เขียนโดย: D wisanuporn

เมื่อ: 12 มีนาคม 2563 - 17:44

Nissan Go Anywhere ลุยมาเลเซีย ระยะทางรวมกว่า 2,000 กิโลเมตร ไปพร้อมยนตกรรมคุณภาพ

         เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดกิจกรรม Go Anywhere ไปกับรถยนต์ Nissan โดยในครั้งนี้ได้ใช้เส้นทางจากประเทศไทย ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มาเลเซีย กับระยะทางรวมกว่า 2,000 กม. ตลอดกิจกรรม งานนี้ทีมงาน BoxzaRacing ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เช่นเคย

 

 

          สำหรับกิจกรรมแบ่งเป็นสามวัน มีรถในการเดินทางทั้งหมด 3 รุ่น 3 แบบ ได้แก่ Nissan Navara, Terra และ X Trail  โดยเส้นทางการขับ เริ่มจาก อำเภอหาดใหญ่ ผ่านด่านชายแดนไทย ไปยังชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่ด่านสะเดา ก่อนเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งหลังจากนั้นเดินทางต่อเข้าสู่ รัฐเกอดะฮ์ (Kedah) ประเทศมาเลเซีย ก่อนเดินทางไปยังภูเขาเจไร (Mount Jerai) แวะชม ปราสาทเคลลี (Kellie's Castle) และกรุงกัวลาลัมเปอร์ ก่อนสิ้นสุดที่ ศูนย์ราชการ เมืองปุตราจายา (Putrajaya) ที่ยิ่งใหญ่ของมาเลเซีย ซึ่งเป็นเมืองหลวงปัจุบัน ซึ่งแต่เดิมเป็น กรุงกัวลาลัมเปอร์

 

 

         โดยวันแรกกับ Nissan Navara รถกระบะรุ่นเดียวของ Nissan ที่ต้องยอมรับว่ามีเทคโนโลยีอัดแน่นเกินกว่าคำว่ารถกระบะไปมากทีเดียว แม้จะเป็นรถกระบะแต่ก็สามารถใช้เดินทางไปยังที่ต่างๆ ได้ด้วยความสะดวกสบาย Nissan Navara นี้ยังมีรูปลักษณ์อันให้ความรู้สึกแข็งแกร่งทว่าลงตัว อีกทั้งเรื่องของอรรถะประโยชน์ที่มีให้ครบทุกฟังก์ชั่น รวมไปถึงเทคโนโลยีที่หลายคนอาจคาดไม่ถึงสำหรับรถกระบะแบบนี้ ทำให้งานนี้ไม่รู้สึกถึงความลำบาก เมื่อต้องวิ่งเขาเมือง Alor Setar ที่มีถนนค่อนข้างแคบ

 

 

         ก่อนเข้าสู่ช่วงท้ายของวันแรกก่อนเข้าที่พักซึ่งต้องขึ้นไปที่ Mount Jerai ซึ่งเดิมเป็น Kedah Peak เป็นภูเขาใน Kedah ประเทศมาเลเซียมีความสูง 3,854 ฟุต ในจุดนี้สามารถ มองเห็นช่องแคบมะละกาได้ชัดเจน ภูเขาของ Kedah ตั้งอยู่ที่ชายแดนของ Kuala Muda และ Yan ลักษณะภูเขาเป็นหินปูนขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมา เป็นลักษณะเฉพาะจากภูมิศาสตร์โดยรอบของพื้นที่ ซึ่งต้องบอกว่าเส้นทางขึ้นและลง ทั้งแคบและคตเคี้ยว และที่สำคัญมีความชันสูงทีเดียว ซึ่งช่วงนี้ที่ทำให้เห็นถึงสมรรถนะและความคล่องตัว ซึ่งดูแล้วตรงข้ามกับรูปลักษณ์ของ Nissan Navara

         กำลังของเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร คอมมอนเรล 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VGS เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลัง 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 403 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ทำงานรวมกับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด อีกทั้งเทคโนโลยีภายใต้โครงสร้างเพิ่มระยะต่ำสุดของรถจากพื้นถนน (Ground Clearance) รวมถึงระบบกันสะเทือนแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโครง ส่วนหลังแบบแหนบซ้อนพร้อมช็อคอับ เกาะถนนดีเกินคาด โดยเฉพาะช่วงโค้งแคบสลับ ก็นับว่าเป็นรถกระบะที่ให้ความสะดวกสบายเกินตัวแม้จะขับมาเป็นเวลานาน ห้องโดยสารใหญ่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Nissan

 

 

         ต่อในวันที่สองกับเส้นทางกึ่งออฟโรด ไม่ถึงกับต้องลากถูกกัน ซึ่งเส้นทางในวันที่สองเปลี่ยนมาใช้ Nissan X Trail กับการเดินทางไปแวะชมสถาปัตยกรรมที่สร้างไม่เสร็จอย่าง ปราสาทเคลลี (Kellie's Castle) ก่อนมุ่งหน้าเข้าสู่ พื้นที่ในเขตป่าเล็กน้อยในช่วงครึ่งวัน แม้จะไม่ถึงกับ ลึก ดิบ มาก แต่งานนี้ก็ได้สัมผัสกับสมรรถนะของรถในแบบที่วันปกติไม่ได้ใช้กันบ่อยๆ งานนี้ทำให้เห็นว่า Nissan X Trail  สามารถใช้งานได้จริง แม้ในสภาพออฟโรดที่เต็มไป ทราย และโคลนในบางจุด เทคโนโลยีอัจฉริยะของ Nissan อย่าง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System -TCS) ช่วยควบคุมการหมุนของล้อ เมื่อพบอาการล้อหมุน และยังเสริมด้วยมาตรวัดการขับขี่บนทางออฟโรด (Off-road Meter) ที่ช่วยแสดงข้อมูลการขับขี่ที่สำคัญรวมถึงมุมเอียงต่างๆ

 

 

         ในขณะขับขี่แบบออฟโรดสามารถผ่านเส้นทางที่มีอุปสรรคไปได้ไม่ยาก ซึ่งต้องยอมรับว่าฟังก์ชันการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนขณะขับ หรือ shift-on-the-fly ช่วยให้สามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจากสองล้อ (2H) เป็นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4H) แน่นอนว่าเพิ่มการเดินทางให้ปลอดภัยยิ่งขึ้นในสภาพถนนที่มีความลื่นไถล นอกจากนี้ในโหมดการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อที่ความเร็วต่ำ (4LO) ได้ช่วยเสริมกำลังต้องวิ่งบนทรายหรือโคลนที่ลึก ขณะเดินทางข้ามแหล่งน้ำ การขับขึ้นโขดหิน รวมถึงขึ้นและลงจากเนินสูงต่างๆ ก็ทำได้ดีไม่น้อย

 

 

          วันสุดท้ายกับเส้นทางปกติในเมืองสลับไฮเวย์ กับ Nissan Terra รถ PPV ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่ค่อนข้างครอบคลุม แม้ว่าพื้นที่และถนนหนทางจะดูขับแคบบ้างในบ้างช่วง รวมถึงความคับคั่งของการจราจร นในช่วงเวลาเร่งด่วนในเมือง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ก่อนไปสิ้นสุดการเดินทางที่ ศูนย์ราชการ เมืองปุตราจายา (Putrajaya) ที่ยิ่งใหญ่ของมาเลเซีย ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำเพื่อการขับขี่ในอนาคต หรือ Nissan intelligent Mobility ซึ่ง Nissan มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและเพื่อพลังขับเคลื่อนที่ล้ำสมัย Nissan Terra ไม่เพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้เท่านั้น แต่เพื่อยกระดับมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ที่ปลอดภัยสูงสุดทุกการขับ และพลังขับเคลื่อนล้ำสมัยในสังคมที่ยั่งยืนอีกด้วย

 

 

         และด้วยความโดดเด่นของ Nissan Terra รถ PPV คุณภาพ ที่มาพร้อมห้องโดยสารที่รับการออกแบบให้กว้างขวาง สะดวกสบายระดับพรีเมียม ระบบควบคุมอุณหภูมิแยกโซนอัตโนมัติ และระบบปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลังเพื่อความเย็นสบายสำหรับทุกคนในทุกที่นั่ง พร้อมระบบความบันเทิงด้วยจอมอนิเตอร์ ขนาด 11 นิ้ว สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง Nissan Terra มาพร้อมการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล Direct Injections ขนาด 2.3 ลิตร (2,298 ซีซี) เทอร์โบคู่ แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาทีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานที่หลากแล้ว

 

 

          ตลอดระยะเวลาสามวันในการเดินทางวันจากประเทศไทย ไปมาเลเซีย กับรถยนต์ Nissan ทั้ง 3 รุ่น ภายใต้กิจกรรม Go Anywhere สามารถบอกได้ว่าเลย ได้ใช้รถกับเกือบครบทุกรูปแบบจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งในเมืองที่การจราจรคับคั่ง เส้นทางไฮเวย์ที่วิ่งกันตรงๆ ยาวๆ หรือแม้แต่เส้นทางออฟโรด และแน่นอนว่ารถยนต์ Nissan ก็สามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้ครบทุกเส้นทางจริงๆ โดยในแต่ละรุ่น ต่างก็มีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ดีไซน์ ภายนอก ส่วนภายในที่เป็นเอกลักษณ์ ในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยก็ยังตอบสนองความต้องการได้เต็มที่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเลือกใช้รุ่นไหน ซึ่ง Nissan เองก็มีรถยนต์รองรับในทุก Segment ไม่ได้มีแค่ 3 รุ่นนี้เท่านั้น สำหรับท่านที่สนใจรถยนต์ Nissan สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nissan.co.th หรือติดตามข่าวสาร ใน BoxzaRacing แห่งนี้  

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook