Honda New Accord 1.5 Turbo เรียบหรู หรือหล่อร้าย สัมผัสแล้วจะรู้...
Honda New Accord Generation 10 จากจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 1976 จวบจนปัจจุบัน กับการต่อยอดและพัฒนาอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิด Absolute Confidence มุ่งเน้น 3 ด้าน Dynamics ดีไซน์อันปราดเปรียว รวมถึงสมรรถนะแห่งการขับ Captivating เสน่ห์และความน่าดึงดูที่มาพร้อมความล้ำสมัย และ Upscale ความสง่างามที่ถูกยกระดับเกินคลาส
All New Elegance
ด้วยความต้องการที่จะให้ Honda New Accord เป็นยนตกรรมซีดานพรีเมี่ยม ที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น ผ่านการนำเสนอสไตล์อันโดดเด่นที่มีอยู่รอบด้าน ทั้งเรื่องดีไซน์ สมรรถนะ และความล้ำสมัย รูปโฉมภายนอก สง่างามหรูหรา แต่ให้ความรู้สึกสปอร์ตอย่างลงตัว การออกแบบที่ประณีตตั้งใจในทุกรายละเอียดตั้งแต่ด้านหน้า กันชนขนาดใหญ่ให้ความดุดัน ลงตัวกับชุดไฟหน้าแบบ LED พร้อม Daytime Running Lights พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ สอดรับกับกระจังหน้าโครเมี่ยม เส้นสายคมชัด เสริมด้วยความหรูหราของเส้นโครเมี่ยม พาดผ่านตัวถังด้านข้างที่ขอบกระจกและชายล่าง รับกับชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED เสริมด้วยชุดล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สไตล์สปอร์ตมาพร้อมเทคโนโลยีลดการเกิดเสียงจากแรงสั่นสะเทือน เอกสิทธิ์เฉพาะของ Honda เท่านั้น
รูปลักษณ์พัฒนาภายใต้แนวคิด Absolute Confidence
ไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบเปิด ปิดอัตโนมัติ
All New Craftmanship
ห้องโดยสารกว้างขวาง ผลจากการดีไซน์เส้นสายแบบแนวนอน รวมถึงการจัดวางอุปกรณ์ที่ลงตัวให้ความรู้สึกโปร่งโล่งเกินกว่าที่คิด วัสดุคุณภาพสูงระดับพรีเมี่ยมถูกนำมาใช้ พร้อมตกแต่งด้วยหนังแท้ และวัสดุสังเคราะห์อย่างลายไม้สีเข้มหรู ตัดด้วยสีโลหะ เบาะนั่งในตำแหน่งต่ำแบบซูเปอร์คาร์ ทว่าให้ทัศนวิสัยชัดเจนเหนือกว่าซีดานทั่วไป สามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทางในฝั่งคนขับ พร้อมระบบบันทึก Memory Seat ให้ความสะดวกมากกว่าเมื่อเข้าออก พวงมาลัยแบบมัลติฟังชั่น ควบคุมได้ง่ายเพียวปลายนิ้ว ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แบบ Dual Zone พร้อมช่องส่งอากาศไปด้านหลัง พื้นที่ห้องโดยสารตอนหลังให้ความสบายเกินคาด ด้วยที่นั่งกว้างสบายตัวพนักพิงพับได้ทั้งชิ้นเมื่อต้องการเพื่อพื้นที่ใช้สอย พร้อมที่ท้าวแขนเปิดทะลุไปยังท้ายรถ พื้นที่เก็บสัมภาระจุได้มากสุดในรุ่น
เบาะที่นั่งตำแหน่งต่ำสไตล์สปอร์ต
ช่องส่งอากาศให้ห้องโดยสารตอนหลัง
All New Sensation
ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ง่ายทุกการใช้งาน กับมาตรวัดหน้าที่แสดงข้อมูลแบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงแบบ Advanced Touch ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri อีกระดับของรูปแบบสั่งการอัจฉริยะด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์และสั่งเปิดเครื่องปรับอากาศระยะไกลด้วยกุญแจรีโมท Remote Engine Start ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control System และควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift และช่องต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
จอแสดงข้อมูล TFT ขนาด 7 นิ้ว
All New ERA of Technology
สมรรถะที่เหนือชั้นพร้อมมอบประสบการณ์ที่เร้าใจเกินกว่า กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC Turbo กำลังสูงถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 243 นิวตัน-เมตร จากเทคโนโลยี Direct Injection จ่ายเชื้อเพลิงตรงเข้าสู่ห้องเผ้าไหม้ มาพร้อมระบบอัดอากาศ Turbocharger ส่งให้อากาศสู่ห้องเผ้าไหม้ได้เร็วกว่า ประสานการทำงานกับระบบเกียร์ CVT อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง ให้กำลังขับเคลื่อนสูงกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่ให้ความประหยัดกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร
เครื่องยนต์ Di VTEC Turbo 1.5 ลิตร
Honda New Accord 1.5 Turbo มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัยกับตัวโครงสร้างนิรภัย G-CON (G-Force Control) ลดการโค้งงอของชิ้นส่วน และช่วยกระจายแรงที่เกิดขึ้นจากการชนไปยังพื้นที่ที่กว้างกว่า ป้องกันมากกว่าด้วยถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ที่คู่หน้า Dual SRS ด้านข้าง Side Airbag และม่านถุงลม Side Curtain Airbags พร้อม Honda Lane Watch ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลนแสดงผลผ่านหน้าจอ Advanced Touch ขนาด 8 นิ้ว, Multi-angle Rearview Camera ช่วยเพิ่มทัศนะวิสัยเมื่อถอยหลัง สามารถเลือกมุมกล้องได้ทั้งแบบ 130 องศา หรือ 180 องศา, Driver Attention Monitor ระบบตรวจจับความเหนื่อยล้าผ่านการควบคุมพวงมาลัย แสดงผลที่จอ TFT, Electric Parking Brake ระบบเบรคมือไฟฟ้าติดตั้งบริเวณ Center panel ที่ใช้งานง่ายเพียงนิ้วดึงสวิทช์, Brake Hold ระบบหน่วงเบรคต่อเนื่องแบบอัตโนมัติ ป้องกันรถเคลื่อนตัว, ABS และ EBD ระบบป้องกันล้อล็อค และระบบกระจายแรงเบรคระหว่างล้อ สร้างความสมดุลกับน้ำหนักรถ, Vehicle Stability Assist-VSA ควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist-HAS สามารถหยุดรถให้อยู่ในตำแหน่งเดิม และช่วยให้ออกตัวมีความนุ่มนวลมากขึ้น, Emergency Stop Signal-ESS สัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อเหยียบเบรคกะทันหัน และระบบล็อครถอัตโนมัติเมื่อกุญแจอยู่ห่างตัวรถ Walk Away Auto Lock
Test Drive
ระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร ณ จังหวัด เชียงใหม่ ที่ผสมผสานเส้นทางระหว่างทางราบในตัวเมืองที่การจราจรคับคั่ง เส้นทางบนเขา ที่มีทั้งทางตรงและโค้งสลับ และเส้นทางขรุขระบนถนนพังรอซ่อม ให้ได้สัมผัสสมรรถนะกันอย่างครบถ้วน ทั้งกำลังเครื่องยนต์และระบบช่วงล่าง ทันทีที่เข้าในห้องโดยสาร ความรู้สึกที่คิดว่าภายในจะแคบหายไปทันที เพราะห้องโดยสารกว้างจนเรียกว่าใหญ่โตเมื่อใช้ร่างกายที่มีความสูงที่ 170 เซนติเมตร เป็นตัวกำหนด ทว่าผู้โดยสารนั้นมีขนาดตัวที่ใหญ่เทียบได้กับชาวต่างชาติ แต่ก็ไม่มีอุปสรรคในการเข้า-ออกหรือโดยสาร จะมีเพียงแค่ความรู้สึกที่แปลกไปนิดหน่อย เนื่องจากตำแหน่งที่นั่งทั้งผู้ขับและผู้โดยสารต่ำมาก แต่สามารถชดเชยได้เพราะทางฝั่งคนขับสามารถปรับได้ถึง 8 ทิศทาง จะเลื่อนหน้า ถอยหลัง หรือสูงต่ำได้ตามต้องการ ตรงข้ามกับฝังคนนั่งที่ทำได้เพียงแค่เลื่อนหน้าถอยหลังและปรับเอนเท่านั้น อุปกรณ์ถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งที่ใช้งานง่าย โดยรวมทำได้ดีตามที่วิศวะกรที่ได้ออกแบบ โดยใช้รูปแบบของฮอลล์จัดแสดงคอนเสิร์ตเป็นแนวทาง
เริ่มออกเดินทางไปบนเส้นทางราบในช่วงแรก ถือเป็นการปรับตัวหามุมมองที่เหมาะสม ซึ่งใช้เวลาไม่นานเนื่องจากทัศนะวิสัยที่เอื้อต่อผู้ขับมากเป็นพิเศษ ซึ่งรุ่นใหม่นี้ออกแบบให้มีเสา A บดบังการมองน้อยที่สุด ด้านหน้าไม่มีฝากระโปรงมาบังเพราะมุมมองถูกบังคับให้มองออกไปได้ไกลตามแบบเดียวกับรถซูปเปอร์คาร์ และเส้นทาง Section 1 เป็นทางราบยาวให้ได้ทดลองกำลังของเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร ที่มีระบบอัดอากาศ ผสานการใช้เกียร์ใน Sport Mode ที่ลากรอบกันแบบสนุกตามต้องการ สามารถเปลี่ยนเกียร์ด้วยปลายนิ้วที่ Paddle Shift ซึ่งหมุนตามพวงมาลัย โดยที่เกียร์ไม่เปลี่ยนกลับเองเมื่อถอนคันเร่งเฉพาะโหมดนี้ อัตราเร่งดี แม้จะมีหน่วงบางเล็กน้อยและเป็นเพียงบางช่วงเท่านั้น หลังจากผ่านช่วงประมาณ 4,500 รอบ บูสท์ติด มีการดึงให้รู้สึกพร้อมเสียงท่อที่เปล่งออกมาจากปลายทั่งสอง ความสนุกในการขับเริ่มมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นขับขึ้นเนินไต่ระดับความสูงขึ้นไปทีละน้อยใน Section 2 มีโค้งต่อเนื่องทั้งโค้งแคบ และกว้างให้ได้ลอง งานนี้สนุกมากขึ้นเพราะระบบช่วงล่างทำงานสอดประสานกับระบบ VSA ที่ควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้งได้ดีเป็นที่น่าพอใจ สัมผัสได้ถึงความ Smooth ของรถในยามเข้าออกโค้งการบิดตัวที่ไร้ประโยชน์มีน้อยมาก ความรู้สึกนี้สัมผัสได้ทั้งช่วงที่เป็นผู้ขับ และเป็นผู้โดยสาร ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างที่ได้รับการพัฒนาใหม่ทำให้มีน้ำหนักรวมเบาลงถึง 50 กิโลกรัม แต่แข็งแกร่งมากขึ้น อีกทั้งระบบช่วงล่างด้านหน้าจากเดิมที่เคยใช้แบบ A arm ถูกเปลี่ยนไปใช้แบบ L arm ทำให้การขยับเคลื่อนตัวของจุดยึดต่างๆ น้อยลง
พวงมาลัยแปรผันตามความเร็ว กระชับ ค่อนข้างแม่นยำ ซึ่งไม่สร้างภาระให้กับผู้ขับเป็นไปตามที่ผู้ผลิตกล่าวไว้ การเร่งแซงทำได้ดีเครื่องยนต์มีการตอบสนองได้รวดเร็ว แม้จะเป็นเครื่องยนต์ติดตั้งเทอร์โบที่หลายคนคิดว่าต้องรอรอบ แต่ผิดคาด อีกส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ เรื่องระบบเบรคที่ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม ให้ความปลอดภัยสูง แม้จะใช้ความเร็วสูงในบางช่วงก็สามารถควบคุมได้ง่าย
กลับเข้าสู่เส้นทางราบอีกครั้งใน Section 3 คราวนี้เน้นการใช้งานเสมือนจริงในชีวิตประจำวันที่ พบกับรถที่วิ่งรวมทางเส้น การจราจติดขัดเล็กน้อย แม้จะมีบางช่วงที่สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงได้ แต่ด้วยความสะดวกสบายกับการใช้ D Mode ที่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เองถึง 7 สปีด หรือให้ระบบจัดการปรับเปลี่ยนให้เองตามรอบการทำงานของเครื่องยนต์ กับความเร็วประมาณ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งบ้างช่วงขยับขึ้นไปถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถทำอัตราการสิ้นเปลืองได้ที่ประมาณ 13.4 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นที่น่าพอใจกับการขับในแบบผสมผสานที่ไม่ได้มีแค่ทางตรงยาว นับเป็นรถยนต์ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับ Honda New Accord 1.5 Turbo ยนตรรกรรมซีดานสปอร์ตพรีเมี่ยม ที่ท้าทายความเชื่อ พร้อมพาก้าวผ่านทุกขีดจำกัดได้อย่างแท้จริง เรียบหรู หรือหล่อร้าย งานนี้ต้องสัมผัสแล้วจะรู้ ท่านใดที่อยากรู้ความรู้สึกในการขับที่สนุกแบบนี้ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือทดลองขับได้แล้วที่โชว์รูม Honda ทั่วประเทศ และเตรียมพบกับ Honda New Accord Hybrid ได้ในเดือนกรกฎาคม ศกนี้
ราคาปัจจุบัน Honda New Accord
รุ่น Hybrid Tech ราคา 1,799,000 บาท
รุ่น Hybrid ราคา 1,639,000 บาท
รุ่น Turbo EL ราคา 1,475,000 บาท