ไม่นานมานี้ทีมงาน BoxzaRacing เราก็ได้มีโอากาศไปสัมผัส และลองสมรรถนะกันอย่างเพลิดเพลินกับ Compact EV ที่ชื่อว่า Lumin ภายใต้แบรนด์ Changan บอกเลยว่า งานนี้สนุกเหมือนได้เล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกจริงๆ เพราะเล่นวิ่งไปเกือบสิบกว่ารอบในเส้นทางทดลองขับที่ถูกวางไว้
Image
และเช่นเดิมก่อนไปลองจับพวงมาลัยวิ่งไปตาม Station มาทำความรู้จักกันก่อน สำหรับ Lumin รถรุ่นนี้มาพร้อมกับภาพลักษณ์ และดีไซน์ภายนอกนั้น ถูกออกแบบให้มีความเรียบง่ายจริงๆ ตัวรถมีลักษณะเป็นทรงกล่องขนาดเล็ก ด้านหน้าโดดเด่นด้วยไฟคู่หน้าที่เป็นเอกลักษณ์ ที่หลายคนเรียก น้องง่วง กันชนหน้าไร้ช่องรับอากาศตามแบบรถไฟฟ้าทั่วไป รวมไปถึงการดีไซน์ให้เสา A, B และ C เป็นสีดำ ซึ่งจะส่งผลให้ตัวหลังคาดูเหมือนรอยออกจากตัวรถนั่นเอง
น้องง่วง นามว่า Lumin
เมื่อมองผ่านๆ ตัวถังดูเหมือนจะเล็ก แต่จริงๆ แล้วกลับมีความยาวถึง 3.27 เมตร ความกว้างของตัวรถเทียบเท่ารถยนต์นั่งทั่วไป โดยจะอยู่ที่ 1.7 เมตร และความสูงอยู่ที่ 1.59 เมตร ซึ่งดูจากขนาดแล้วไม่ได้เล็กซะทีเดียว ส่วนระยะฐานล้ออยู่ที่ 1.980 เมตร ความสูงจากพื้นถึงจุดต่ำสุดของรถอยู่ที่ 150 มิลลิเมตร และน้ำหนักโดยรวมของตัวรถจะอยู่ที่ประมาณ 920 กิโลกรัมซึ่งถือว่าเบาพอสมควร สำหรับ BEV
ออกแบบที่นั่งให้เป็นแบบ 2 + 2 ที่นั่ง ด้านหลังพับ 50:50
ขยับเข้ามาดูพื้นที่ภายในห้องโดยสารตัวรถถูกออกแบบให้เป็นแบบ 2 + 2 ที่นั่ง ตัวเบาะคู่หน้าปรับด้วยกลไก ส่วนบอกคู่หลังสามารถใช้งานได้จริง ทว่าเหมาะกับการวางของ หรือคนที่มีขนาดตัวเล็กอย่างเด็กมากกว่าในส่วนของเบาะหลังเอง ก็สามารถพับเก็บได้แบบ 50:50 ซึ่งเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากถึง 580 ลิตร จากเดิมที่สามารถเก็บได้เพียง 104 ลิตร ที่หลังเบาะตอนหลังเมื่อไม่ได้พับเบาะ ส่วนพวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชันออกแบบได้เรียบง่ายสามารถสั่งการรับโทรศัพท์ และเลือกเมนูสำหรับจอกลางคอนโซนใด้ ขยับลงมาใต้จอจะเป็นชุดสวิตช์ควบคุมระบบทำความเย็น อันมีรูปแบบเรียบง่ายไม่ซับซ้อน ขยับต่อลงมาที่เซ็นเตอร์พาแนล จะมีเพียงแค่ชุดควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบอิเล็กทรอนิกส์ชิฟเตอร์แบบหมุน รวมถึงปุ่มปรับโหมด ที่เลือกได้ทั้ง Eco และ Sport รวมถึงสวิตช์สำหรับเปิดปิดกระจกข้าง และเบรกมือเป็นแบบคันโยกซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ในบริเวณเดียวกัน
ภายในของ Lumin ได้เลือกใช้วัสดุคุณภาพเหมาะสมกับตัวรถ รวมถึงราคาที่น่าจะเป็นไปได้ ส่วนใหญ่จะเป็นพลาสติกขึ้นรูป สลับกับวัสดุสังเคราะห์ สีภายในของรถรุ่นนี้มีให้เลือกสองแบบเท่านั้น ซี่งไม่จำกัดที่สีภายนอกที่มีทั้งหมด 5 สี จุดเด่นอยู่ที่ความกว้างของห้องโดยสารตอนหน้า และประตูบานใหญ่กว่ารถซิตีัคาร์ทั่วไป ส่งผลให้สามารถเข้าออกไปนั่งที่ห้องโดยสารตอนหลังได้ ไม่ยากนัก จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของรถรุ่นนี้คือการเลือกใช้วัสดุที่สามารถป้องกันฝุ่นและน้ำได้ตามมาตรฐาน IP 68
ฟังก์ชันที่มีให้มาก็เพียงพอต่อการใช้งาน หรือมีเท่าที่จำเป็น กับหน้าจอแสดงผลการขับขนาด 7 นิ้วที่หลังพวงมาลัยแสดงสถานะของการชาร์จ ปริมาณพลังงาน รวมถึงมาตรวัดความเร็ว ส่วนหน้าจอกลางมีขนาด 10.25 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อแบบบลูทูธ รวมถึงแอพพลิเคชั่น Car Auto สามารถสะท้อนหน้าจอจากโทรศัพท์หรือ Smart Phone Mirror รวมถึงรองรับการอัพเดท ซอฟต์แวร์ออนไลน์ OTA ไม่เพียงเท่านั้นยังมาพร้อมกับ โมบายแอพ ที่สามารถใช้ควบคุมรถจากระยะไกล ไม่ว่าจะเลือกล็อกประตู สั่งเปิดปิดเครื่องปรับอากาศไว้ล่วงหน้าได้
ในส่วนของพละกำลังรถรุ่นนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุดที่ 48 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 83 นิวตัน-เมตร คิดเป็นกำลังสูงสุดที่ 35 กิโลวัตต์ ส่งกำลังไฟจากแบตเตอรี่ขนาด 27.98 Kwh รองรับการชาร์จแบบ DC โดยจะใช้เวลาเพียง 35 นาที จากแบตเตอรี่ที่มีพลังงานอยู่ 30 % กลับไปอยู่ที่ 80% ได้ ในส่วนของหัวชาร์ทที่ให้เป็นแบบ Type 2 เมื่อชาร์จเต็มจะสามารถทำระยะทางวิ่วได้ที่ 301 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC
Test Drive
หลังจากที่ได้ทดลองขับเพียงเล็กน้อยประมาณสิบกว่ารอบ ตาม Station ที่วางไว้ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพของตัวรถได้ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองของระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นเทรลลิ่งอาร์ม ทำงานควบคู่กับล้อขนาด 14 นิ้ว และยางขนาด 165/70 ให้ความคล่องตัวได้ในระดับหนึ่ง หากไม่ใช้ความเร็วเกินไปนักก็จะได้ความสนุกมาแทน แต่หากเร็วเกินจะกลายเป็นความเคลียดแทน นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยเหลือการทรงตัว ESP ที่เข้ามาช่วยให้การขับสนุกมาขึ้นไปอีกและจะเห็นผลได้ชัดเมื่อเข้าไปอยู่ในช่วงของ Station Slarom พวงมาลัยน้ำหนักดีควบคุมได้ง่ายส่วนหนึ่งมาจาก การเลือกใช้พวงมาลัยเป็นแบบไฮดรอลิค ซึ่งยังไม่ใช่ไฟฟ้า ในช่วงทดลองอัตราเร่ง ซึ่งในสเปคกำหนดไว้จาก 0-50 กิโลเมตรใช้เวลาอยู่ที่ 6.5 วินาที ก็ดูจะไม่ใช่ปัญหาอะไรในพื้นที่ทดลองขับ แถมยังมี Sport Mode ให้เล่นต้องบอกว่าหลังจากปรับแล้วได้ความสนุกขึ้นมาอีกพอสมควร เพราะคันเร่งตึงขึ้นทำให้เรารู้สึกว่าเหยียบได้มากขึ้นนั่นเอง แต่จริงแล้วแค่ออกแรงให้มากขึ้น แน่นอนว่าเมื่อออกแรงมากขึ้นรถก็วิ่งเร็วขึ้นตามไป
ดูแล้ว Lumin น่าจะเหมาะกับการใช้งานในเมืองอันมีการจราจรคับคั่ง หรือคนที่ต้องการความคล่องตัว เพราะตัวรถมีขนาดไม่ใหญ่ และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้เพียง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความก้าวร้าวไม่มีให้เห็น งานนี้ คุณพ่อบ้าน แม่บ้านต้องมีไว้ส่งบุตร ธิดาซักคัน เพราะดูแล้วเหมาะคนเมืองมากกว่า ต้องบอกว่า Lumin น่าจะเป็นรถขนาดเล็ก ฟังก์ชันไม่ซับซ้อนมากเกินไป แถมมีระบบที่ทำให้การขับปลอดภัยมากขึ้นไปอีก ยกตัวอย่าง เช่นระบบเบรกที่ช่วยหน่วง และช่วยออกตัวบนทางลัดลาดชัน หรือ NBooster และเซนเซอร์สองจุดที่ด้านท้ายรวมถึงกล้องมองหลังด้วย ถ้าให้พูดก็พอเหมาะ พอสมกับการใช้งานแล้ว
โดยรวมแล้วรถรุ่นนี้น่าจะเหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก เพราะรถไม่เล็กถึงขนาดออกถนนไม่ได้ แต่คล่องตัวเมื่ออยู่ในชุมชน เหมาะกับใช้งานในระยะทางไม่มากนัก และไม่เน้นการบรรจุสิ่งของ หรือมีผู้โดยสารมาก รวมทั่งคนที่ต้องการใช้งานไม่เน้นฟังก์ชัน ก็ติดว่าน่าจะถูกใจกับพออยู่ อย่างน้อยๆ รูปร่างหน้าตาของรถก็ดูทันสมัย มีความเป็นมิตรกับคนรอบข้าง และผู้ใช้ไม่น้อยสำหรับ น้องง่วง Lumin BEV ภายใต้แบรนด์ Changan
สำหรับท่านที่สนใจ สามารถเข้าไปชม สัมผัสตัวจริงได้ที่บูธ Changan ภายในงาน BIMS ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายนศกนี้ ณ อิมแพค เมืองทองธานี