เขียนโดย: D wisanuporn

เมื่อ: 1 พฤศจิกายน 2562 - 20:54

MG Extender ทดลองสมรรถนะ กระบะพันธ์ยักษ์บนเส้นทางภาคใต้

          หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปก่อนหน้านี้ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดกิจกรรมทดลองขับรถ กระบะพันธ์ุยักษ์ MG Extender โดยงานนี้ทีมงาน Boxzaracing ได้รับเกียรติ ให้เข้าร่วมทดลองขับในครั้งนี้ โดยเส้นทางที่ใช้ในการทดลองสมรรถนะนี้ ลงไปวิ่งกันที่จังหวัดภูเก็ต มุ่งหน้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีการขับในหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการขับในรูปแบบ Eco Run และก่อนที่จะไปดูว่าการทดลองขับในครั้งนี้เป็นอย่างไร ดีหรือด้อยเช่นไร มาดูรายละเอียดของตัวรถกันซักเล็กน้อยสำหรับรถกระบะพันธ์ยักษ์ของ MG รุ่นใหม่นี้

 

 

          สำหรับ MG Extender เป็นรถที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด Brit Dynamic โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ขนาดเรือนร่างที่ใหญ่สมกับสโลแกน กระบะพันธ์ุยักษ์ ขนาดโดยรวมอยู่ที่ 1,900 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นส่วนของความกว้าง ขณะที่ความยาวนั้นมากถึง 5,365 มิลลิเมตร และสูง 1,850 มิลลิเมตร ในรุ่น Double Cab Grand 4WD X 6AT หรือรุ่นขับ 4 สูงกว่ารุ่น ขับ 2 อยู่ 30 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรถกระบะหลายแบรนด์ในตลาด ถือว่ามีขนาดที่ใหญ่ไม่น้อย และส่วนประกอบอื่นๆ ที่ทำให้รถรุ่นนี้มีความโดดเด่นยังมีหลายจุดด้วยกัน ตั้งแต่ชุดไฟหน้าแบบ LED โปรเจคเตอร์ แถมด้วยระบบควบคุมการเปิด ปิด ไฟหน้าแบบอัตโนมัติ พร้อมไฟหน้าปรับเลี้ยวตามองศาพวงมาลัยอัตโนมัติ ซึ่งดูเข้ากันได้ดีกับชุดกระจังหน้าขนาดใหญ่แบบฉบับของ MG รุ่นใหม่ ที่มีรูปแบบคล้ายกันในหลายรุ่น ด้านข้างตั้งแต่ซุ้มล้ออวบใหญ่ลงตัวกับด้านข้างเป็นแนวเดียวกันตั้งแต่ประตูหน้า ด้านข้างกระบะ ดูแล้วไม่ขัดตา รวมถึงฝาปิดท้ายที่ออกแบบมาเป็นชุดกับกันชนท้านขนาดไม่เทอะทะ โดยรวมถือว่าดูดีไม่น้อยทีเดียวสำหรับ MG Extender

 

 

          ภายในมีการจัดวางตำแหน่งของสวิทช์ที่ค่อนข้างลงตัว แต่จะมีบ้างที่ให้ความรู้สึกคัดต่อการใช้งาน แต่ยังสามารถใช้งานได้ไม่ยาก พร้อมด้วยการหุ้มวัสดุนุ่มในบางจุด โดยรวมนับว่าทำได้ดี คอนโซลหน้าออกแบบได้คล้ายคลึงกับรถประเภท SUV เบาะที่นั่งขนาดใหญ่ปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางเฉพาะฝั่งคนขับ แม้จะนั่งสบาย แต่ก็ทำให้คนขับ หรือผู้โดยสารที่ขนาดตัวเล็กขยับเลื่อนตัวได้ไม่ยาก ส่วนพื้นตอนหลังกว้างสมกับที่ทางค่าย MG กล่าวไว้ สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่ จะนั่งโดยสารหรือเก็บสัมภาระบางชนิดก็ทำได้ไม่ติดขัด แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับรถประเภท SUV ในค่ายเดียวกัน เรื่องของเสียงลมที่รอดเข้ามาในห้องโดยสาร ถือว่าทำได้ดีทีเดียว นั่นเป็นเพราะการออกแบบฉนวนกันเสียงมากถึง 9 จุด

 

 

          และสิิ่งที่ถือเป็นจุดเด่นอีกอย่าง และถูกใช้ในหลายรุ่นสำหรับค่าย MG คือการเชื่อมต่อ i-Smart ที่สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น เชื่อมต่อได้เร็วขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงแรกๆ ที่เปิดตัวระบบนี้ อีกจุดเด่นคือเรื่องความปลอดภัย ซึ่ง MG Extender ได้รับการรับรองระดับ 5 ดาว จาก A-NCAP (Australasian New Car Assessment Program) ในปี 2018

 

 

          เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอลเรล เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร (1,996 ซีซี.) ให้กำลังในการใช้งานได้ดีพอสมควร ด้วยกำลัง 161 แรงม้า และแรงบิด 375 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 1,500 -2,400 รอบ ถึงจะไม่โดดเด่นเรื่องของกำลังเมื่อเทียบกับขนาดตัว แต่ก็มีเทคโนโลยีอันแตกต่างเข้ามาทดแทน ซึ่งเครื่องยนต์ที่อยู่ใต้ฝากระโปรงนี้มีการออกแบบให้ข้อเหวี่ยงเยื่องศูนย์ ข้อดีน่าจะอยู่ที่เรื่องการลดโหลดจากชิ้นส่วนอย่างลูกสูบ และก้านสูบ ในขณะทำงานนั่นเอง นอกจากนี้ยังได้ความเสถียรมากขึ้นในรอบสูง อีกส่วนสำคัญของเครื่องยนต์ตัวนี้คือ Continuously Variable Vortex Intake Valve หรือเทคโนโลยีการควบคุมไอดีแบบแปรผันที่ฝาสูบ ตรงส่วนของช่องพอร์ตไอดีที่มีวาล์วเปิด ปิดตามจังหวะของเครื่องยนต์

          ระบบช่วงล่างแบบ European Tuning Suspension ด้านหน้าเป็นแบบ อิสระปีกนกคู่ ส่วนด้านหลังเป็นแบบแหนบซ้อน ทำงานประสานกับช็อคอับ Sachs และด้วยการออกแบบการจัดเรียงแผ่นแหนบหลัก และแผ่นเสริมให้ทำงานประสานกัน ซึ่งส่วนนี้เสมือนกับว่าช่วงล่างด้านหลังสามารถปรับเปลี่ยนได้เอง

 

Test Drive

         ส่วนการทดลองขับนั้น อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่ามีรูปแบบการขับที่หลากหลาย โดยใช้เส้นทางในเมืองที่จราจรค่อนข้างคับคั่ง ถนนที่แคบ บวกกับวิถีในการใช้ถนนของคนท้องถิ่น เนื่องจากขนาดของตัวรถที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้ต้องปรับตัวกับพอสมควร แต่ในส่วนของการวิ่งทางไกลกลับทำใด้ดีไม่น้อย ก็ด้วยขนาด และความสูงของตัวรถที่ทำให้มุมมองในการขับดีในระดับที่ปลอดภัย เสียงรบกวนเข้ามาในห้องโดยสารพอให้ได้ยินแต่ไม่มากหากใช้ความเร็วมากขึ้น พละกำลังของเครื่องยนต์ก็มีให้ใช้งานได้ตามที่ต้องการ แม้จะไม่โดดเด่นมากนัก แต่ก็ยังให้ความปลอดภัยไม่น้อยเมื่องต้องการเร่งแซงในช่วงสั้นๆ แม้ว่าจะเป็นเกียร์อัตโนมัติก็ตาม ส่วนการทดลองสมรรถนะในเรื่องความเร็วนั้น ทำได้ไม่เต็มที่นัก เหตุเพราะเส้นทางที่ใช้วิ่งผ่านมีฝนตกหนัก แต่ก็ทำให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการยึดเกาะได้ชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่วิ่งผ่านน้ำขังบนพื้นถนน ตัวรถมีอาการเซให้สัมผัสได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น  

 

 

          และหากให้ลงลึกไปอีกนิดกับระบบช่วงล่างของ MG Extender ที่ได้ถูกปรับแต่งเผื่อไว้สำหรับบรรทุกสัมภาระที่มีน้ำหนักประมาณ 200-300 กิโลกรัมนั้นดูจะค่อนข้างลงตัวไม่น้อย และชัดเจนมากขึ้นมีโหลดเพิ่มในการบรรทุกจริง เพราะทำให้อาการของระบบช่วงล่างเปลี่ยนไป ตรงกันข้ามเมื่อวิ่งด้วยตัวเปล่าออกจะทำให้กระด้างไปซักหน่อย แต่สิ่งที่ได้มาแบบไม่คาดคิดคือการทรงตัวอยู่ในขั้นที่ดี ไม่ยวบย้วยเกินการควบคุม เป็นผลมาจากช็อคอับ Sachs ซึ่งผลที่ได้มานี้มาจากการวิ่งในเส้นทางอันคดเคี้ยว มีโค้งกว้าง โค้งแคบให้หมุนพวงมาลัยในระยะทางกว่า 20 กิโลเมตรติดต่อกัน

 

          ในช่วงที่ทดลองวิ่ง Eco Run นั้นใช้ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ต้องพบกับอุปสรรคเล็กน้อยเมื่อเส้นทางที่วิ่งนั้น มีฝนตกหนักในช่วงหนึ่ง ทำให้การควบคุมความเร็วค่อนข้างลำบาก อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่า มีบางช่วงที่มีน้ำขัง โดยการวิ่งทดลองความประหยัดนี้ได้ตัวเลขเป็นที่น่าพอใจ ไม่ถึงกับโดดเด่นแต่รับได้

         โดยรวมแล้วเป็นรถที่ให้อรรถประโยชน์ได้ครบทุกการใช้งาน ทั้งความสะดวกสบายก็ยังมีให้ไม่ขาด สมรรถนะของตัวรถโดยเฉพาะช่วงล่างทำได้ดีไม่แพ้รุ่นอื่นหากเทียบกับประสบการณ์ในการทำรถของ MG โดยเฉพาะกับรถกระบะที่เป็นรุ่นแรก ส่วนรายละเอียดปลียย่อยก็มีความแตกต่างกันออกไปตามแต่สไตล์การขับของแต่ละคน ซึ่งผลที่ได้นี้เป็นการทดลองขับในสไตล์ของ Boxzaracing ที่ไม่ได้เน้นการเค้นสมรรถนะเกินไป แต่มุ่งเน้นไปทางการใช้งานจริงในสภาวะจริงบนท้องถนนเป็นหลัก 

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook