เขียนโดย: AEFOTO

เมื่อ: 13 กรกฏาคม 2563 - 11:51

Suzuki XL7 2020 อเนกประสงค์สายลุย ใหญ่นั่งสบาย ช่วงล่างนุ่มหนึบ อัตราเร่งดี ความลงตัวของรถครอบครัว

 

          ค่ายรถยนต์ Suzuki ประเทศไทยได้ประกาศศักดิ์ดาความเป็นจ้าวแห่งรถครอบครัวอีกครั้ง หลังจากที่ได้ส่ง Suzuki Ertiga 2019 รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง เจนเนเรชั่นที่ 2 ออกมาสู่ตลาดเมื่อปี 2019 ซึ่งก็ได้สร้างยอดขายเป็นที่น่าพอใจให้กับทาง Suzuki มิใช่น้อย ล่าสุดทาง Suzuki ได้ต่อยอดเพื่อจะเป็นเจ้าตลาดสำหรับรถครอบครัวในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัว Suzuki XL7 2020 เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2563

 

 

          ซึ่งหลังจากเปิดตัวได้ไม่นานทาง Suzuki ได้ร่อนจดหมายเชิญมาทางทีมงาน BoxzaRacing เพื่อให้มาร่วมทดสอบสมรรถนะของเจ้า Suzuki XL7 2020 MPV 7 ที่นั่ง น้องใหม่ล่าสุดของทางค่าย Suzuki ซึ่งในการทดสอบครั้งนี้เป็นแบบ One Day Trip เช้าไปเย็นกลับใช้เส้นทาง กรุงเทพเมืองหลวงมุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมาโดยตลอดเส้นทางจะได้ทดสอบในหลากหลายรูปแบบเส้นทางในเมือง นอกเมือง รวมถึงเส้นทางที่โค้งไปมา ที่สำคัญจะได้พิสูจน์ให้หลายๆท่านที่กำลังคิดว่า Suzuki XL7 น้องใหม่คันนี้คือ Suzuki Ertiga ทีปรับเพียงยกสูง และปรับเปลี่ยนหน้าตาใช่หรือไม่ วันนี้เราไปหาคำตอบกันว่าความแตกต่างของ Suzuki XL7 2020 กับ Suzuki Ertiga พี่น้องจากค่ายเดียวกัน รวมถึงคู่แข่งในตลาดว่าเป็นอย่างไร 

 

 

          ก่อนเข้าสู่บททดสอบเรามาทำความรู้จักกับ Suzuki XL7 กันก่อนเล็กน้อย Suzuki XL7 ยังมากับแพลตฟอร์ม HEARTECT โครงสร้างตัวถังแบบไร้รอยต่อนำหนักเบา มาช่วยเสริมสมรรถนะในการขับเคลื่อนเป็นไปอย่างคล่องตัว สนุกสนาน ปลอดภัย และ ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

 

          ในด้านมิติตัวถังของ Suzuki XL7 แตกต่างกับ Suzuki Ertiga ในทุกมิติโดย Suzuki XL7 มีตัวถัง ยาว x กว้าง x สูง: 4,450 x 1,775 x 1,710 มม. ส่วนของ Ertiga มิติตัวถัง ยาว x กว้าง x สูง : 4,395 x 1,735 x 1,690 มิลลิเมตร นอกจากนั้น Suzuki XL7 ยังมีความสูงใต้ท้องรถเพิ่มขึ้นเป็น 200 มม. มีเพียงระยะฐานล้อเท่านั้นที่เท่ากันที่ 2,740 มม.นอกนั้น Suzuki XL7 ใหญ่กว่าในทุกมิติ

 

 

          ในส่วนรูปลักษณ์ภายนอก Suzuki XL7 แตกต่างจาก Suzuki Ertiga อย่างชัดเจน Suzuki XL7 มาพร้อมกับการออกแบบรูปลักษณ์ภายนอกใหม่สไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยม ด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำผสมโครเมียมมาดเข้ม และดุดันที่ทาง Suzuki ออกแบบ และได้แรงบันดาลใจมาจากดาบซามูไร Katana

 

 

          ลงตัวด้วยไฟหน้า LED ที่ปรับระดับองศาของไฟต่ำได้ พร้อม Daytime Running Light สว่างชัดเจนทุกเส้นทาง ไฟตัดหมอกหน้า ตกแต่งใต้กันชนด้วยวัสดุสีเงินรอบคันเสริมด้วยกันรอยพร้อมลุยทุกการเดินทาง หลังคาด้านบนติดตั้งแล็ตหลังคาเพื่อสำหรับวางของ ที่สามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 50 กิโลกรัม

 

 

          เข้มขึ้นด้วยซุ้มล้อสีดำรอบคันพร้อมล้ออะลูมิเนียมอัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว พร้อมราวหลังคาเพิ่มอรรถประโยชน์ให้ความสะดวกมากขึ้น ไฟท้าย LED พร้อมกับไฟเบรกแนวตั้ง Light guides โดยรวมภายนอกของ Suzuki XL7 จะเน้นดีไซน์ที่ออกแนวสายลุย สายสปอร์ต เปรียบได้กับวัยคนทำงานที่คิดกำลังเริ่มจะมีครอบครัว แต่ยังชอบในการเดินทาง ส่วน Suzuki Ertiga จะเป็นในมาคผู้ใหญ่ ที่มีครอบครัวแล้ว เน้นการเดินทางทั้งครอบครัวเป็นหมู่คณะ    

 

 

          ภายในห้องโดยยสารออกแบบสไตล์สปอร์ตพรีเมี่ยม ถูกออกแบบอย่างประณีตให้ดูล้ำสมัย ใช้วัสดุคุณภาพสูง ประกอบกับการตกแต่งวัสดุด้วยลาย Carbon Fiber พร้อมคิ้วโครเมียม

 

 

          อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่พร้อมรองรับทุกฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบครัน อาทิ มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงผลแจ้งสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็น Driving G-Force,อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง, อัตราแรงบิด, กำลังของเครื่องยนต์ และข้อมูลอื่น ๆ เพื่อให้ทุกเส้นทางเต็มไปด้วยความสนุก และความมั่นใจถึงขีดสุด  

 

 

          นอกจากนั้นยังเติมเต็มอิ่มทุกอรรถรสของความบันเทิงตลอดทั้งเส้นทางด้วยความบันเทิงแบบจัดเต็มผ่านหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว ที่รองรับการใช้งาน Apple CarPlay, Android Auto สะดวกสบายมากขึ้นด้วยช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI บริเวณคอนโซลหน้า

 

 

          โดยในโหมดนี้จะเชื่อมต่อได้ต้องมีอะแดปเตอร์ในการเชื่อมต่อ โดยภาพจะไม่มีการตัดออกจากหน้าจอไม่่วาจะใส่เกียร์ D เดินทางแล้วก็ตาม แต่สามารถปิดภาพฟังแต่เสียงได้เพียงกดปุ่มพาวเวอร์ที่หน้าจอหากต้องการดุภาพอีกครั้งก็สัมผัสทีหน้าจอภาพก็จะปรากฎขึ้นอีกครั้ง ส่วนคุณภาพเสียงต้องบอกว่าระดับคุณภาพในโรงภาพยนต์ที่เดียว จากลำโพง 4 จุด พร้อมทวิตเตอร์คู่หน้า 2 จุด

 

 

          มีช่องเชื่อมต่อ USB พร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง 12V ถึง 3 ตำแหน่ง ที่บริเวณคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง และที่นั่งแถวหลัง ให้เพลิดเพลินไปกับทุกเอ็นเตอร์เทนเมนท์ตลอดการเดินทาง

 

 

