เขียนโดย: D wisanuporn

เมื่อ: 29 มีนาคม 2563 - 16:54

Mazda CX-30 Compact SUV ลองสมรรมถนะรถยนต์ที่เข้ามาเติมเต็มในตระกูล CX ใหม่

         หลังจากเปิดค่อนข้างเป็นทางการ กับ All New Mazda CX-30  ณ โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายพร้อมกันหลายแห่งในประเทศ ไปเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ทางบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดกิจกรรมทดลองสมรรถนะของรถรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล CX โดยการทดลองขับในครั้งนี้ ใช้เส้นทางจากจังหวัดพิษณุโลก ไปจบที่จังหวัดขอนแก่น ระยะทางมากกว่า 300 กิโลเมตร โดยงานนี้ทีมงาน BoxzaRacing ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมทดลองขับในครั้งนี้เช่นเคย

 

 

         และสำหรับการทดลองขับครั้งนี้ ทีมงานได้ทดลองขับ Mazda CX-30 ในรุ่น SP ซึ่งเป็น Top Line ของรุ่น ซึ่งตลอดเส้นทางในการทดลองขับ ทีมงาน Boxzaracing มีโอกาสเป็นทั้งผู้ขับ และผู้โดยสาร ในทุกตำแหน่ง โดยผลที่ได้นั้น ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของ ประสิทธิภาพของช่วงล่าง สมรรถนะของเครื่องยนต์ หรือระบบความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องความรู้สึกต่อการใช้งานจริงๆ ซึ่ง Mazda CX-30 ปี 2020 ได้สร้างสัมผัสใหม่ให้กับการขับครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่เป็นรถรูปแบบ Compact SUV ซึ่งทาง Mazda เองยังไม่มีรถประเภทนี้อยู่ ถึงแม้ว่าจะมี Mazda CX-3 แต่สมรรถนะยังไม่ถึงรุ่นนี้ จึงถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับ Mazda และกลุ่มที่เข้าร่วมทดลอง

 

ชุดไฟ LED ใหม่ ที่รวมไว้ในจุดเดียวกัน

 

 

         หลังจากที่ทดลองขับในครั้งนี้ สามารถบอกได้ว่า  Mazda CX-30 มีความใหม่แต่คุ้นเคย เพราะสิ่งแรกที่ได้สัมผัส คือ เรื่องของดีไซน์ ตัวรถมีการออกแบบตามสไตล์ KODO Design แม้จะเป็นภาพลักษณ์ใหม่ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจากรุ่นก่อน ซึ่งดูเรียบง่ายขึ้น ชัดเจนมากขึ้น หลายส่วนถูกลด ตัดทอนออกไป ทว่าสิ่งนี้ กลับให้ความรู้สึกคุ้นเคย ไม่แปลกตาเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้ากับชุดไฟ LED ใหม่ ที่รวมไว้ในจุดเดียวกัน ด้านข้างตัดเส้นสันออก ทำให้เกิดความไหลลื่น แม้จะมีบางส่วนที่ดูติดขัด แต่ไร้ซึ่งความกระด้าง เช่นเดียวกับส่วนท้ายที่พยายามทำให้กลมกลืนเป็นชิ้นเดียวกันระหว่างกันชน ฝาปิดท้าย และชุดไฟท้ายออกแบบ เป็นทรงกระบอก หรือเป็นแบบ Signatue อันมีลักษณะพิเศษ

 

อุปกรณ์ภายใน ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น เน้นผู้ขับเป็นศูนย์กลางการควบคุม

 

 

          องค์ประกอบอื่นๆ อย่างการจัดวางตำแหน่งของชิ้นส่วน อุปกรณ์ภายใน ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น เน้นผู้ขับเป็นศูนย์กลางการควบคุม ซึ่งเป็นลักษณ์พิเศษที่ทาง Mazda เน้นย้ำให้มีในรถรุ่นใหม่ๆ ลดความซับซ้อนในการสั่งการระบบ แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่น หรือสั่งการทำงานระบบต่างๆ นั้น สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ส่วนรายละเอียดเล็กน้อยที่ให้ความรู้สึกขัดต่อการใช้งานถูกปรับปรุงใหม่ลงตัวมากขึ้น ส่วนพื้นที่ในควบคุมอย่างที่นั่งคนขับ สามารถปรับได้ค่อนข้างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่มีให้ครบทั้งปุ่มกดขนาดพอเหมาะกับวงแขน ส่งให้การควบคุมเป็นไปอย่างเหมาะสม เบาะนั่งปรับได้ละเอียดลงตัวเกือบกับทุกสรีระ สวิทช์ควบคุมบริเวณคอนโซล และคอนโซลพาแนล ใช้งานได้แบบไม่ติดขัด ห้องโดยสารตอนหลังมีความพอดีกับรูปร่างปกติคนเอเซีย แต่หากตัวใหญ่หรือสูงมากจะรู้สึกอึดอัดมาก  แต่ทั้งนี้ก็อาจลดความตึงเครียดในขณะเป็นผู้โดยสารได้บ้างจากความบันเทิงที่ได้จากชุดเครื่องเสียง BOSE ส่งผลให้การขับรถเป็นเรื่องสนุก และผ่อนคลายไปในเวลาเดียวกัน

 

เครื่องยนต์ Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร ปรับแต่งเล็กน้อย

 

           เรื่องสมรรถนะอาจไม่รู้สึกพิเศษมาก เพราะเป็นเครื่องยนต์ที่อยู่ใน Mazda 3 โดยเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร (1,998 ซีซี.) พร้อมเทคโนโลยี Skyactiv-G แต่มีกำลังสูงขึ้นกว่าเดิมจากรุ่นก่อนเป็น 165 แรงม้า ที่รอบเครื่อง 6,000 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดสูงถึง 213 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที เท่ากัน จุดเด่นของเครื่องตัวนี้ อยู่ที่เรื่องของกำลังซึ่งได้มาจากการปรับเปลี่ยนลูกสูบให้เป็นแบบหัวนูนใหม่ รวมถึงแหวนลูกสูบที่ขยับตำแหน่งให้เหมาะสม ส่งผลให้กำลังอัดดีกว่า นอกจากนี้ยังปรับระบบการจ่ายเชื้อเพลิงให้แตกต่างจาก Mazda 3 รวมถึงระบบควบคุมน้ำหล่อเย็น และระบบจัดการไอเสียก็ปรับตามให้ดีขึ้นเช่นกัน

 

 

          ระบบส่งกำลังมาพร้อมกับเครื่องตัวนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม โดยเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบ Skyactiv-Drive ทำงานผ่านระบบ Activematic Mode ซึ่งผลจากการทดลองขับ สิ่งแรกที่ได้รับเป็นเรื่องของอัตราเร่งแซง การตอบสนองของเกียร์อยู่ในขั้นที่ตอบสนองได้เร็ว แต่น้อยว่า Mazda 3 ทั้งการใช้ Sport Paddle Shift หรือให้ระบบจัดการแบบเปลี่ยนเกียร์เอง ส่วนหนึ่งมาจากน้ำหนักและรูปลักษณ์ของรถ

          ระบบช่วงล่างกึ่งอิสระทอร์ชั่นบีมที่ด้านหลัง ไม่เหมือนกับหลายๆ แบรนด์ในตลาด นับเป็นการนำระบบช่วงล่างแบบดั้งเดิมกลับมาพัฒนาไปพร้อมกับโครงสร้างตัวถังใหม่ แน่นอนว่าแตกต่างจาก Mazda 3 เพราะจุดยึดแตกต่างกัน การปรับจูนก็แตกต่างกัน ขนาดชิ้นส่วนถูกทำให้เล็กลง น้ำหนักเบาลง แต่ยังให้ความแข็งแรง ถือเป็นจุดเด่นของทาง Mazda ในเรื่องนี้ ผลที่ได้คือ การทรงตัวที่ค่อนข้างดี ทั้งทางตรง ทางโค้งมีความเสถียรเกินคาด หากควบคุมความเร็วและการใช้พวงมาลัยให้สอดคล้องกันแล้ว ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพให้สูงขึ้นไปอีก แม้ว่าจะมี GVC Plus (G-Vectoring Control Plus ) ซึ่งเป็นการทำงานประสานกันอย่างลงตัวของทั้ง พวงมาลัย ช่วงล่าง เบรก แล้วก็ตาม ซึ่งทั้งหมดถูกรวมอยู่ในระบบช่วยเหลือที่ว่านี้ ดูแล้วช่วงล่างแบบดั้งเดิมที่ว่านี้ ก็ยังเหมาะสมกับยุคสมัยที่เน้นความล้ำไม่น้อย ซึ่งผลจากการขับในโค้งตลอดการวิ่ง การเบรกก่อนเข้าโค้ง การรักษาความเร็วอยู่ในโค้ง และพุ่งออกจากโค้งมีความเสถียรที่ดีทีเดียว  

 

 

          ส่วนระบบความปลอดภัย ใน Mazda CX-30 ใหม่นี้ แน่นอนว่าเป็นแบบเชิงป้องกันหรือ i-Activesense และยังถือว่ามีมากสุดในรถระดับเดียวกัน เพราะใส่มากให้มากถึง 12 รายการ ส่วนสิ่งที่ใช้ในการทดลองประสิทธิเรื่องความปลอดภัยที่เห็นชัดที่สุด คือ การเบรก ด้วยดิสก์เบรกสี่ล้อ พร้อมระบบช่วยเบรกแบบ Advance SBS (Advance Smart Brake Support) ต้องบอกว่าในยุคที่มีการแข่งขันในเรื่องของเทคโนโลยี ความปลอดภัยจะเป็นตัวสำคัญในการชี้วัดประสิทธิภาพมากกว่าสมรรถนะความเร็ว หรือความแรงของเครื่องยนต์เสียอีก จากการทดลองขับครั้งนี้ มีเส้นทางให้ได้ทดลองประสิทธิภาพของเบรกในหลายรูปแบบ ตั้งแต่ชะลอเบรก เบรกลึก ไปจนถึงขนาดกระแทกเบรกแบบกะทันหัน ระบบช่วยเหลือมีการตอบสนองได้รวดเร็วเช่นเดิม 

 

 

          เช่นเคยกับการสรุปผลจากการทดลองขับในครั้งนี้ ไม่ได้อ้างอิงจากผลรวมของผู้ร่วมทดลองขับทั้งหมด แต่มาจากการขับจริง นั่งจริง ในสถานะการณ์จริงบนท้องถนน นั่นหมายถึง การใช้รถในแบบที่แตกต่างกันตามสภาพจราจร แม้เส้นทางจะออกไปทางไฮเวย์เป็นส่วนใหญ่ ซี่งอย่างที่เคยพูดอยู่เสมอไม่ว่าความเร็ว อัตราสิ้นเปลือง หรือสิ่งที่สะท้อนกลับมายังผู้ขับย่อมแตกต่างกันไป แม้จะขับรถคันเดียวกันก็ตาม ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้ เราทีมงานพูดบ่อยครั้ง เพราะฉะนั้นผลสรุปย่อมแตกต่างกัน การที่ทีมงาน Boxzaracing ทดลองขับ ทดลองนั่ง แล้วนำกลับมาถ่ายทอดนั้น เป็นเพียงความเห็นส่วนหนึ่งในเรื่องของประสิทธิภาพ และสมรรถนะ รวมถึงเรื่องของดีไซน์ เทคโนโลยีของรถที่ได้สัมผัสเท่านั้น ไม่ได้สรุปว่ารถจะดี หรือด้อยอย่างไร และส่วนท่านที่สนใจสามารถทดลองขับด้วยตัวเองได้ที่ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Mazda ทั่วประเทศ 

 

Mazda CX-30 รุ่น 2.0 C ราคา 989,000 บาท 

Mazda CX-30 รุ่น 2.0 S ราคา 1,099,000 บาท 

Mazda CX-30 รุ่น 2.0 SP ราคา 1,199,000 บาท

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook