรุ่นหนึ่งของ Nissan ซึ่งหลายๆ คน ตั้งสมญานามให้กับ GT-R ว่าเป็น Super Car Killer

 

 

               ถือว่าเป็นรถอีกรุ่นหนึ่งบนโลกใบนี้ ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานมากๆ ตั้งแต่รุ่นแรกมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีมนต์เสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป รายละเอียดของรถก็จะต่างกันออกไปอีกด้วย

 

ติดตามเพิ่มเติมได้ใน Nissan Skyline เปิดตำนานจากรุ่นสู่รุ่น จนได้ชื่อว่าเป็น ขุมทรัพย์ชั้นเลิศอีกหนึ่งรุ่นของญี่ปุ่น EP.1

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook