เขียนโดย: AEFOTO

เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2563 - 12:40

MG ZS 2020 1.5 X+ กับลุคที่หล่อขึ้น ขุมพลังพอตัว มีเด่นที่ลูกเล่นออฟชั่นล้น และราคาที่โดนใจ

 

           MG ZS จัดเป็น B-SUV หรือที่เรียกว่าเป็น SUV ขนาดเล็ก รุ่นหนึ่งของทางค่าย MG ที่ได้รับความนิยมพอสมควรจากยอดจำหน่ายในรุ่นที่ผ่านมาที่ทาง MG เผยว่ามีมากถึง 30,000 คัน ภายในระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่เปิดตัวออกมาเมื่อปี 2560 อาจจะเป็นเพราะด้วยราคาค่าตัวที่เปิดออกมาโดนใจ ไม่แรง โดยในตอนนั้น MG ZS เปิดตัวออกมาในราคารุ่น TOP เพียง 789,000 บาท เท่านั้น ที่มากับออฟชั่นที่ทาง MG ขนใส่มาแบบจุใจ 

 

 

          ล่าสุดทาง MG จึงได้สานต่อความสำเร็จของ B-SUV ของทางค่าย โดนเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2563 ที่ผ่านมาทาง MG ได้เปิดตัว MG ZS 2020 รุ่นใหม่ในรูปแบบออนไลน์หลีกเลี่ยงไวร้สอันตราย COVID-19 โดยการมาครั้งนี้ของ MG ZS 2020 ในโฉมไมเนอร์เชนจ์ ที่มากับความเปลี่ยนแปลงใหม่หมดจด ตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก และรายละเอียดภายใน อีกทั้งยังได้ปรับปรุงในระบบส่งกำลังใหม่ พร้อมกับเพิ่มเติมฟีดเจอร์เด็ดๆไว้อีกมากมาย ที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทาง MG ได้สร้างความประหลาดใจ กับราคาค่าตัวที่และเอาใจชาวไทยด้วยการปรับราคาเพิ่มขึ้นเพียง 10,000 บาท เท่านั้น โดยมีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย คือรุ่น C+ ราคา 689,000 บาท, D+ ราคา 739,000 บาท และ X+ ราคา 799,000 บาท

 

 

          ซึ่งหลังจากการเปิดตัวได้ราว 2 เดือน ทาง MG ก็ได้ส่งหมายทดขับ MG ZS 2020 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ โดยในครั้งนี้เป็นการขับแบบเส้นทางที่ไม่ไกลมากหนัก แต่ก็เพียงพอที่จะให้ทราบถึงสมรรถนะ และรายของ MG ZS 2020 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ มารายงานเล่าสู่ให้ท่านผู้อ่านได้ทราบกัน โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพมุ่งหน้าไป จ.ฉะเชิงเทรา ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร นิดๆ โดยเริ่มออกสตาร์จากที่ MGD Driving Experience Center แถวถนนศรีนครินทร์ มุ่งหน้าถนนบางนา-ตราด ขึ้นถนนลอยฟ้าก่อนตัดเข้ามอเตอร์เวย์ไปยังร้าน Rest & Roll ในปั้ม ESSO เมืองแปดริ้ว โดยในการทดลองครั้งนี้ทางทีมงาน MG ได้นำรุ่น X+ หรือรุ่น TOP สุดมาให้ทดลองขับกับ เรามาดูกันเลยดีกว่าว่า SUV ขนาดเล็กของทางค่าย MG ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนในระบบส่งกำลังใหม่ กับราคาที่เพิ่มขึ้นมาเพียง 10,000 บาท สมรรถณะ รวมถึงฟีดเจอร์ที่จัดมาให้นั้นจะะเป็นอย่างไร แต่ก่อนที่ะไปทดลองสมรรถนะกันนั้นเรามาดูรายละเอียดความเปลี่ยนแปลงของ MG ZS 2020 รุ่นไมเนอร์เชนจ์คันนี้กันก่อนว่าแต่ต่างจากรุ่นที่ผ่านมาอย่างไรกันบ้าง 

 

 

          MG ZS 2020 รุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้มากับนิยามใหม่ที่ว่า SMART UP ที่หมายถึงการยกระดับสู่การเป็น สมาร์ท SUV ที่เหมาะกับชีวิตสมาร์ทของทุกคน ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT DYNAMIC ให้ความสปอร์ต หรูหรา ตามแบบฉบับยนตรกรรมผู้ดีอังกฤษ ที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นอีกขั้นทั้งในด้านสมรรถนะ, การควบคุม , การออกแบบ, ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย 

 

 

          MG ZS 2020 มีการปรับเปลี่ยนในส่วนมิติตัวถังให้ตัวรถนั้นดูใหญ่ และกว้างมายิ่งขึ้น เริ่มจากความยาวเพิ่มขึ้น 10 มม.จากเดิม 4,314 มม.เพิ่มขึ้นเป็น 4,324 มม., ความกว้างเท่าเดิมที่ 1,809 มม. ด้านความสูงเพิ่มขึ้น 29 มม. จากเดิม 1,624 มม. เพิ่มเป็น 1,653 มม. เช่นเดียวกับความสูงจากพื้นที่เพิ่มขึ้น 5 มม. จาก 165 มม. เพิ่มเป็น 170 มม. ส่วนระยะฐานล้อยังคงเดิมที่ 2,585 มม. รวมถึงน้ำหนักตัวรถที่เพิ่มขึ้นจาก เดิม 1,258 กก. เพิ่มขึ้นมาถึง 1,290 กก. ส่วนความจุถังน้ำมันเท่าเดิมที่ 48 ลิตร

 

 

          ในส่วนรูปลักษณ์ภายนอก ปรับให้ดูหล่อเหลามากยิ่งขึ้น เติมเต็มความสปอร์ต และโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ และการออกแบบเส้นสายด้านข้างแบบ MG ZS 2020 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ด้วยความโค้งมนที่เป็นเอกลักษณ์ของ MG เพิ่มความสมาร์ทด้วยไฟหน้าแบบ LED Projector ที่ควบคุมการเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED

 

 

           พร้อมเสริมความดุดันด้วยล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว (เฉพาะรุ่น Top รุ่น C+ กับ D+ จะเป็นล้อขนาด 16 นิ้ว) 

 

 

           ส่วนภายในห้องโดยสารของ MG ZS 2020 โฉมใหม่นี้ ปรับเปลี่ยนจากรุ่นยเดิมแบบยกชุด ห้องโดยสารแบบสปอร์ตสีทูโทน ใช้วัสดุแบบ Soft Touch ในการตกแต่ง พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชั่น และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้วดีไซน์ใหม่ เติมเต้มด้วยหน้าจอ Touch Screen ขนาดบิ้กบึ้ม 10 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android 

 

 

          มาพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB ที่ในรุ่นนี้จัดมาให้อย่างจุใจถึง 5 จุดด้วยกัน ด้านหลัง 2 จุด ด้านหน้าอีก 2 จุด และอีก 1 จุดที่ข้างแผงกระจกมองหลังปรับแสง ที่เอาไว้สำหรับชาร์จไฟติดกล้องหน้ารถ เพื่อจะได้ไม่ต้องต่อสายลงมาให้เกะกะสายตาเวาลขับขี่,  เติมเต็มด้วยระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มีระบบกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ในปัจจุบันรถยนต์ทั่วไปในรุ่นใหม่จะต้องมีมาให้, เพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมที่พักแขนด้านหน้า 

 

 

          รวมไปถึงระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ, พร้อมสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยปุ่ม Push Start และที่ขาดไม่ได้ของรถยนต์ MG ในทุกรุ่นคือความหรูหราสไตล์ผู้ดีอังกฤษด้วยหลังคาซันรูฟขนาดใหญ่แบบพาโนรามาขนาดใหญ่  

 

 

          ด้านขุมพลังของ MG ZS รุ่นใหม่นี้ยังคงขุมพลังเดิมด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที 

 

 

          ผสานการทำงานกับระบบเกียร์ชุดใหม่อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ 8 สปีด  ที่มาแทนที่เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดในของเดิม

 

 

          มากับพวงมาลัยไฟฟ้าที่สามารถปรับได้ถึง 3 โหมด คือ โหมด City สำหรับการขับขี่ในเมือง โหมด Standard สำหรับการขับขี่ทั่วไป และโหมด Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ตที่จะให้ความเร้าใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น 

 

 

          ส่วนระบบช่วงล่างของ MG ZS โฉมใหม่ มาพร้อมช่วงล่างตามแบบ Euro Tuning Suspension ที่ให้การทรงตัวอย่างดีเยี่ยม ผสานกับระบบช่วงล่างหน้าแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลงและช่วงล่างหลังแบบ Torsion Beam ที่จะทำให้การควบคุมในการขับขี่มีความลงตัวมากขึ้น

 

 

          MG ZS 2020 นี้ยังมาพร้อมกับ Intelligent System หรือระบบอัจฉริยะ ตอกย้ำความเป็นสมาร์ท SUV ด้วยระบบอัจฉริยะ i-SMART ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของทาง MG มาโดยตลอด อันประกอบไปด้วย

  • Smart Command ที่สามารถสั่งการระบบผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทยหรือควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมยกระดับความสมาร์ทเพื่อความปลอดภัย ด้วยระบบ Emergency Call ซึ่งจะมีการโทรและส่งข้อความระบุพิกัดรถไปยังเบอร์โทรที่ได้มีการตั้งค่าไว้เมื่อถุงลมนิรภัยในรถทำงานทำให้การเข้าช่วยเหลือทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • Smart Connect เชื่อมต่อโลกออนไลน์อย่างชาญฉลาดสามารถเลือกฟังเพลงได้ทั้งรูปแบบออนไลน์และสตรีมมิ่ง ระบบค้นหาร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว พร้อมนำทางและรายงานการจราจรแบบ Real Time รวมทั้งการอ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างทันเหตุการณ์
  • Smart Check ที่จะทำให้การตรวจสอบรถของคุณง่ายดายยิ่งขึ้น โดยสามารถ ตรวจสอบสถานะรถยนต์และเตือนเมื่อมีสถานะผิดปกติ สั่งการล็อคหรือปลดล็อคประตูรถ ค้นหารถด้วยระบบ Find My Car ช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ ผ่าน MG Mobile Application

          ด้านระบความปลอดภัยถึงแม้จะเป็น B-SUV ทาง MG ก็ยังคงจัดเต้มเหมือนกับรถ SUV ขนาดใหญ่อย่างรุ่นพี่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป อันประกอบด้วย

  • ระบบป้องกันการไหลของรถ AVH (Auto Vehicle Hold)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Brake System)
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
  • ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)         
  • ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
  • ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control System)
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
  • ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
  • ระบบจำกัดความเร็ว ASL (Active Speed Limit)

 

 

           นอกจากนี้ MG ZS โฉมใหม่นี้ ยังมาพร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) และ ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศาพร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ถุงลมนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างรวม 6 จุด และระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer

 

 

บททดสอบ  MG ZS 2020 รุ่นไมเนอร์เชนจ์

           หลังจากที่ทำความรู้จักกับ MG ZS 2020 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ พอสมควรแล้ว มาถึงเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ และภาพรวมทั้งหมดกันบ้าง เพียงก้าวแรก และสิ่งแรกสัมผัส และรับรู้ความหรุหรา และสปอร์ตมากยิ่งขึ้น เหมือนรถระดับหรูราคาแพง

 

 

          พื้นที่ภายในทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อเน้นใช้งานแบบครอบครัว ในส่วนเบาะหลังนั่งนั้นต้องบอกว่านั่งสบาย มีพื้นที่ช่วงขาที่กว้างเหลือเฟือ อีกทั้งยังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 พื้นที่ท้ายรถของ ZS มีความจุมากถึง 448 ลิตร ถ้าพับเบาะหลัง ก็จะได้ความจุเพิ่มเป็น 1,375 ลิตร ซึ่งถือว่าจุได้เยอะพอสมควรสำหรับรถเซกเมนต์นี้ นอกจากนั้นเสริมฟังช์ชั่นการใช้งานด้วยช่อง USB 2 ตำแหน่ง ที่ด้านหลัง นอกจากนี้หลังคาซันรูฟขนาดใหญ่แบบพาโนรามา แบบเดียวกับรถยนต์หรู ที่มีขนาดใหญ่ ใหญ่เกือบเต็มพื้นที่หลังคา ทำให้รู้สึกโปร่งสบายเมื่อนั่งอยู่ภายในรถ 

 

 

           หลังจากที่ลองนั่ง และสัมผัสกับในเบาะตอนหลังแล้ง ขยับขึ้นมาตอนหน้า เบาะหน้าฝั่งผู้โดยสารตอนหน้านั้นเป็นแบบปรับมือ 4 ทิศทาง ไม่สามารถที่จะปรับสูงต่ำได้ แต่ตัวเบาะสามารถโอบกระชับสรีระได้ดี หนังที่หุ้มกับตัวเบาะให้ผิวสัมผัสที่ดีรวมถึงฟองน้ำที่อยู่ภายในตัวเบาะนั่งนุ่มจึงทำให้เวลานั่งแล้วรู้สึกสบาย เอนหลังได้อย่างเต็มพิกัดเพราะพื้นที่ด้านหลังยังมีพื้นที่ให้เอนได้อย่างเต็มที่ ตัวเบาะสีทูโทนทำให้ดูพรี่เมี่ยมมากขึ้น ส่วนเบาะฝั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 6 ระดับ ซึ่งอันนี้ถือว่าดีในรถระดับนี้

 

 

          พวงมาลัยปรับขึ้น-ลงได้ แต่ไม่สามารถปรับเข้าออกได้ ซึ่งทำให้การปรับพวงมาลัยกับตำแหน่งที่นั่งลำบากนิดหน่อยแต่ก็ได้การปรับเบาะแบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยได้ 

 

 

           พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรงท้ายตัดสามารถปรับขึ้นลงได้ แต่ปรับดึงเข้าออกไม่ได้ แต่สามารถปรับน้ำหนักพวงมาลัยได้ 3 ระดับ คือ Comfort, Normal และ Sport และแปรผันน้ำหนักตามความเร็วได้ โดยการปรับตั้งสามารถทำได้ที่หน้าจอสัมผัสบริเวณคอนโซล จากการทดลองปรับใช้งานทั้ง 3 แบบ นั้นต้องบอกว่า ในโหมด Sport จะมีความตึงมือมากที่สุด จะให้ความหนักของพวงมาลัยมากขึ้น แต่ถ้าเป็น Comfort จะเหมาะกับการใช้งานในเมืองหรือคุณผู้หญิงที่ชอบความเบาของพวงมาลัย แต่ถ้าหากใช้ช่วงความร็วสูงนั้นอาจจะทำให้การควบคุมเป็นได้ยากเพราะพวงมาลัยจะเบา

 

 

           สำหรับก้านไฟเลี้ยวนั้นจะอยู่ด้านซ้ายแบบรถสไตล์ยุโรป ส่วนก้านครูสคอนโทรล หรือระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจะอยู่ถัดลงมา ซึ่งในการใช้งานนั้นก็เป็นอะไรที่ง่ายดาย เพียงดึงก้านเข้าหาตัวก็จะเป็นการเปิดระบบ และกดปุ่มตรงหัวก้านปรับเป็นการสั่งล็อคความเร็ว และสามารถเพิ่มลดความเร็วได้โดยปรับขึ้น-ลง 

 

 

          เข้ามาเรื่องของสมรรถนะการขับขี่กันบ้าง ในด้านอัตราเร่งของ MG ZS 2020 ในการออกตัวอาจจะดูไม่ปู๊ดป๊าดเท่าที่ควร เรียกว่าถ้าเป็นพวกใจร้อน เท้าหนัก คงจะไม่ถูกจริต และไม่ถูกใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน และเพียงพอแต่สำหรับการใช้งานธรรมดาแบบทั่วไป ส่วนขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุดเพียง 114 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตร กับน้ำหนักตัวที่มากถึง 1,290 กก. ที่มากับเกียร์ชุดใหม่อย่าง CVT 8 สปีดนั้น ต้องบอกว่าเกียร์ลูกใหม่นี้ส่งผลให้การเปลี่ยนจังหวะเกียร์เป็นไปได้อย่างสมูท ลื่นไหล ได้อย่างนุ่มนวล ไม่มีอาการสะดุดออกมาให้เห็น ไม่ว่าจะเป็นช่วงความเร็วต่ำ ในที่การจราจรหนาแน่น ก็ไม่มีอาการกระชาก ส่วนในย่านความเร็วสูง ก็ไม่มีอาการกระตุกให้รู้สึก ให้รับรู้อะไร ไหลลื่นได้ดีทุกการปรับเปลี่ยนจังหวะเกียร์

 

 

             ส่วนอัตราเร่งแซงจะมีอืดๆบ้างในรอบต้น ไม่ค่อยมีความดุดัน การเร่งแซงเท่านั้น ซึ่งต้องใช้รอบสูงทีเดียวในการเค้นพลังออกมา ประมาณเกือบ 3,000 รอบ/นาที กว่าจะได้ความพริ้วไหว และความความกระฉับกระเฉงออกมา แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาในการขับขี่มากนัก หากรู้จักจังหวะเวลา และรอบเครื่องยนต์ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้การเร่งแซงได้อย่างไม่ยากเย็น

 

 

          โดยความเร็วในตอนเร่งแซงในช่วง 80-120 ก.ม./ช.ม.นั้นจะอยู่ที่ประมาณ 12 วินาที ส่วนรอบเครื่องยนต์ในช่วงการเดินทางนั้นในย่านความเร็ว 80 กม./ชม. จะอยู่ที่ประมาณ 1,500 รอบต่อนาที ช่วงความเร็ว 100 กม./ชม.จะอยู่ที่ประมาณ 1,800 รอบ/นาที ช่วงความเร็ว 120 กม./ชม. จะอยู่ที่ประมาณ 2,000 รอบ/นาที- 2,200 รอบ/นาที

 

 

           ด้านอัตราเร่งของ MG ZS 2020 ตัวไมเนอร์เชนจ์นี้ถึงขุมพลังจะเป็นแบบเดิมที่ 1.5 ลิตร แต่มากับชุดเกียร์ใหม่ CVT 8 สปีด ส่งผลให้ในการจับอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ลองจับดูนั้นทำได้อยู่ที่ ประมาณ 17 วินาที พอปรับมาที่โหมดเกียร์ S ที่จับได้อยู่ราว 16 วินาที ส่วนความเร็วสุงสุดนั้นไม่กล้าที่จะกดเข้าไปเยอะเพราะด้วยถนนที่มีรถราอยู่หน่แน่นพอสมควร จากที่ลองช่วงถนนว่างๆนั้นอยุ่ที่ราว 150 กม./ชม. ส่วนอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ทำได้นั้นอยู่ประมาณ 12-13 กิโลเมตร/ลิตร (ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับ และการจารรบนท้องถนนนช่วงนั้น)

 

 

          ระบบช่วงล่างของ MG ZS 2020 ตัวไมเนอร์เชนจ์นั้นด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบ Torsion Beam ที่จะทำให้การควบคุมในการขับขี่มีความลงตัวมากขึ้น พร้อมกับมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มความสูงแก้มยางอีก 5% ทุกรุ่น เมื่อแก้มยางสูงขึ้นมันย่อมซับแรงกระเทือนจากถนนดีมากกว่าเดิม รวมถึงเปลี่ยนขนาดยางเพิ่มขึ้นมาเป็น 215/55/R17 ของทาง Yokohama รุ่น BlueEarth จึงทำให้มีความนุ่มนวลมากกว่าตัวเดิม เวลาเข้าโค้งตัวรถในช่วงใช้ความเร็วมีอาการเอียง และโยนตัวบาง แต่ไม่ถึงกับโคลงเคลงมาก อาจเพราะด้วยความสูงที่ถูกปรับขึ้นมาถึง 1,653 มม. และความสูงของแก้มยาง จึงทำให้เกิดอาการ โดยรวมแล้วชอบในระบบช่วงล่างที่ปรับเซตมาใหม่ให้มีความนุ่มนวล ไม่กระด้าง ของ MG ZS 2020 โฉมใหม่นี้

 

 

           ด้านพวงมาลัยถูกออกแบบมาจับกระชับมือ แต่ในด้านน้ำหนักจะมีความรู้สึกที่เบา และไม่คมเท่าที่ควร ถึงแม้จะปรับมาอยู่ในโหมด Sport แล้วก็ตาม (อันนี้ก็ขึ้นอยู่ผู้ขับว่าชอบแบบไหน ส่วนตัวแล้วผมชอบแบบหนักนิดๆ เพื่อความมั่นใจในการขับ) แต่ก็สามารถที่จะบังคับตัวรถให้ไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างสบาย ไม่ว่าจะเป็นการลัดเลาะในช่วงถนนที่เต็มไปด้วยรถ ก็สามารถผ่านไปได้ด้วยดี 

 

 

           ส่วนระบบเบรคนั้นทาง คงเดิมทั้งระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ มาพร้อมระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD แป้นเบรคถูกเซทให้มีความสูงไปนิด จึงไม่ค่อยมีแรงต้านเท้า จึงทำให้ต้องเหยียบแบบลึกๆ โดยตอนแรกจะมีอาการเหวอๆ นึกว่าเบรคไม่อยู่ แต่ถ้าทำความคุ้นชินสักพักก็จะปรับระยะการเบรคได้อย่างลงตัว 

 

 

           ปิดท้ายด้วยในเรื่องการเก็บเสียงในห้องโดยสารนั้น ก็ถือว่าทำได้น่าพอใจ ซึ่งกว่าจะได้ยินเสียงลมที่เข้ามาในห้องโดยสารอย่างชัดเจนก็ต้องใช้ความเร็วเกิน 120 ก.ม./ช.ม. ขึ้นไป ส่วนเสียงของเครื่องยนต์ที่เข้ามาในห้องโดยสารนั้นถือว่าน้อยมาก อันนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ซึ่งโดยรวมทั้งหมดถือว่าทาง MG ปรับเปลี่ยน และทำการบ้านมาได้เป็นอย่างดีกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้  

 

บทสรุป

          จากภาพรวมทั้งหมดหลังจากที่ได้ทดลองขับเจ้า MG ZS 2020 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ตัว Top 1.5 X+  คันนี้ ต้องบอกว่าเป็น B-SUV หรือ SUV ขนาดเล็กที่จัดออฟชั่น และฟีดเจอร์ มาให้อย่างแน่น เหลือล้น เหมาะมากสำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่ต้องการใช้งานในเมือง หรือเดินทางใน ต่างจังหวัด ในแบบฉบับที่ไม่รีบเร่ง ไปเรื่อยๆ รูปลักษณ์หน้าตาโดยรวมต้องบอกว่าหล่อเหลา อัพเกรดได้ดูดีกว่ารุ่นที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก สมรรถนะของเครื่องยนต์ที่ให้มานั้น สามารถตอบสนองได้ตามความต้องการได้อาจจะไม่สะใจวัยรุ่น แต่ถ้าคิดจะเอามาใช้เป็นรถครอบครัวก็พอ แม่ลูก บรรทุกไปได้เรื่อยใช้งานสบายๆ อันนี้ถือว่าตอบโจทย์

 

 

           อัตราเร่งไม่ถึงกับพุ่งกระชาก ไปได้เรื่อยๆ ตามรอบ และจังหวะของเครื่องยนต์ รอบต้นอาจจะยังไม่ค่อยมามากนัก แต่รอบปลายจังหวะเร่งแซงก็ไปได้ ไม่ถึงกับจี๊ดจ๊าด ระบบเกียร์ CVT ลูกใหม่ที่ตัดต่อกำลังอย่างนุ่มนวล ไม่มีการกระชากให้เห็น ไหลลื่นอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นธรรมชาติของระบเกียร์ CVT ที่จะมากับความนุ่มนวล ระบบช่วงล่างนั้นต้องบอกว่าเซ็ทมาดีมีความนุ่มมากกว่ารุ่นที่ผ่านมา  สามารถใช้งานได้ทั้งในเมือง และนอกเมือง

 

 

          รวมถึงห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย อีกทั้งยังเสริมลูกเล่น และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน รวมถึงทั้งฟีเจอร์ ฟังค์ชันต่างๆ ที่มีให้อย่างครบครันใน MG ZS 2020 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ คันนี้ และทีสำคัญ ในเรื่องราคาค่าตัว ที่จัดว่าเป็น SUV ขนาดเล็ก ที่มีราคาในตัวเพียงไม่ถึง 8 แสนบาท โดยเพิ่มราคามาจากรุ่นที่แล้วเพียง 10,000 บาทเท่านั้น กับฟังช์ชั่นที่จัดมาให้ครบครัน โดยรวมแล้วถือว่าคุ้มค่าซึ่งถ้าหากคุณต้องการความแตกต่างจาก SUV ขนาดเล็ก ถือเป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่กำลังมองหา รถอเนกประสงค์ที่ใช้งานในเมือง ที่จะสามารถตอบโจทย์ได้ดีสำหรับครอบครัวยุคใหม่ในวันนี้

 

 

           หรือว่าถ้าไม่แน่ใจ ควรลอง และสัมผัสตัวจริง รวมถึงไปลองขับจริงได้ที่ โชว์รูม MG ทุกสาขาในประเทศ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีมากถึง 127 สาขา ที่สามารถรองรับได้อย่างเต็มที่ แล้วจะรู้ว่า MG ZS 2020 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ตัวใหม่ที่มากับฟังช์ชั่น และอุปกรณ์ต่างๆที่อัดแน่น กับขุมพลังที่พอตัว กับชุดเกียร์ CVT 8 สปีด ตัวใหม่นี้ จะเพียงพอสำหรับรถครอบครัวขนาดเล็กได้หรือไม่ จะตอบโจทย์รถครอบครัวที่คุณตามหาอยู่หรือไม่ กับรถในราคาที่เกิน 8 แสนบาท 

 

 

MG ZS 2020 มีราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แบ่งตามรุ่นย่อย ดังนี้

  • รุ่น C+  ทีราคาอยู่ที่   689,000 บาท
  • รุ่น D+   ทีราคาอยู่ที่  739,000 บาท
  • รุ่น X+  ทีราคาอยู่ที่   799,000 บาท
รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook