หลังจากเปิดตัวกันไปได้ระยะหนึ่งแล้ว กันรถยนต์เทคโนโลยีใหม่ Nissan Kicks e-Power มาคร่าวนี้ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทสไทย) จำกัด ได้จัดกิจกรรมทดลองสมรรถนะของรถรุ่นใหม่นี้ โดยงานนี้ทีมงาน BoxzaRacing ก็ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมการทดลองขับในครั้งนี้ ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้ทำให้ไม่ได้ทดลองระบบในบางส่วน ที่อยู่ในเทคโนโลยีความปลอดภัย Safety Shield Technology และ Nissan Intelligent Mobility
สำหรับ Nissan Kicks e-Power ถือเป็นรถยนต์รูปแบบ Subcompact SUV ที่ต้องบอกว่าไม่ได้เกิดมาเป็นรถลุยในทางที่นอกเหนือไปจากการใช้ในชีวิตประจำวัน แม้ว่ารูปลักษณ์จะดูออกไปทางรถประเภท SUV ก็ตาม สิ่งนี้ทำให้เห็นว่ารูปแบบการใช้ รวมถึงพฤติกรรมในการเลือกใช้รถของคนยุคใหม่นี้เปลี่ยนไป และรถยนต์ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปนี้คงหนีไม่พ้นรถรูปแบบอเนกประสงค์ และแน่นอนว่า Nissan Kicks e-Power ก็เป็นรถที่อยู่ในกลุ่มที่คนยุคใหม่มองหา และต้องการนำมาใช้อย่างจริงจัง ทว่าการจะนำรถรุ่นใหม่ที่มีเทคโนโลยีแตกต่างไปจากที่รู้จัก จำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ถูกสร้างมาด้วยจึงจะเกิดประโยชน์และคุ้มค่าสูงสุด
จุดประสงค์ของกิจกรรมครั้งนี้เป็นการสื่อให้เห็นถึงการใช้เทคโนโลยี e-Power ที่จะเข้ามามีบทบาทกับวงการรถยนต์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้รับรู้ถึงความสามารถที่มีอยู่ และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์นั่นเอง เอาเป็นว่ามาดูกันว่า Nissan Kicks e-Power จะเป็นรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องได้มากน้อยเพียงใด
Test Drive
ในการทดลองขับในครั้งนี้ ถูกจัดให้มีการลองสมรรถนะ ในด้านต่างๆ ของรถเพื่อให้เห็นถึงสมรรถนะของรถ รวมถึงการใช้งานระบบที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เริ่มจากการสัมผัสในเรื่องการควบคุมในช่วง Slalom ที่ต้องการให้เห็นถึงการทำงานของเทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ CVD (Vehicle Dynsmic Control) อีกทั้งได้ทดลองประสิทธิภาพของพวงมาลัยที่อยู่ใน Nissan Kicks e-Power โดยในรุ่นนี้เป็นแบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า แน่นอนว่าจะมีความเบามาก ไม่ว่าหมุนตอนจอดอยู่กับที่ หรือในขณะวิ่งก็ตาม การตอบสนองเร็วมีการปรับหน่วงเล็กน้อยตามความเร็วพอสัมผัสได้ แต่กลับด้อยกว่าพวงมาลัยแบบที่เป็นปั๊มแรงดันในเรื่องของความแม่นยำเพราะฉะนั้นต้องปรับตัวเข้ากับระบบการทำงานของพวงมาลัยกันเล็กน้อย รวมไปถึงเบาะที่นั่งทำมาสำหรับคนรูปร่างใหญ่ ขอดีเพื่อให้นั่งสบาย แต่ควบคุมรถได้ไม่ดีเท่าที่ควร ตัวผู้ขับหรือแม้แต่ผู้โดยสาร (ตอนหน้า) จะไหลออกด้านข้างหากมีการเหวี่ยงต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังได้ทดลองการทำงานเทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง ITC (Intelligent Trace Control) ต้องบอกว่าเห็นผมได้ค่อนข้างชัดเจนกับระบบนี้ ซี่งในช่วงทดลองสมรรถนะได้มีการว่ิ่งผ่านโค้งด้วยความเร็วระดับหนึ่ง แต่ยังสามารถควบคุมได้ง่าย อาการสไลด์แทบไม่มีให้สัมผัสเรียกว่าระบบทำงานได้ค่อนข้างดีอยู่ส่งผลให้ควบคุมรถได้ง่าย โดยรวมแล้วในเรื่องการควบคุมนั้นทำได้ดี การตอบสนองในการหักเลี้ยวดี แต่อย่างที่บอกต้องปรับตัวเข้ากับระบบการทำงานของพวงมาลัยกันเล็กน้อยแล้วจะขับได้สนุกมากขึ้น
ในเรื่องอัตราเร่งที่หลายคนสงสัยว่าจะทำได้ขนาดไหน ต้องบอกก่อนว่า หากเป็นคนที่ขับเร็วอาจผิดหวัง เพราะกำลังที่ส่งมาจากมอเตอร์นั้นไม่ได้รุ่นแรง เหมือนเครื่องยนต์สันดาป แต่ว่าให้อัตราเร่งที่ต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำประมาณ 500 รอบ/นาทีจนกระทั่ง 3,008 รอบ/นาที ตลอดการกดคันเร่ง กำลังจะไม่ตกแรงบิดคงที่ 260 นิวตัน-เมตร ซึ่งหากเทียบกับการเครื่องยนต์ปกติที่แรงบิดสูงๆ จะมีการดึง แต่แล้วก็ตกลง ซึ่งตรงกันข้ามกับการส่งกำลังจากมอเตอร์ที่ราบรื่นตลอดการกดคั่นเร่ง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของมอเตอร์ด้วยเพราะว่าในรุ่นนี้อมอเตอร์มีกำลังอยู่เพียง 95 กิโลวัตต์เท่านั้น
ในส่วนของระบบรองรับน้ำหนัก Nissan Kicks e-Power เป็นแบบ อิสระ แม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วยด้านหลังเป็นแบบทอร์ชั่นบีม คอยล์สปริง ผลที่ได้คือความกระชับในระดับที่ดีไม่น้อย ส่วนหนึ่งมาจากน้ำหนักรถที่เบา การปรับเซตการทำงานของช็อคอับหรือแม้แต่เรื่องของจุดยึดต่างๆ นั้นจะออกไปทางแข็งเล็กน้อย แต่หากจะบอกว่าเกาะแน่นไม่มีย้วยก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะจะมีบางช่วงที่เกิดอาการยวบโยนได้ นั่นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายด้านของพื้นผิวถนนด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ออกอาการทุกครั้ง หากให้สรุปเรื่องของช่วงล่างรุ่นนี้ต้องบอกว่าทำมาได้ดี น่าจะถูกใจคนที่ชอบการขับที่นุ่มสบายแต่ให้ความกระชับ แต่หากเป็นกลุ่มที่เท้าหนักคงต้องปรับกันเล็กน้อยก็น่าจะเข้าที่ และอย่างที่บอกไปตอนต้นว่าการทดลองสมรรถนะในครั้งนี้มีข้อจำกัดทำให้ไม่รู้ผลในหลายๆ ด้าน
เรื่องของระบบเบรกเองแม้จะไม่ได้ทดลองกับแบบจริงจัง แต่ก็ตอบสนองได้ดี แทบไม่ต้องปรับตัวเพื่อทำคุ้นเคยเลย ก็สามารถใช้งานได้ และในการวิ่งเพื่อสัมผัสกับอาการต่างๆ นี้ได้มีปรับเปลี่ยนโหมดการขับให้หลากหลายเพื่อให้เห็นถึงควมแตกต่างทั้ง Normal, S หรือ Smart รวมไปถึง Eco สิ่งที่ทำให้เห็นความแตกต่างในแต่ละโหมดนั้น คือการใช้พลังงาน และการชาร์จไฟกลับมา เพราะแต่ละโหมดนั้นจะมีผลต่อการอัตราเร่งที่ไม่เท่ากัน ในขณะเดียวกันไฟฟ้าที่ใช้ไป และเรียกกลับมาก็ไม่เท่ากัน ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้งานให้เหมาะสมเท่านั้น แต่สมรรถนะในการขับไม่ต่างกัน
สิ่งที่ทำให้เห็นความแตกต่างในแต่ละโหมดนั้น คือการใช้พลังงาน และการชาร์จไฟกลับมา
และส่วนที่กำลังจะพุดถึงนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังสงสัยว่าการทำงานของคันเร่งเพียงแป้นเดียว หรือ One-Pedal นี้จะเป็นอย่างไร ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าแตกต่างจากการทำงานของ e-Pedal ที่อยู่ในรถไฟฟ้า Nissan Leaf อยู่เล็กน้อย โดยการทำงานของ One-Pedal นั้นไม่สมารถใช้งานในโหมด Normal ได้ ซึ่งผู้ใช้จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปใช้โหมดอื่นๆ โดยการปรับเปลี่ยนจากปุ่ม Drive Mode กดเลือกโหมดการทำงานได้ทั้ง S หรือ Smart รวมไปถึง Eco แต่จะแยกกันกับปุ่ม EV Mode โดยปุ่ม Drive Mode นี้จะอยู่บริเวณคอนโซลพาแนลใกล้กับคันเกียร์ การทำงานของ One-Pedal ก็ไม่ยาก หากปรับตัวเข้ากับระบบได้ จะเกิดความสะดวกมากขึ้น เพราะใช้แป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียวตามชื่อ ทั้งเร่งความเร็ว รวมถึงให้รถชะลอกระทั่งหยุดได้ ทว่าการงานทำงานนี้ไม่ใช่การเบรก 100 % แต่เมื่อมีการหน่วงอย่างรุนแรงไฟเบรกจะติดขึ้นเพื่อความปลอดภัย เพราะฉะนั้นแล้วคนขับต้องประเมินสถานการณ์ว่าความเร็วขณะนั้นมากหรือน้อย ว่าจะต้องช่วยหรือไม่ต้อง
ปุ่ม Drive Mode นี้จะอยู่บริเวณคอนโซลพาแนลใกล้กับคันเกียร์
ส่วนเรื่องอื่นๆ อย่างเช่นความสะดวกสบาย หรืออัตราการสิ้นเปลืองยังต้องรถการทดลองใช้กันอีกครั้ง ว่าตัวเลขจะออกมาเป็นเท่าไร ในขณะเดียวกันคตวามสบายจะม่ีให้เห็นได้มากน้อยขนาดไหนเพราะเรื่องนี้ต้องใช้รถกันในระยะทางที่ยาวพอสมควร แต่โดยรวมแล้ว Nissan Kicks e-Power ถือเป็นรถที่น่าสนใจไม่น้อย เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจในเรื่องของระบบการทำงาน แล้วจะเกิดประโยชน์คุ้มค่า
Nissan Kicks e-Power 2020 มี 4 รุ่น พร้อมราคา
รุ่น S ราคา 889,000 บาท
รุ่น E ราคา 949,000 บาท
รุ่น V ราคา 999,000 บาท
รุ่น VL ราคา 1,049,000 บาท