          เติมเต็มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับ และผู้โดยสารได้อย่างลงตัว ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และระบบปรับอากาศด้านหลังที่สามารถปรับแรงลมได้เพื่อส่งความเย็นสบายไปยังผู้โดยสารแถวที่ 2 และ 3 ด้่นหลัง มาพร้อมกับวางเครื่องดื่มถึง 8 ตำแหน่ง

 

 

          พร้อมช่องเป่าความเย็นที่วางแก้วบริเวณคอนโซลหน้าด้านล่างเพื่อรักษาอุณหภูมิความเย็นของเครื่องดื่มได้นานยิ่งขึ้น  

           นอกจากนี้การออกแบบของพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape ยังทำให้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นระหว่างเบาะกับพวงมาลัย เพื่อช่วยให้การ เข้า-ออกที่นั่งรวมถึงการขับขี่เป็นไปอย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พวงมาลัยปรับระดับสูง-ต่ำได้ พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและการสั่งการสมาร์ทโฟนบนพวงมาลัยได้อีกด้วย

 

 

          สตาร์ท และดับเครื่องยนต์ได้ง่ายๆ เพียงปุ่มเดียวกับระบบ Keyless Push Start และระบบ Keyless Entry ประตูเปิด-ปิดได้โดยไม่ต้องกดกุญแจรีโมท รวมถึงกระจกมองข้างที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าให้ผู้ขับขี่สัมผัสความสะดวกสบายในการใช้งาน

 

 

           ส่วนพื้นที่ภายในห้องโดยสารเป็นขนาด 3 แถว 7 ที่นั่ง ที่กว้างขวางปรับได้หลากหลาย  เบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตแบบ Bucket Seat โอบกระชับตอบรับสรีระของคนไทยได้เป็นอย่างดี เบาะคนขับสามารถปรับสูง-ต่ำได้ พวงมาลัยไฟฟ้าปรับสูง-ต่ำได้ด้วยเช่นกัน

 

 

            เบาะแถว 2 ออกแบบใหม่ พับได้ง่ายด้วยระบบ One Touch เพียงดึงคันโยกพนักพิงจะพับไปด้านหน้า และสามารถปรับเลื่อนระยะ หน้า-หลังได้ถึง 240 มม. เพื่อที่สามารถจะไปนั่งในเบาะแถวที่ 3 ได้อย่างสบาย  เรียกว่าคนตัวใหญ่ๆสามารถเข้าไปนั่งได้อย่างสบาย ส่วนการพับเบาะแถว 2 สามารถแยกพับได้แบบ 60:40

 

 

          ส่วนเบาะแถว 3 พับได้ 50:50 เรียกได้ว่าพับแบบราบเรียบไปเลย ส่วนประตูทั้ง 4 บาน ออกแบบให้เปิดได้เป็นจังหวะ หรือ Door Open Stoppers เพิ่มความสะดวกเมื่อต้องจอดในที่แคบ

 

 

           เข้ามาถึงเรื่องทดสอบสมรรถนะกันบ้างโดยการทดสอบนี้เริ่มจากจุดสตาร์ทจาก โพธาลัย เลเชอร์ ปาร์ค ที่อยู่แถวเลียบทางด่วนรามอินทรา สัมผัสแรกที่เข้ามาห้องโดยสารของ Suzuki XL7 ต้องบอกว่าดูสปอร์ตพรีเมี่ยมเป็นอย่างมาก เข้าประจำการในตำแหน่งที่นั่งฝั่งผู้ขับตัวเบาะโอบกระชับเข้ากับตัวได้อย่างดี เบาะนั่งนิ่มแต่ไม่ถึงกับย้วย ปรับสูงต่ำได้เพื่อทัศวิสัยในการมองที่ชัดเจน พวงมาลัยหุ้มหนังทรง D-Shape จับกระชับมือ

 

 

            เราเริ่มออกสตาร์ทในช่วงเช้าของวันทำงานผ่านเส้นทางบนถนนเลียบด่วนรามอินทรา มุ่งหน้ามอเตอร์เวย์สาย 9 (บางปะอิน - บางนา) สระบุรี โดยการเส้นทางช่วงนี้ต้องบอกว่าสาหัสเอาการทีเดียว ด้วยสภาพการจราจรยามเช้าของ กรุงเทพฯ ที่ต้องบอกว่าโครตติด แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคของ Suzuki XL7 ถึงแม้สรีระจะใหญ่โตด้วยความสูงสไตล์ครอสโอเวอร์ ก็สามารถมุดผ่านการจราจรที่แสนคับคั่งมาได้โดยง่าย ตัวรถมีความคล่องตัวสูงไม่ได้รู้สึกว่าตัวรถอืด สามารถมุดแซง และเปลี่ยนเลนได้อย่างคล่องแคล่ว

 

 

           พวงมาลัยมีความแม่นยำ นอกจากความคล่องตัวจะเป็นตัวช่วยในการฝ่ารถติดแล้วอันแสนสาหัสแล้ว ความบันเทิงที่มากับหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว มาพร้อมระบบปรับแต่งเสียงและประมวลผลในแบบดิจิทัล (Digital Sound Processor) ยังช่วยให้เพลิดเพลินกับเสียง ไม่ต้องหงุดหงิดรถที่ติดอยุ่บนท้องถนน 

 

 ขุมพลังเครื่องยนต์ K15B ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลัง 105 แรงม้า ที่ได้รับการปรับจูนกล่อง ECU ใหม่ 

 

           ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็พาเราเข้าสู่มอเตอร์เวย์สาย 9 ทางยาวๆ ซึ่งในช่วงนี้จะได้ลองสมรรถนะ และพละกำลังของ Suzuki XL7 2020 ที่มากับขุมพลังเครื่องยนต์ K15B ขนาด 1.5 ลิตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และที่สำคัญ Suzuki XL7 2020 ได้มีการปรับจูนกล่อง ECU ใหม่ รวมถึงในการปรับอัตราเฟืองท้ายใหม่  

 

 

           จากการทดลองในช่วงนี้ ต้องบอกเลยว่าถึงแม้ขุมพลังจะเป็นตัวที่ยกมาจาก Ertiga แต่ได้รับการปรับจูนกล่อง ECU ใหม่ รวมถึงในการปรับอัตราเฟืองท้ายใหม่ ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจาก 4.2 ใน Etirga มาเป็น 4.375 ในตัว XL7 ส่งผลให้รอบที่จัดมาขึ้น รวมถึงการขับขี่นั้นมีการตอบสนองที่ดี อัตราเร่งที่ดีขึ้น ไม่อืด แต่ก็ไม่ถึงกับปู๊ดป๊าดในช่วงออกตัวเพราะด้วยโครงสร้างรถที่ใหญ่ แต่ก็ทำได้ดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นพี่มนค่าย ด้วยกำลังสูงสุดถึง 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 138 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด แต่ถึงเป็นเกียร์ 4 สปีดแบบเดิมๆ แต่ก็เพียงแค่กดคันเร่งเบาๆ ก็พร้อมจะเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ถึงกับร้อนแรงเร้าใจเหมือนกับรถสปอร์ต เพราะต้องตัวรถถูกปรับเซ็ทเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแบบครอบครัวเป็นหลัก โดยในช่วงความเร็ว 100 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ 2,500 รอบ/นาที และที่ความเร็ว 120 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ 3,000 รอบ/นาที Suzuki XL7 2020 นั้นสามารถไต่ความเร็วสูงสุดได้ที่ 160 กม./ชม. ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ และเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแน่นอน

 

 

            ส่วนในการเร่งแซงนั้น เพียงกดปุ่ม Overdrive ที่คันเกียร์ก็จะสามารถช่วยให้คุณเร่งแซงคันอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังจะช่วยในเรื่องการชลอเบรคได้อีกด้วยในยามที่คุณขับมาด้วยความเร็วสูง ด้วยการปลด Overdrive จะเสมือนการใช้เอนจิ้นเบรก ของชุดเกียร์ธรรมดา

 

 

           ด้านระบบช่วงล่างของ Suzuki XL7 2020  ต้องยอมรับว่าเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทาง Suzuki ปรับแต่งให้แตกต่างจาก Etirga ถึงแม้ว่าจะมีความเหมือนกันทั้งด้านหน้าที่เป็น McPherson Strut พร้อมคอยล์สปริง และด้านหลังที่เป็น Torsion Beam แบบกึ่งอิสระ ทั้ง 2 ข้างยึดไว้ด้วย Torsion หรือคานบิด แต่ได้มีการปรับเซ็ททั้งโช็คอัพ และสปริงใหม่ เสริมเหล็กกันโคลงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น 1 มม. รวมถึงยังมีการปรับจุดเล็กๆน้อยๆอีกเป็นร้อยจุด ส่งผลให้การตอบสนองของระบบช่วงล่างของ Suzuki XL7 2020 จะไปในทางสปอร์ตมากขึ้น รองรับได้ดีขึ้น รวมถึงให้ความนุ่มนวล และหนึบมากกว่าเดิมอย่างชัดเจน ซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้การขับขี่ได้อย่างนุ่มนวล 

 

 

          ตัวรถไม่ค่อยออกอาการโยก หรือโคลงให้เห็นในเส้นทางตรง ถึงแม้รูปร่างจะสูงขึ้นก็ตาม ในช่วงเข้าโค้งสลับซ้าย-ขวาต้องบอกว่าทำได้ดีเกินคาด ควบคุมรถได้ง่ายขึ้นมีโยกตัวบาง แต่ไม่ถึงกับมากเพราะด้วยเป็นรถทรงสูง พวงมาลัยหุ้มหนังกำชับมือจะเบาในขณะความเร็วในย่านต่ำ แต่ในย่านสูงมีความระชับ และให้ตัวได้ดี 

 

 

          ส่วนระบบเบรกนั้นแบบ ระบบดิสก์เบรกด้านหน้า และดรัมเบรกด้านหลัง เหมือนเดิม แต่มีการปรับเปลี่ยนหม้อลมเบรกให้ใหญ่ขึ้น ช่วยให้เบรคมีความมั่นใจ แต่ต้องใช้เวลา และให้ความคุ้นเคยสักนิด จะคุ้นกับระยะเบรคได้อย่างขึ้น และจะทำให้หยุดรถได้อย่างนุ่มนวล 

 

 

          ส่วนความเงียบด้านในห้องโดยสารของ Suzuki XL7 2020  ขณะขับนั้นในช่วงย่านความเร็วต่ำแทบจะไมมีเสียงมารบกวน พอปรับระดับความเร็วขึ้นไปที่ 100-120 กม./ชม. จะได้ยินเสียงของยางที่บดกับถนนมากขึ้น เสียงลมที่เข้ามารบกวนในห้องโดยสารนั้นน้อยมาก นั้นเป็นเพราะที่ทาง Suzuki ได้มีการเพิ่มส่วนของฉนวนป้องกันความร้อนกระโปรงหน้า ฉนวนกันความร้อนคอนโซลด้านใน ทั้งหมดเพื่อลดเสียงจากเครื่องยนต์ มีการเพิ่มการเชื่อมจุดที่หน้าแชสซีลดอาการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ เพิ่มขนาดซีลเบ้ารูแกนพวงมาลัย มีการซีลประตูคู่ลดเสียงลมและเสียงเครื่องยนต์ที่เข้ามาในห้องโดยสาร

 

 

           หลังจากที่ทำหน้าที่เป็นพลขับในช่วงขาไป ในขากลับ กรุงเทพ เลยลองมาเป็นผู้โดยสารบ้างเริ่มจากเข้าไปนั่งกับเบาะนั่งแถวที่ 2 ก่อน แต่ก่อนเข้าไปสิ่งที่ประทับอันดับแรกเป็นส่วนของประตูที่เปิดได้กว้างเป็นอย่างมากเรียกว่าตัวใหญ่ๆอย่างผมสามารถเข้าออกได้อย่างสบาย รวมถึงเบาะที่นั่งที่รองรับได้อย่างดีปรับเอนได้ พื้นที่ Headroom และ legroom ต้องเรียกว่าเหลือเฟือ แต่สิ่งขาดหายไปในส่วนเบาะแถวที่ 2 คงเป็นที่วางแขน แต่ก็ถูกเสริมมาด้วยจุดวางและที่เสียบชาร์ตโทรศัพท์ที่มีมาให้ทุกแถวเบาะ

 

 

          กระจกข้างบานใหญ่ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ชัดเจน เช่นเดียวกับกระจกในแถวที่ 3 ส่งผลไม่ทำให้ดูอึกอัดเวลานั้น และจะช่วยผู้โดยสารที่เมารถง่ายจะได้มองออกไปนอกหน้าต่างได้อย่างกว้างช่วยในเรื่องอาการเมารถได้ในระดับหนึ่ง แต่ความสะดวำสบายนั้นก็ต้องยอมรับว่าเทียบกับเบาะแถวที่ 2 ไม่ได้ 

 

 

          ส่วนด้านความเย็นฉ่ำอันนี้ต้องบอกว่าดีเยี่ยม ด้วยจากแอร์แถวสองนั้นแยกชุดทำความเย็นจากด้านหน้า และควบคุมได้เพียงแรงลม ปรับอุณหภูมิที่ด้านหน้า ด้านหลังทำหน้าที่ปรับแรงลมเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เย็ยทั่วทั้งห้องโดยสาร 

 

 

          ส่วนระบบความปลอดภัย Suzuki XL7 2020  ก็จัดมาให้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นระบบถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า ระบบเบรก ABS ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน พร้อมระบบ EBD ช่วยกระจายแรงเบรก ระบบ Hill Hold Control แถมพร้อมจุดยึดเบาะนั่งนิรภัย ISOFIX และ Top tether สำหรับเด็ก เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าเจ้าอื่นๆเลย

 

 

         จะเห็นได้ว่า Suzuki XL7 2020 เป็น MPV 7 ที่นั่ง ที่สามารถรองรับการใช้งานสำหรับครอบครัว หรือจะนำใช้เป็นรถส่วนตัวแทนรถเก๋งส่วนตัวก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องพละกำลังที่ปรับจูนขึ้นมารองรับความสนุกสนานของการขับขี่ รวมถึงระะบบช่วงล่างที่เซ๊ตอัพยกระดับความนุ่มนงล และหนึบแน่นมากกว่ารุ่นที่ในค่ายเดียวกัน รวมถึงมีทั้งดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยว หรูหราผสมผสานความสปอร์ต เหมาะสำหรับครอบครัวยุคใหม่ เรียกว่าลงตัวทุกไลฟ์สไตล์

 

        Suzuki XL7 2020 สามารถยกระดับ และสร้างความลงตัวให้กับตัวเอง พร้อมเป็นทางเลือกที่ใช่ของรถครอบครัว ด้วยราคาขายเพียง 779,000 บาท กับอุปกรณ์ต่างๆที่จัดให้ชุดเต็มชุดใหญ่เพียงพอต่อคำ Value For Money แต่ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพียงคำพูดของผม ถ้าจะให้แน่ใจต้องไปลองด้วยตัวท่านเองที่โชว์รูม Suzuki ทุกสาขาในประเทศ แล้วท่านจะรู้ว่ารถครอบครัว ที่ตามหาอยู่นั้นใช่คันนี้หรือไม่ 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook