แล้วนี่เป็นครั้งที่สองสำหรับการทดลองขับรถยนต์ Mitsubishi XPander Cross HEV หลังจากที่เคยทดลองขับกันแบบเต็มรูปแบบในทางฝุ่น ที่ได้ทดลองใช้โหมดการขับต่างๆ สำหรับทาง Off Road ไม่ว่าจะเป็น Mud, Sand รวมถึง Wet Mode ก็ตาม ซึ่งในครั้งนี้คงไม่ต้องพูดถึงตัวรถหรือรูปลักษณ์กันอีก จะว่ากันที่เรื่องสมรรถนะโดยตรง
โดยครั้งนี้ ปรับเปลี่ยนรูปแบบมาทดลองขับบนถนนปกติที่ไม่ต่างไปจากการใช้รถในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเป็นการเดินทางจากตัวเมืองหลวงกรุงเทพฯ ออกสู่ ต่างจังหวัด ไปกับสถานการณ์จริงๆ บนท้องถนนที่มีรถมากมาย ทั้งถนนปกติที่มีการจราจรหนาแน่น ไปจนถึงเส้นทางบนมอเตอร์เวย์ที่ต้องใช้ความเร็วในการเดินทางตลอดเส้นทาง
ในการทดลองขับครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา อย่างสิ้นเชิง ที่ผ่านมา เน้นใช้โหมด Off Road เป็นส่วนใหญ่ รวมถึงการทดลองระบบ AYC มาในครั้งนี้จะใช้โหมดในการขับ Normal เป็นหลักสลับไปใช้กับ EV Mode โดยระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงชลบุรี รวมไป-กลับประมาณ 200 กว่ากิโลเมตร
ผลจากการขับในครั้งนี้ ทำให้เห็นว่าระบบการจัดการ ที่เลือกใช้ Normal Mode ตลอดเส้นทาง ตัวระบบจะจัดการทั้งเรื่องการใช้พลังงาน การชาร์จ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับรูปแบบของการขับ ซึ่งผู้ขับต้องเน้นเรื่องของการควบคุมคันเร่ง เมื่อเราใช้คันเร่งที่พอประมาณ และเสถียรมากพอ ตัวระบบจะเข้าไปสู่ EV Mode โดยอัตโนมัติ และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่เป็นหลัก ในขณะเดียวกันเมื่อกดคันเร่งเพิ่ม เพื่อต้องการอัตราเร่งในการใช้งาน ระบบจะปรับเปลี่ยนไปเป็นการใช้พลังงานจากเครื่องยนต์สลับกับมอเตอร์ไฟฟ้าในทันที ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถที่ใช้พลังงานแบบไฮบริด
ความโดดเด่นที่พบได้ในการทดลองขับในครั้งนี้ คือเรื่องของระบบการจัดการพลังงานไฟฟ้าเมื่อเราใช้โหมดไฟฟ้า หรือ EV Mode ในการเดินทางด้วยความเร็วประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถสามารถวิ่งไปไกลได้ประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งต่างจากการใช้งานในเมืองเมื่อเราใช้ความเร็วในการเดินทางไม่เกิน 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงระยะทางก็เพิ่มขึ้นได้ หลายเท่า ในขณะเดียวกันเมื่อพลังงานไฟหมด ระบบจะชาร์จไฟกลับซึ่งก็ใช้ระยะทางในการรีชาร์จประมาณ 3 กิโลเมตรกับพลังงานไฟฟ้าที่จะได้กลับมาประมาณ 80 %
ส่วนในการใช้งานปกติที่ไม่ได้ใช้พลังงานพลังงานไฟฟ้าก็ ทำได้ดี เมื่อดูจากการขับในรูปแบบปกติเครื่องยนต์มี กำลังสามารถสร้าง อัตราเร่งที่เพียงพอให้การตอบสนองค่อนข้างดี มีความไหลลื่นเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วคงที่ ทำให้รู้สึกว่าตัวรถมีพละกำลังมากพอ แบบที่ไม่จำเป็นต้องเค้นหรือกดคันเร่งมากจนเกินไป ส่งผลในเรื่องของความประหยัดที่มีให้สำหรับเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร
นอกจากนี้เรื่องระบบช่วงล่างก็สามารถตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยในครั้งนี้มีผู้โดยสารร่วมเดินทางรวมคนขับถึง 4 คน ก็ยังไม่ถือว่าเป็นปัญหา ช่วงล่างมีการยึดเกาะได้ดี มีการตอบสนองค่อนข้างไว ส่วนหนึ่งมาจากตัวรถเป็นรูปแบบครอส หรือยกสูง ที่ปรับแต่งช่วงล่างมาให้เหมาะกับการใช้งานอันหลากหลาย ไม่เพียงเท่านั้นยังมีระบบ AYC ที่เข้ามาช่วยให้การขับอยู่ตลอดเวลา ชนิดที่ว่าพร้อมทำงานทุกเมื่อโดยเฉพาะการเข้าโค้งที่ให้เป็นเรื่องง่าย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของรถรุ่นนี้เลยทีเดียว
ในส่วนอื่นๆ อย่างเช่นเรื่องอรรถประโยชน์ที่มีให้ก็สามารถใช้งานได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงสถานะที่เรือนไมล์ รวมถึงหน้าจอกลางที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ได้อย่างง่ายดาย สิ่งอำนวยความสะดวกช่องเก็บของที่วางแก้ว รวมถึงจุดชาร์จต่างๆ ก็มีให้ครบ ทว่าจะมีจุดด้อยอยู่เล็กน้อย ในส่วนของเบาะที่นั่ง ไม่ว่าจะเป็นเบาะคู่หน้าที่เน้นเรื่องความ Comfort มากกว่าความสปอร์ต ทำให้การควบคุมรถด้อยลงไปในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ได้มาคือความสะดวกสบายในการขึ้น-ลง ส่วนแถวสองใช้งานได้ปกติ แต่หากต้องการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันในการใช้งานอาจจะไม่ตอบโจทย์นัก ส่วนหนึ่งก็เพื่อต้องการให้แถวสามสามารถใช้งาน ได้จริงนั่นเอง
โดยรวมแล้ว Mitsubishi XPander Cross HEV สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งทางฝุ่น และทางเรียบ โดยสมรรถนะของระบบช่วงล่าง เครื่องยนต์ สามารถนำไปใช้งานได้อย่างครบถ้วน แม้จะไม่ตอบโจทย์เหมือนกลับรถ EV ที่เน้นเรื่องความประหยัด หรือรถ Pickup ที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อขนานแท้ก็ตาม แต่ถือว่าใช้งานได้จริงในทุกระบบ