Xpander รถรูปแบบ Small MPV ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มออกสู่สายตาผู้ใช้ในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อ ปี 2018 กระทั่งปัจจุบัน เผยโฉมรุ่นใหม่ New Xpander ที่ปรับปรุงภาพลักษณ์ เพิ่มฟังก์ชั่น รวมไปถึงสมรรถนะในการขับไปอีกขั้น นับเป็นอีกหนึ่งรถยนต์คุณภาพของทางผู้ผลิตอย่าง Mitsubishi
และวันนี้ทางทีมงาน BoxzaRacing ได้รับเกียรติจาก บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมทดลองขับ Mitsubishi New Xpander ซึ่งครั้งนี้ใช้ระยะทางไม่ไกลเกินไปนัก ทว่าสามารถรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะเรื่องสมรรถนะที่ค่อนข้างชัดเจน ส่วนหนึ่งมากจากการเปลี่ยนระบบส่งกำลัง และการปรับปรุงระบบรองรับน้ำหนักใหม่นั่นเอง สำหรับการทดลองขับในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกหลังจะเผยโฉมไปเมื่อไม่นาน โดยใช้เส้นทางไปกลับ กรุงเทพมหานคร-ปราณ-กรุงเทพมหานคร เป็นการวิ่งในหลากหลายรูปแบบ ทั้ง เส้นทางปกติในเมือง บนไฮเวย์หรือทางด่วน ร่วมไปถึงถนนดิน
แต่ก่อนไปรู้เรื่องสมรรถนะ มาดูภาพลักษณ์ของรถที่ถูกปรับเปลี่ยนไป เริ่มจากด้านที่ชัดเจนที่สุด มีการเปลี่ยนแปลงด้านหน้าให้มีความเข้มมากขึ้นด้วยการใช้สีเข้ม อีกทั้งเรื่องของชุดไฟหรี่ LED และไฟหน้าแบบ T- Shape และชิ้นต่อชายล่างที่แตกต่างไปจากเดิม แต่ทั้งนี้ยังความแนวคิดของกระจังหน้าแบบ Advanced Dynamic Shield รวมไปถึงด้านข้างบริเวณ Front Fender ที่เปลี่ยนใหม่เพื่อให้รับการชุดหน้า ตลอดจนชายล่างด้านข้างที่ปรับใหม่ อีกส่วนที่คือบริเวณท้าย รูปทรงของชุดไฟยังคล้ายเดิมแบบ T- Shape ทว่ามุมเอียงเปลี่ยนไป และเป็นแบบ LED illumination Tube เช่นเดียวกับชุดกันชนมีการปรับให้รับกับไฟท้าย แน่นอนว่าด้านท้ายเมื่อมีการปรับเปลี่ยนไป มุมมองของกระจกหลังก็มีการเปลี่ยนทั้งที่ยังใช้ขนาดเดิม และสุดท้ายกับในเรื่องภาพลักษณ์อยู่ที่ล้อขนาด17 นิ้ว และลายเปลี่ยนไป ซึ่งส่งผลในเรื่องของความสูงของตัวรถเพิ่มขึ้นเป็น 220 มิลลิเมตร
ส่วนภายในก็ได้รับการปรับตามเช่นกัน สำหรับรุ่นใหม่นี้ ผสานแนวคิดการออกแบบ Horizontal Axis Design มาพร้อมกับผิวสัมผัสนุ่มขึ้น และที่สำคัญเป็นวัสดุที่สามารถสะท้อนความร้อนได้ นับว่าเหมาะกับสภาพอากาศในประเทศ ระบบปรับอากาศมีการปรับรูปแบบใหม่ให้ดูล้ำสมัยมากขึ้น แม้จะยังไม่ได้เป็นแบบอัตโนมัติ แต่เปลี่ยนมาเป็นแบบดิจิตอลพร้อมฟังก์ชัน Max Cool เป็นการสั่งการทำงานเพียงปุ่มเดียว ใช้งานได้ง่ายขึ้น หน้าจอใหม่ระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Bluetooth, Apple CarPlay และ Android Auto ที่เพิ่มเข้ามาทำให้ลงตัวกับแผงคอลโซลหน้า เช่นเดียวกับพวงมาลัยใหม่ที่สามารถสั่งการทำงานระบบเครื่องเสียงได้ และหน้าปัดแบบ High Contrast
และสำหรับสมรรถนะในการขับของ Mitsubishi New Xpander ค่อนข้างต่างจากเดิม รวมถึงต่างจากรถในคลาสเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนระบบส่งกำลังจากเกียร์อัตโนมัติธรรมดาเป็น Eco Dynamic CVT ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC ขนาด 1.5 ลิตร 105 แรงม้า ซึ่งทำให้อัตราเร่งดีขึ้นกว่าเดิม แต่ทั้งนี้ความสนุกในการขับอาจลดลง รวมไปถึงช่วงเร่งแซงที่ต้องเผื่อระยะไว้นิดหน่อย ซึ่งไม่แปลกเพราะรถประเภทนี้ไม่ได้ถูกสร้างมาให้มีกำลังมากเกินจำเป็น ตรงกันข้ามเน้นไปทางใช้งานเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการจะเอาไปเปรียบเทียบกับรถที่มีลักษณะต่างกัน ทั้งเรื่องรูปทรง และกำลังที่มากกว่าไม่น่าจะสมเหตุผลเท่าไรนัก
นอกจากนี้แล้วรถรุ่นนี้มีจุดเด่นที่น่าจะได้เปรียบมากสุดเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม รวมไปถึงรถในพิกัดเดียวกัน คือ ระบบช่วงล่าง ซึ่งในรุ่นใหม่นี้มีการเปลี่ยนมาใช้ช็อคอับด้านหลังที่ใหญ่กว่าเดิม โดยที่ด้านหน้ายังเป็นสเปคเดิม ทว่างานนี้เห็นภาพชัดเพราะการทรงตัวดีขึ้นกว่าเดิม มีความกระชับมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับความกระด้างเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยหากวิ่งตัวเปล่าแบบไม่มีผู้โดยสาร หรือสัมภาระด้านหลัง ไม่เพียงแค่เรื่องของระบบเบรกที่ต้องบอกว่ามั่นใจได้ แม้ระยะเบรกจะไม่โดดเด่น หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือไม่หนีจากเดิม หรือรุ่นอื่นๆ แต่ความนุ่มนวลในการเบิก ไม่ว่าจะเบรกเพื่อลดความเร็วปกติ หรือในขณะเบรกฉุกเฉินก็ตาม หากให้พูดถึงความโดดเด่นของรถรุ่นนี้ เรื่องเบรกถือว่านำมาเป็นจุดเด่นได้ทีเดียว ในขณะที่เรื่องอรรถประโยชน์ อย่างการเป็นผู้โดยสารก็ค่อนข้างสะดวก สบาย เบาะนั่งที่ใหญ่ขนาดไซน์ XL ความเย็นที่ทั่วถึง พื้นที่เก็บสัมภาระเพียงพอต่อการใช้งาน ติดตรงที่หากมีผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่งอาจอึดอัดเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติไม่ว่าจะรุ่นไหนในพิกัดเดียวกัน ส่วนฟังก์ชันการปรับพับเบาะมีให้เลือกถึง 7 แบบตามความเหมาะสม
และฟังก์ชันการทำงานต่างๆ นั้นถือว่ามีมาให้เพียงพอต่อความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวในสภาวะที่รถเสียสมดุล ASC (Active Stability Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCL (Traction Control System) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) ระบบเบรกแบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-Lock Braking System) ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ทำงานประสานกับระบบเบรก ABS (Electronic Brake Force Didtribution) ระบบเสริมแรงเบรกจะทำงานทันทีที่เหยียบเบรกกะทันหัน BA (Brake Assist) ระบบไฟนําทางหลังดับเครื่องยนต์ Coming Home Light ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ Emergency Stop Signal System-Ess ระบบเบรกมือไฟฟ้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Brake Auto Hold
หากมองภาพรวมแล้ว Mitsubishi New Xpander ไม่ด้อยไปกว่ารุ่นอื่นๆ เลย ทั้งเรื่องขนาดตัวที่อยู่ในระดับหัวแถว ประสิทธิภาพสมรรถนะที่ไว้ใจได้ แม้ว่าฟังก์ชั่นล้ำสมัยที่ดูน้อยไป แต่หากใช้งานกันจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ก็ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการแล้ว แต่หากมีเพิ่มขึ้นมาก็ถือเป็นของแถมไปเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่า ผู้ใช้เลือกรถมาใช้งานในรูปแบบไหนมากกว่า จะเน้นฟังก์ชัน ความล้ำสมัยอาจไม่โดนใจมากนัก แต่หากเน้นเรื่องการใช้งานในเมือง ออกนอกเมือง หรือออกไปลุยเล็กๆ รถรุ่นนี้ทำได้ดีไม่แพ้ใคร อีกทั้งภาพลักษณ์ออกไปทางแข็งแกร่งด้วยซ้ำ งานนี้อยู่ที่ความต้องการใช้รถเป็นหลัก ลองลงมาเป็นเรื่องของราคา
สำหรับท่านที่สนใจดูข้อมูลได้ที่ https://www.mitsubishi-motors.co.th/th/cars/xpander และสามารถสัมผัส ทดลองขับได้ที่โชว์รูมตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิทั้่วประเทศ
Mitsubishi New Xpander มีให้เลือก 2 รุ่น
New Xpander GLS-LTD ราคา 799,000 บาท
New Xpander GT ราคา 895,000 บาท