MG3 vs. Honda Jazz เปรียบเทียบแฮทช์แบ็คคันเก่งของคนรุ่นใหม่
ในวันนี้ BoxzaRacing ขอส่งคู่เปรียบเทียบรถแฮทช์แบ็คเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร อันทันสมัย พร้อมรูปลักษณ์ที่โดนใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบการใช้งานแบบอเนกประสงค์ และการขับขี่ที่คล่องตัวสำหรับใช้งานภายในเมือง เริ่มจาก MG3 รถแฮทช์แบ็คล่าสุดจาก MG ที่เพิ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจในเมืองไทยไปแบบสดๆ ร้อนๆ ที่จะมาประชันกับ Honda Jazz รถแฮทช์แบ็คเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่ได้รับความนิยมในไทยมาอย่างช้านาน
และเพื่อการเปรียบเทียบที่สมน้ำสมเนื้อ จะขอเปรียบเทียบระหว่าง MG3 รุ่น 1.5X และ Honda Jazz รุ่น SV+ ซึ่งเป็นรุ่นท็อปทั้งคู่
ภายนอก
ด้านการดีไซน์ภายนอกของ MG3 จะออกแบบภายนอกตัวถังที่ให้ความรู้สึกสนุกสนาน เน้นความเป็นกันเอง แถมยังสามารถเลือกตัวถับแบบสีทูโทนพร้อมชุดแต่งสุดแนว อาทิ ฝาครอบกระจกมองข้างสีต่างๆ หลังคาลายสวยๆ และล้ออัลลอย 15 นิ้ว ไฟหน้ามัลติรีแฟล็กเตอร์พร้อมเสริมด้วย LED Daylight ส่วนไฟท้าย ได้ออกแบบให้ยาวเกือบเท่ากับฝากระโปรงท้าย
ด้าน Honda Jazz ออกแบบตัวถังให้มีความสปอร์ต และให้ความสำคัญทางหลักอากาศพลศาสตร์ ไฟหน้ามัลติรีแฟล็กเตอร์พร้อมเสริมด้วย LED Daylight ส่วนไฟท้ายออกแบบให้มีความสวยงาม ดูแปลกตา และจุดเด่นสำคัญ คือ หน้าสั้น-ฐานล้อยาว ส่งผลทำให้ห้องโดยสารมีความกว้างมาก แม้จะมองแค่ภายนอกก็ตาม
เมื่อวัดการดีไซน์ภายนอกที่กินกันไม่ลง ก็ต้องมาตัดสินกันที่มิติตัวถัง โดยรถทั้งสองรุ่น มีรายละเอียดดังนี้
มิติตัวถัง | MG3 รุ่น 1.5X (ซันรูฟ) |
Honda Jazz รุ่น SV+ |
พื้นที่ตัวรถทั้งหมดยาวxกว้างxสูง (มม.) |
4,018 x 1,728 x 1,517 |
3,955 x 1,695 x 1,525 |
ความยาวช่วงล้อ (มม.) | 2,520 | 2,530 |
ความกว้างช่วงล้อ หน้า-หลัง (มม.) |
1,505 - 1,493 | 1,476 - 1,466 |
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มม.) | 158 | 150 |
ภายใน
สำหรับการออกแบบภายในและอ็อพชั่นต่างๆ ด้าน MG3 จะออกแบบให้มีความเรียบง่าย และแต่งแต้มด้วยวงกลมและวงรีที่สวยงามลงตัว อาทิ แผงมาตรวัดแบบอนาล็อกพร้อมไฟ LED แบบเรืองแสง, เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ต ด้านระบบความบันเทิงประกอบไปด้วย วิทยุพร้อมลำโพง 4 จุด MP3, CD, USB, ช่องต่อ AUX, Bluetooth ทั้งนี้บริเวณแผงคอนโซลตรงกลางที่มีฝาปิด คือ ช่องเสียบอุปกรณ์เชื่อมต่อเพื่อยกระดับความบันเทิงให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นแต่ไฮไลท์สำคัญอยู่ที่หลังคาซันรูฟ ซึ่งรุ่น 1.5X และ 1.5 Xcross จะเป็นรุ่นที่มีหลังคาซันรูฟให้มา
และสำหรับอ็อพชั่นเสริมอย่าง ชุดเครื่องเล่นพร้อมจอสัมผัส รองรับระบบเนวิเกเตอร์และกล้องมองหลัง ที่มาพร้อมกับระบบ inkaNet ที่เป็นระบบสื่อสารและตรวจสอบข้อมูลระหว่างตัวรถและผู้ใช้ผ่านทั้งสมาร์ทโฟนและคอมพ์พิวเตอร์ เพื่อให้เจ้าของรถสามารถรับรู้สถานะรถในสภาพต่างๆ, ตำแหน่งที่จอดรถปัจจุบัน, การสั่งการระบบจากทางไกลไปจนถึงการประสานงานขอความช่วยเหลือต่างๆ โดยผู้สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ในอินคาเน็ต
เรียบๆ แบบนี้ แต่สามารถเสริมความล้ำสมัยแบบไม่น้อยหน้าใครได้ไม่ยาก และด้วยตัวถังที่ใหญ่ ห้องโดยสารก็มีความกว้างขวาง สะดวกสบายอีกด้วย
ส่วน Honda Jazz รุ่น SV+ ต้องบอกว่าเป็นที่สุดแห่งความทันสมัย ด้วยระบบควบคุมที่สั่งได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส อาทิ จออินโฟเทนเมนต์ขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบนำทางพร้อมความบันเทิงจาก วิทยุ MP3, CD, เชื่อมต่อได้ทั้ง USB, AUX, HDMI, Siri และ Bluetooth และระบบปรับอากาศแบบสัมผัส พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นดีไซน์สวยงาม นอกจากนี้ยังมีห้องโดยสารที่กว้างอันมาจากฐานล้อที่ยาว นั่งสบายไม่ติดเข่า สะดวกสบายทุกเพศทุกวัย และข้อดีของห้องโดยสารที่กว้างก็คือ การเพิ่มพื้นที่เก็บของที่มากขึ้นนั่นเอง
เครื่องยนต์
มาทางด้านของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังของรถทั้ง 2 รุ่น มีรายละเอียดดังนี้
MG3 ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTi-TEC 4 สูบ 16 วาล์ว แบบแปรผันคู่ ให้พลังสูงสุด 106 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 135 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบ/นาที สามารถรองรับน้ำมัน E85 ได้ ส่วนระบบส่งกำลังของรุ่นนี้เป็นเกียร์ 5 สปีด Sele Matic พร้อมระบบปรับโหมดขับขี่ ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญสำหรับรถยนต์จาก MG
Honda Jazz ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร SOHC 4 สูบ 16 วาลล์ i-VTEC หัวฉีดมัลติพอยท์ PGM-FI ให้กำลังสูงสุด 117 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 146 นิวตัน-เมตร ที่ 4,700 รอบ/นาที พร้อมโหมดขับขี่แบบประหยัดพลังงาน ECON Mode ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT พร้อม 7 Speed Paddle Shift เสริมด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control รองรับพลังงานทางเลือก E85
ระบบความปลอดภัย
ในส่วนของระบบความปลอดภัยระหว่าง MG3 และ Honda Jazz มีรายละเอียดดังนี้
ระบบความปลอดภัย (ทั้งหมด) |
MG3 รุ่น 1.5X |
Honda Jazz รุ่น SV+ |
โครงสร้างนิรภัย | ULTMATE STIFFNESS DESIGN (USD) | G-Force Control (G-CON) |
ชุดถุงลงนิรภัย | คู่หน้า |
คู่หน้า, |
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า ELR |
แบบดึงรั้งกลับและ |
แบบดึงกลับอัตโนมัติ |
เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง ELR | * | * |
จุดยึดสำหรับเบาะนั่งสำหรับเด็ก | * | * |
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรค (ABS) | ABD | ABS |
ระบบกระจายแรงเบรค แบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) |
* | * |
ระบบเสริมแรงเบรค (BA) | * | * |
ระบบควบคุมเสถียรภาพ การทรงตัว |
ESC | VSC |
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี | TCS | - |
ระบบช่วยออกตัว บนทางลาดชัน |
HAS | HSA |
ระบบควบคุมความเร็วขณะ ลงทางลาดชัน (DAC) |
- | - |
ระบบควบคุมการเบรคในขณะเข้าโค้ง | CBC | - |
ระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน | MSR | - |
แกนพวงมาลัยยุบตัวได้ | * | - |
ไล่ฝ้ากระจกหลัง | * | * |
ไฟเบรคดวงที่ 3 | * | * |
ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Daytime Running Lights) |
* | * |
ไฟตัดหมอกหน้า | * | * |
ไฟตัดหมอกหลัง | - | - |
สัญญาณเตือนกะระยะถอยหลัง | * | - |
ไฟสัญญาณฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรคกระทันหัน | - | * |
กล้องมองหลัง | - | ปรับ 3 ระดับ |
ระบบกุญแจป้องกันการโจรกรรม Immobiliser | * |
* |
ระบบแจ้งเตือนกันขโมย | * |
* |
ราคา
MG3 รุ่น 1.5X (มีซันรูฟ) มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 559,000 บาท
Honda Jazz 2014-2015 รุ่น SV+ มีราคาค่าตัวอยู่ที่ 754,000 บาท
Editor Comment
หลังจากที่ได้เปรียบเทียบค้นหาจุดเด่น ค้นหาสิ่งที่ใช่กันแล้ว ก็มาถึงข้อสรุปของการเปรียบเทียบครั้งนี้กัน ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว อาจจะวัดกันยากสักหน่อย เพราะทั้งสองรุ่นมีโพสิชั่นของตัวเองอยู่แล้ว หากจะว่ากันด้วยสเป็คที่สูสีจริงๆ แล้ว อาจต้องมองผ่านในเรื่องของราคา ที่ดูยังไงแล้ว MG3 ก็ให้ความคุ้มค่าที่เหนือกว่า กับลูกเล่นที่ให้มาภายใต้ระดับราคา 5 แสนกลางๆ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดขายสำคัญที่ทางค่ายมีนโยบายเพื่อเรียกส่วนแบ่งทางการตลาดเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังเป็นยนตรกรรมหนึ่งเดียวในคลาสที่มาพร้อมซันรูฟ ส่วนความได้เปรียบของ Honda Jazz คงหนีไม่พ้นภาพรวมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของดีไซน์ที่ดูทันสมัย ภาพลักษณ์ บริการหลังการขาย รวมไปถึงเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ไม่เป็นสองรองใคร แต่แน่นอนว่าก็ต้องแลกมาด้วยค่าตัวที่สูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง
สำหรับโอกาสหน้า BoxzaRacing จะนำรถอะไรมาเปรียบเทียบคู่ต่อไป ก็อย่าลืมติดตามชมกันให้ดีนะครับ