เขียนโดย: AEFOTO

เมื่อ: 12 กันยายน 2562 - 18:18

MG ZS EV SUV ขุมพลังไฟฟ้า 100% อัดแน่นด้วยฟังก์ชั่น อัตราเร่งแรงสุดขีด เร้าใจแบบสุดๆ

 

          ในปัจุบันกระแสรถพลังงานไฟฟ้านั้นเริ่มได้รับความนิยมกันมากขึ้นในเมืองไทย ส่วนในต่างประเทศนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง โดยเฉพาะในยุโรป นั้นกระแสรถไฟฟ้าถือว่าบูมสุดขีด เพราะทั้งทางรัฐบาล ร่วมถึงภาคเอกชนต่างๆ ก็ให้ความร่วมมือกันอย่างจริงใจ กลับมาที่บ้านเราอย่างที่บอกไปว่ากระแสรถพลังงานทางเลือกใหม่อย่างรถพลังงานไฟฟ้านั้น กำลังเริ่มได้รับความสนในอย่างต่อเนื่อง เพราะจากบรรดาค่ายรถยนต์ในเมืองไทยหลากหลายค่ายเริ่มหันมาให้ความสนใจในตลาดรถไฟฟ้ากันมากขึ้น โดยเฉพาะแบนด์ MG รถสัญชาติอังกฤษ เชื้อชาติจีน ที่ในปันจุบันจัดว่าเป็นค่ายรถที่มาแรงแซงทางโค้งของวงการรถยนต์ในเมืองไทย เพราะทาง ค่าย MG นั้นได้เปิดตัวรถที่จะครอบคลุมไปทุกเซกเม้นท์ในตลาดไปหมดแล้ว ทั้งรถขนาดเล็ก ขนาดกลาง SUV ไล่ไปจนไปถึงรถตู้โดยสารขนาดใหญ่ และรถพลังงานไฟฟ้าก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย 

 

 

         MG ZS EV SUV ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % ได้ถูกเปิดตัวสู่ตลาดเมืองไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการยานยนต์ในเมืองไทยไปอย่างมาก ด้วยราคาค่าตัวที่ทาง MG เปิดมานั้นอยู่ในระดับที่ไม่แรงสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100 % โดยเปิดราคาที่อยู่ที่ 1,190,000 บาท ซึ่งถูกกว่าคู่แข่งในตลาดอยู่มาก โดยกระแสตอบรับของเจ้ารถพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของทางค่าย MG ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

 

 

          ซึ่งหลังจากการเปิดตัวไปหลายเดือน และเริ่มส่งมอบรถกันไปบ้างแล้ว ในที่สุดทีมงาน BoxzaRacing ได้รับเชิญจากทาง MG ให้เข้าร่วมทดสอบ MG ZS EV รถพลังงานไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพียวๆ โดยในครั้งนี้เป็นในรูปแบบ One Day Trip โดยใช้เส้นทางไป-กลับ กรุงเทพ-พัทยา ในระยะทางไป-กลับ 260 กม. ซึ่งโจทย์ในการทดสอบครั้งนี้จะได้ลองถึงสมรรถนะของ MG ZS EV ว่าเป็นรถพลังงานไฟฟ้าจะวิ่งสู้พลังที่ใช้น้ำมันได้หรือไม่อย่างไร ที่สำคัญจะได้ลองว่าในการชาร์จไฟแบบ 1 ครั้ง 100 % เต็ม นั้นจะสามารถวิ่งได้ขนาดไหน 

 

 

           ก่อนที่เราจะเริ่มดินทาง และทดสอบสมรรถนะของ MG ZS EV เรามาทำความรู้จักข้อมูลเบื่้องต้นของ MG ZS EV กันก่อนว่ามีรายละเอียดอะไรกันบ้าง MG ZS EV ยังคงถูกออกแบบในสไตล์ SUV ภายนอกโดดเด่นด้วยสีตัวถังแบบพิเศษ สีฟ้า Copenhagen Blue กระจังหน้าทันสมัยพร้อมการติดตั้งจุดชาร์จไว้บริเวณหลังกระจังหน้า

 

 

          ลงตัวด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว ที่ได้รับการออกแบบมาจากกังหันลมจากประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อสื่อให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ และเป็นธรรมชาติ 

 

 

           ภายในห้องโดยสารตกแต่งโทนสีดำ พร้อมการตกแต่งคอนโซลหน้า ด้วยวัสดุนุ่มแบบ Soft touch พวงมาลัยทรงสปอร์ตหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชั่น ที่สามารถควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานในรถที่เชื่อมกับหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว มาพร้อมกับระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลที่มาพร้อมระบบกรองอากาศที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 อีกทั้งยังมีห้องโดยสารที่กว้างสบาย และยังคงโดดเด่นด้วยหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ที่มีพื้นที่มากถึง 90 % ของพื้นที่หลังคาทั้งหมด

 

 

          MG ZS EV เป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% มีมอเตอร์ไฟฟ้า แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ได้รับการพัฒนาให้ส่งกำลังได้ดี และระบายความร้อนได้ดีด้วย โดยสามารถให้พลังกำลังขนาด 150 แรงม้า หรือ 110 กิโลวัตต์  มาพร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งจาก 0-50 กม./ชม. ได้ด้วยระยะเวลาแค่ 3.1 วินาที ส่วนแบตเตอรี่ ที่เป็นหัวใจหลักของเจ้า MG ZS EV เป็นแบตเตอรี่ แบบลิเธี่ยม ไอออน (Lithium-ion) ที่มีความจุ 44.5 kWh ที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวรถ ซึ่งเจ้าแบตเตอรี่ของ MG ZS EV รุ่นนี้ได้รับการป้องกัน และ Seal แบบ 360 องศา โดยสามารถวิ่งผ่านน้ำที่มีความสูงได้ถึงกว่า 40 เซนติเมตร ในขณะที่แบตเตอรี่ยังคงสามารถทำงานได้ตามปกติ รวมถึงมีระบบการจัดการอุณหภูมิอัจฉริยะที่ช่วยให้ระบบการทำงานต่างๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำและสูง และมีระบบระบบควบคุมแบบอิเล็กทรอนิกส์

 

 

          แบตเตอรี่แบบลิเธี่ยม ไอออน ของ MG ZS EV นั้นสามารถชาร์จไฟทั้งแบบ Normal Charge โดยใช้เวลาเพียง 6.5 ชั่วโมง โดยทาง MG เคลมไว้ว่าในการชาร์จ 1 ครั้ง จะสามารถวิ่งได้ 337 กิโลเมตร ซึ่งในครั้งนี้เราจะได้มาลองกันว่าจะสามารถวิ่งไปกลับ กรุงเทพ- พัทยา ได้มั้ยรวมถึงมีระบบชาร์จเร็วหรือ Quick Charge ที่สามารถชาร์จประจุได้ถึง  80% ในเวลาเพียง 30 นาที  

 

 

          ส่วนระบบความปลอดภัยนั้นในตัว MG ZS EV จัดเต็มไม่แพ้รถระดับหรูเลยที่เดียวไม่ว่าจะเป็น ระบบ Advanced Synchronized Protection System ทั้งโครงสร้างตัวถังนิรภัย (FSF), ระบบความปลอดภัย Synchronized Protection System ทั้งหมด 9 ระบบ และระบบเสริมความปลอดภัยในขณะขับขี่ Advanced Driver-Assistance Systems ได้แก่ ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist), ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning),ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning), ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist), ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist), ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection),ระบบเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

          พร้อมกันนี้ MG ZS EV ยังมีการติดตั้งไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) พร้อมระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ตลอดจนถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 จุด รวมถึงกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์

 

 

          ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ช่วงการทดสอบจริงนั้นทาง MG ได้สาธิตการชาร์จไฟจากด้วย Wall Box โดยการชาร์จไฟแต่ละครั้งต้องทำการปลดล๊อกที่ตัวรถก่อน แล้วเปิดส่วนของกระจังหน้ารถเพื่อเสียบเต้าชาร์จ ที่เป็นแบบ Type 2 เข้าไปที่ตัวรถ จากนั้นก็กดล๊อกรถที่รีโมทกุญแจต แล้วนำบัตร MG Home Charging Card ไปแตะที่ตัว Wall Box เครื่องถึงจะทำการชาร์จ

 

 

TestDrive

          หลังจากทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้า MG ZS EV พอประมาณ มาเข้าถึงโหมดทดสอบสมรรถนะของ MG ZS EV กับเลยแล้วกันครับ เริ่มจากทางที่ MG ให้วอร์มอัพเล็กๆกับ MG ZS EV ในสนาม MG Driving Experience Centre โดยให้ขับวนในสนามทดสอบ 2 รอบ

 

 

           เพื่อเป็นการวอร์มอัพก่อนที่จะไปลองขับบนถนนจริง โดยใช้เส้นทาง กรุงเทพ-พัทยา โดยได้ออกสตาร์ทจาก MG Driving Experience Centre ซึ่งในขณะนั้น พลังงานที่ชาร์จมานั้นเต็ม 100 % โดยสมาชิกในรถวันนี้ อักเต็มพิกัด 4 ท่าน โดยทางทีมงาน BoxzaRacing ออกสตาร์ทที่เบาะคู่หน้าเป็นเนวิเกเตอร์ก่อน ซึ่งสิ่งแรกที่สัมผัสได้จากที่เข้าไปบนตัวรถของ MG ZS EV ห้องโดยสารที่ยังคงกลิ่นอายมาจาก MG ZS ที่เป็นระบบเครื่องยนต์ หรือเรียกว่ายกมาทั้งชุด

 

 

          แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจะเป็นที่คอนโซลเกียร์ที่ปรับเปลี่ยนใหม่ จากเดิมที่เป็นคันเกียร์ เปลี่ยนมาเป็นแบบหมุน โดยเกียร์ Electronic Transmitter หรือเกียร์ไฟฟ้า เป็นแบบ Single Speed โดยจะมีเพียงเกียร์ R,N,D และ P เท่านั้น และถัดไปด้านบนจะเป็นปุ่มควบคุมการขับขี่ต่างๆ ภายในห้องโดยสารถูกหุ้มด้วยวัสดุแบบ Soft Touch โดยในเส้นทางช่วงแรกนั้น บนถนนอาจจะมีรถราที่มากสักหน่อยซึ่งเหลือบไปมองดูที่จอแสดงผลตรงการคอนโซลจะมีตัวเลขบอกถึงปริมาณแบตเตอรี่อยู่ 

 

 

          โดยในช่วงแรกนั้นพลังงานไม่ถึงกับลงไปมากด้วยไม่ค่อยมีถนนว่างๆให้เหยียบทำความเร็ว แต่หลังจากนั้นก็ถึงช่วงเวลาที่ทางทีมงาน BoxzaRacing ได้รับไม้ต่อขับเป็นพลัดที่ 2 ถนนเส้นมอเตอร์เวย์ ถือว่าช่วงนั้นค่อยข้างโล่ง จึงมีโอกาสได้ลองรสชาติของรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบเต็มๆ โดยในการขับช่วงนั้นได้เลือกโหมดในการขับขี่เป็นโหมด Normal ก่อน โดยเจ้า MG ZS EV นั้นสามารถเลือกโหมดขับขี่ได้ถึง 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่ Eco ที่เป็นโหมดขับแบบประหยัดพลังงาน โหมด Normal สำหรับในการขับขี่แบบทั่วไป และโหมด Sport สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเร้าใจ รวมถึงเจ้า MG ZS EV คันนี้ยังมีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) ที่เป็นโหมดชาร์จพลังงานกลับเข้าแบตเตอรี่ในระหว่างการขับขี่ ซึ่งสามารถเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ โดยในโหมด KERS นั้นผมลองปรับระดับไปที่ ระดับที่ 3 ก่อน เพราะเป็นระดับที่สามารถชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ได้มากที่สุด ทันทีที่บิดหมุนระบบเกียร์อยู่ใน D ตัวรถยังไม่มีการขยับ เพราะยังไม่ได้เหยียบไปที่คันเร่ง แต่พอเหยียบไปที่คันเร่งเท่านั้น ตัวรถพุ่งทะยานออกๆไปทันที แบบไม่ต้องรอรอบแต่อย่างใด ตัวรถพุ่งออกไปตามหนักน้ำเท้าที่เรากดไปบนคันเร่ง

 

 

           พอขับไปสักพักก็ปรับเปลี่ยนมาลองในโหมด Normal จากอาการหน่วงที่คันเร่งเล็กๆ ดูดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากถนนว่างมากขึ้น ก็ปรับมาเป็นโหมด Sport เพื่อลองสรรถนะแบบเต็มๆ ว่าจะเร้าใจขนาดไหน ซึ่งต้องบอกว่าจี๊ดจ๊าดจริงๆ กดคันเป็นพุ่ง เผลอแป๊ปเดียวมองไปที่มาตรวัดเข็มพุ่งไปแตะถึงระดับ 120  กม./ชม.อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงลองกดแบบเต็มๆว่าความเร็วสูงสุดที่ทำได้ของ MG ZS EV จะอยู่สักเท่าไหร่บนถนนมอเตอร์เวย์ แบบรถโล่งๆ ซึ่งเข็มความเร็วนั้นดันขึ้นไปแตะถึง 160 กม./ชม. เลยที่เดียว แต่ต้องบอกว่าแบตเตอรี่ก็ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกันตามน้ำหนักเท้าที่กดลงไป รวมถึงความเร็วของตัวรถ เรียกว่ายิ่งกดพลังงานยิ่งหายไปเรื่อยๆ หลังจากได้ลองในโหมดขับขี่ ส่วนในโหมด KERS ที่กล่าวไว้เบื้องต้นนั้น ที่ตั้งไว้ในระดับ 3 ต้องบอกว่าเวลาปล่อยคันเร่งนั้นตัวรถมีอาการหน่วง และดึงพอสมควร จะรู้สึกเหมือน Engine brake แบบแรงๆ แต่ถ้าปรับระดับลงมา การหน่วย และดึงจะลดลง แต่ก็ต้องเสียไปการพลังงานที่จะกลับเข้ามาในแบตเตอรี่ที่น้อยลง หลังจากที่ลองแบบ Top Speed กันแล้ว ก็ปรับมาเป็นโหมด Eco อีกรอบเพราะกลัวว่าจะไปไม่ถึงสถานที่ที่ตั้งเป้าเอาไว้ อีกทั้งได้มีระบบการแจ้งเตือนว่าให้หาที่ชาร์จ โดยหน้าจอนั้นได้แสดงจุดชาร์จที่อยู่ใกล้ที่สุดขึ้นมา 

 

 

          ซึ่งจุดหมายปลายทางของทริปนี้อยู่ที่ 7-Eleven ธาราพัทยา เพื่อที่จะดูสถานีชาร์จไฟ ของทาง EA ที่ตั้งอยู่ใน 7-Eleven สาขานี้ รวมถึงชาร์จไฟฟ้าเข้าตัว MG ZS EV ที่เราขับมา เพราะแบตเตอรี่ที่โชว์มา ณ ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 30 % หรือวิ่งอีกได้ประมาณ 80 กิโลเมตร ซึ่งน่าจะไม่เพียงพอในการเดินทางกลับเหตุก็มาจากการที่ได้ลองสมรรถะแบบเต็มที่ กดมาเต็มพิกัด จึงทำให้พลังงานลดหายลงไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

          โดยสถานีชาร์จพลังที่ 7-Eleven ธาราพัทยา เป็นตู้ชาร์จไฟฟ้าที่สามารถชาร์จได้ทั้ง แบบ DC และ AC อีกทั้งยังสามารถชาร์จพร้อมกันที่ละ 2 หัวจ่าย โดยในการชาร์จไฟในขากลับเข้า กทม. ครั้งนี้ ทาง MG ได้โชว์การชาร์จแบบชาร์จเร็ว หรือ Quick Charge ซึ่งหลังจากการชาร์จแบบ Quick Charge  ซึ่งใช้เวลาเพียง 30 นาที ก็เป็นอันเสร็จ โดยได้พลังงานกลับมาถึง 80% ซึ่งน่าจะเพียงพอที่จะใช้เดินทางกลับเข้า สู่กรุงเทพได้ ซึ่งช่วงสุดท้ายทางทีมงาน BoxzaRacing ได้ยึดครองเบาะหลังเพื่อลองดูว่าถ้าไมได้ขับ แล้วเป็นผู้โดยสาร ฟิลลิ่งในการนั่งจะเป็นอย่างไร ซึ่งการการทดสอบนั่งด้านหลังต้องบอกว่าเบาะนั่งด้านหลังความยาวของเบาะนั่งสั่นไปหน่อย แต่ได้ความกว้างของช่วงขาเข้ามาแทน ช่วงล่างด้านหลังนิ่ม และย้วยไปนิด ถ้าใครเป็นประเภทนั่งรถแล้วเมารถหรือน้ำในหูไม่เท่ากัน มีอาการมึนๆแน่ 

 

บทสรุป

          หลังจากที่ได้ลองขับเจ้า MG ZS EV รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียวๆคันแรกของทางค่าย MG นั้น ในภายรวมรูปลักษณืภายนอกต้องบอกว่าเป็นรถทรง SUV ที่ถูกออกแบบมาในรูปทรงที่สวย ดีไซน์โดดเด่นตั้งแต่แรกเห็น  ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพดีที่เป็นแบบ Soft Touch ส่วนในตัวเบาะนั่งในส่วนตัวคิดว่านิ่มไปหน่อย ส่วนระบบอินเตอร์เทนเม้นท์ต่างๆจัดเต็ม โดยเฉพาะ ระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART ที่รองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ยังคงติดตั้งมาให้ใน MG ZS EV  ระบบช่วงล่างนิ่ม ย้วยไปนิด ถ้าปรับเซ็ทให้แน่น และหนึบมากกว่านี้จะดีมาก ส่วนในพวงมาลัยนั้นเป็นอีกส่วนที่ต้องบอกว่าเยี่ยม มีความคม  และแม่นยำ รวมถึงน้ำหนักพวงมาลัยอยู่ในการเกณฑ์ที่ดี ควบคุมบังคับได้ง่าย ส่วนระบบเบรคนั้นจะเบาไปนิดนึง แต่ระยะเบรคนั้นหนึบใช้ได้ แต่ถ้าเป็นประเภทเท้าหนัก เผลอกดเบรคแรงๆ อาจมีหัวทิ่ม 

 

 

           ส่วนเรื่องแบตเตอรี่ในการเก็บประจุไฟนั้น จากที่ได้ลองขับ กรุงเทพ-พัทยา โดยขับแบบลองในย่านความเร็วสูง โดยใช้โหมด Sport รวมทั้งปรับระบบ KERS ให้อยู่ในระดับ 1 (ไม่ต้องการการหน่วงของตัวรถมาก) เจ้า MG ZS EV ไม่น่าจะไป-กลับ กรุงเทพ-พัทยาได้ คงต้องชาร์จไฟในช่วงขากลับ แต่ทาง MG เคลมไว้ว่าถ้าขับอยุ่ในช่วงความเร็ว 80 กม./ชม.ในโหมด Normal พร้อมกับปรับระบบ KERS ไปที่ระดับที่ 3 สามารถที่จะขับไปกลับกรุงเทพ-พัทยา ได้

 

 

           ซึ่งจริงๆแล้วเจ้า MG ZS EV นั้นเหมาะกับเป็นรถที่ใช้งานในเมืองมากกว่าเพราะในการขับขี่ในช่วงการจราจรติดขัดนั้น รถประเภทพลังงงานไฟฟ้าจะประหยัดพลังงานจริงๆ แต่ถ้าขับออกนอกเมืองยิ่งใช้ความเร็วมากขึ้นพลังงานก็ยิ่งหดหายไปตามช่วงควมเร็ว และการขับขี่ อีกทั้งถ้าต้องการเดินทางไกลก็ต้องศึกษา และวางแผนดูสถานีชาร์จพลังต่างๆว่าอยู่จุดไหน แต่ถ้าถามว่าคุ้มไหมกับรถพลังงานทางเลือกใหม่ที่เป็นแบบไฟฟ้า 100 % ไม่ต้องเติมน้ำมัน กับค่าตัวขนาด 1,190,000 บาท ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีล้ำสมัย บวกกับออฟชั่นที่ทาง MG จัดมาเต็มขนาด ต้องบอกว่าเป็นรถพลังงานไฟฟ้าอีกคันที่น่าสนใจมากเลยที่เดียว แล้วท่านจะรู้ว่ารถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าก็มีความเร้าใจแบบสุดๆเหมือนกัน

  • สำหรับราคาของ MG ZS EV จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,190,000 บาท 

พร้อมกันนี้ สำหรับลูกค้าที่จองรถวันนี้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2562 นี้จะได้รับข้อเสนอพิเศษ

  • ประกันแบตเตอรี่แบบไม่จำกัดระยะทาง ตลอดระยะเวลา 8 ปี
  • ฟรี! ชุดอุปกรณ์ชาร์จไฟในบ้าน หรือ MG Home Charger มูลค่า 45,000 บาท
  • ฟรี! ค่าติดตั้ง MG Home Charger มูลค่า 20,000 บาท
  • ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
  • ประกันคุณภาพรถยนต์ 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร
รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook