เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทีมงาน BoxzaRacing ได้นำเสนอข้อมูลของ MG HS ว่าที่ SUV รุ่นใหม่ของทางค่าย MG ล่าสุดทาง MG ได้เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์รวมถึงทางทีมงาน BoxzaRacing ไปร่วมงาน Media Sneak Preview โดยให้สัมผัสตัวจริงของ MG HS ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 25 กันยายน 2562 ที่จะถึงนี้
MG HS ถูกวางไว้ให้เป็น Sport Premium SUV โดยจะเข้ามาแทนที่ MG GS โดยชูจุดเด่น ในเรื่องการดีไซน์ที่เน้นความสวยงามทั้งภายนอก และภายใน, สมรรถนะของตัวรถ, รวมถึงฟีดเจอร์ที่เรียกว่าจัดเต็ม ขนทุกอย่างที่ทาง MG อัดอยู่ใน MG HS คันนี้
รูปลักษณ์ของ MG HS SUV ใหม่ล่าสุดของค่าย MG คันนี้ จะมีมิติตัวถัง ความยาวอยู่ที่ 4,574 มม. ความกว้าง 1,876 มม. และความสูง 1,664 มม. ส่วนระยะฐานล้อจะอยู่ที่ 2,720 มม. ซึ่ง MG HS จะมีขนาดมิติตัวถังที่ใหญากว่า MG GS ที่มีความยาว 4,500 มม. ความกว้าง 1,855 มม. ความสูง 1,699 มม. และระยะฐานล้อ 2,650 มม.
รูปลักษณ์ภายนอกเน้นการออกแบบให้ดูสปอร์ตหรูหรา มีเส้นสายที่โค้งมน เมื่อแสงตกกระทบจะสะท้อนความสวยงามออกมา โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้มีความหรูหรา ดูเหมือนดวงดาวรายล้อม Logo MG เอาไว้ โดยที่รับโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากกลุ่มดวงดาวที่สะท้อนแสงอยู่บนฟากฟ้า, ฝากระโปรงหน้าดีไซน์ให้สโลปลง เพื่อให้ลู่ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์
ชุดไฟหน้าเป็นแบบ LED Projector แบบ 2 ชั้น โดยชั้นบนเป็นแนสวเส้นตรง ส่วนด้านล่างเป็นแบบ LED ที่เรียงกันถึง 9 เม็ด โดยดีไซน์ให้เป็นไฟเลี้ยว และไฟ Daytime Running Light ซุึ่งเมื่อเป็นไฟเลี้ยวจะเป็นสีส้มแสดงผลไล่เรียงที่ละเม็ด ส่วนชุดไฟด้านท้ายก็เป็นแบบ LED ที่เป็นสีแดง Heper Red โดนชุดไฟเลี้ยวที่ด้านท้ายก็เป็นแบบเดียวกันกับด้านหน้า นอกจากนั้นยังเสริมความสปอร์ตด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว มีลวยลายเหมือนใบพัด ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากพายุเฮอริเคน
ส่วนภายในห้องโดยสารนั้นออกแบบโดยยึดความปลอดภัยของผู้ที่อยู่ในตัวรถเป็นหลักทั้ง ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร โดยได้ดีไซน์ Cockpit ให้ดูโค้งเหมือนที่จะคอยโอบอุ้มผู้ที่อยู่ในห้องโดยสารตลอดเวลา จึงทำให้รู้สึกถึงความปลอดภัย อีกทั้งยังเน้นใช้วัสดุประกอบในห้องโดยสารแบบ Soft Touch เพื่อความสบาย ตกแต่งภายในด้วยสีดำ-แดง ให้ดูสปอร์ต
เบาะนั่ง Bucket Seat ทรงสปอร์ต ปรับไฟฟ้าคู่หน้า หุ้มด้วยหนังแท้ และหนังกลับ, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นทรงสปอร์ตแบบ D-Shape ที่มาพร้อมปุ่ม Super Sport ที่เป็นโหมดเพิ่มความเร้าใจ, ประตูบานท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า, เพิ่มความเย็นฉ่ำด้วยแอร์ที่ห้องโดยสารด้านหลัง
เสริมความหรูหราชั้นสูงด้วย หลังคาพาโนรามิคซันรูฟขนาดใหญ่ ที่มีความกว้างถึง 1.19 ตารางเมตร, มาพร้อมจออินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่จุใจ 10 นิ้ว โดยสามารถแสดงผลแบบ 2D และ 3D ในระบบกล้องมองภาพรอบคัน, ไฮไลท์อีกอย่างของ MG HS คงเป็นระบบ Interactive Ambient Lighting โดยระบบนี้แสงไฟภายในห้องโดยสารจะปรับเปลี่ยนสีตามโหมดที่เราขับขี่อยู่ อาทิเช่นในโหมด Sport จะเป็นสีส้ม หรือในโหมด Eco จะเป็นสีเขียว พร้อมกันนี้ ระบบแสงไฟส่องรอบห้องโดยสาร Ambient Lighting สามารถเลือกได้มากถึง 64 เฉดสี แบบเดียวกับรถยนต์ระดับหรู
ด้านขุมพลังทาง MG ยังไม่ได้แจ้งออกมา แต่ที่ทาง BoxzaRacing ได้เคยนำเสนอไปนั้นมี 2 ขุมพลังคือเครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ กับเครื่องยนต์ 2.0 เทอร์โบ แต่ตัวที่จะที่ทำการตลาดบ้านเรานั้นคงเป็นเครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบคลัทช์คู่ 7 จังหวะ ให้กำลัง 167 แรงม้า กับแรงบิด 250 นิวตัน-เมตร และคาดว่าจะมีทั้งรุ่นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือขับเคลื่อน 2 ล้อ หน้าให้เลือก
ส่วนระบบความปลอดภัยเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ทาง MG จัดชุดใหญ่มาใส่ในตัว MG HS คันนี้ไม่ว่าจะะเป็น ระบบกระจายแรงเบรก EBD,ระบบเสริมแรงเบรก EBA, ระบบควบคุมการทรงตัว SCS, ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC, ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitoring, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Adaptive Cruise Control, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW, ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP เป็นต้น
หลังจากทราบถึงรายละเอียดบางส่วนของ MG HS ไปแล้ว ส่วนรายละเอียดลึกจะเป็นอย่างไร วันงานเปิดตัว MG HS อย่างเป็นทางการทางทีมงาน BoxzaRacing จะนำมารายงานอย่างละเอียดกันอีกรอบ นอกจากนี้ในงาน Media Sneak Preview ครั้งนี้ทาง MG ยังเชิญให้ทางสื่อมวลชนได้ลองสัมผัสถึงสมรรถนะของ MG HS แบบเล็กๆ โดยให้ทดลองขับวิ่งวนคนละ 2 รอบ ในสนามทดสอบ MGD Driving Experience Center โดยในรอบแรกเป็นการขับแบบปกติ Normal ในช่วงแรกให้ทดลองอัตราเร่ง โดยกดคันเร่งตั้งแต่ออกตัวในช่วงทางตรง ในช่วงออกตัวไม่ถึงกับวืดหวา และจี๊ดจ๊าดนัก โดยความเร็วในช่วงนั้นจะอยู่ประมาณไม่เกิน 90 กม./ชม. เพราะเป็นช่วงทางตรงสั่นๆ แต่หลังจากนั้นจะเป็นช่วงโค้ง ซึ่งมีทั้งโค้งซ้าย-ขวา อันนี้ต้องบอกว่า MG HS ใหม่ เวลาเข้าโค้งทำได้ดี เกาะถนน พวงมาลัยมีน้ำหนักที่ดีไม่เบา ถึงแม้รูปร่างจะใหญ่แต่มีความคล่องตัวในตอนเข้าโค้ง
หลังจากนั้นในรอบที่ 2 ขับขี่โดยใช้โหมด Super Sport ที่ติดตั้งอยู่บนพวงมาลัย วิธีการใช้โหมดนี้ก็แสนง่ายดาย เพียงกดปุ่ม เท่านั้น ในการทดสอบรอบที่ 2 นี้ ยังคงใช้เส้นทางเดิม แต่ความรู้สึกที่ได้รับนั้นต้องบอกว่าแต่ต่างจากรอบแรกอย่างชัดเจน ทั้งในช่วงทางตรงที่ออกตัวพุ่งดีกว่าเดิม พร้อมกับรับรู้ถึงเครื่องยนต์ และเกียร์ที่ตอบสนองไวกว่าเดิม เรียกว่าจัดจ้านมากขึ้นกว่ารอบแรก รวมถึงน้ำหนักของพวงมาลัยที่ตึงมือขึ้น ช่วงล่างที่กระชับหนึบมากขึ้น ยิ่งตอนใช้ความเร็วในตอนเข้าโค้งมีความมั่นใจมากขึ้นไม่มีการโคลงให้เห็น
อย่างไรก็ตามในการทดลองขับครั้งนี้เป็นเพียงการทดลองระยะสั้นๆ อาจจะได้ได้ข้อมูลที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากหนัก คงต้องรอไว้ถึงในการทดลองขับแบบเต็มรูปแบบ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรจะมาบอกกันให้ละเอียดมากกว่านี้
แต่สรุปแล้วกันว่า ในการมาของ MG HS Sport Premium SUV คันนี้ ที่จัดมาแบบเต็มพิกัด ทั้งฟีดเจอร์, ระบบความปลอดภัย ที่เรียกว่าครบชุดใหญ่ไฟกระพริบ พวกรุ่นพี่ๆ ที่อยู่ในตลาดมาก่อนคงมีสะดุ้งกันบาง ไม่ว่าจะทั้ง Honda CR-V, Mazda CX-5 หรือ Nissan X-Trail แต่อีกส่วนที่จะเป็นตัวกำหนดว่า MG HS จะฝ่าด่านอรหันต์ไปได้มั้ยนั้นก็อยู่ที่ราคาค่าตัวว่าทาง MG ว่าจะกดให้ต่ำกว่าคู่แข่งได้มากน้อยขนาดไหน งานนี้คงต้องจับตาดูกัน ส่วนกำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ของ MG HS จะมีขึ้นในวันที่ 25 กันยายน 2019 นี้
