เขียนโดย: AEFOTO

เมื่อ: 1 พฤษภาคม 2562 - 17:56

Nissan ยกทัพ Navara, Terra และ X-Trail ใหม่ บุกทางวิบาก ฝ่าดงเขา ลุยได้ทุกที่ในเมียนมาร์

 

          นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรม NIDE (Nissan Intelligent Driving Experience) Go Anywhere ลุยได้ทุกที่ ชวนสื่อมวลชนพิสูจน์สมรรถนะยนตกรรมแกร่งของทางค่ายไม่ว่าจะเป็น Nissan Navara Black Edition, Nissan Terra และ Nissan X-Trail ใหม่ โดยในครั้งนี้ได้เลือกเส้นทางที่เข้าถึงได้ยากมากแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างเส้นทางในประเทศเมียนมาร์

 

 

          สำหรับการเดินทางในกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางในรูปแบบคาราวานข้ามประเทศครั้งแรกในเมียนมาร์ ที่เริ่มต้นจากประเทศไทยเข้าสู่ทางตอนใต้ของเมียนมาร์และมุ่งสู่ทางตอนเหนือของประเทศเมียนมาร์ มีระยะทางรวมทั้งหมดกว่า 3,000 กิโลเมตร กิจกรรมครั้งนี้จะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 3 กรุ๊ป 3 ช่วง โดยทาง BoxzaRacing ได้จัดอยู่ในกรุ๊ปแรกของการทดสอบในรูปแบบคาราวานครั้งนี้ โดยใช้เส้นทางจาก กรุงเทพฯ - ย่างกุ้ง ระยะทางประมาณ 1,029 กิโลเมตร เริ่มออกสตาร์ทจาก กรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ ชายแดน ไทย-เมียนมาร์ ที่ด่านบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี ก่อนข้ามแดนไปเมืองทวาย ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญของทางเมียนมาร์ โดยในอนาคตจะถูกพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของพม่า เพราะจะมีการทำโครงการท่าเรือน้ำลึกและโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทวาย ในการเดินทางวันแรกนี้จะมีเจ้า Nissan Navara Black Edition เป็นพาหนะคู่ใจในการเดินทาง

 

 

วันแรกของการเดินทาง บุกทางวิบาก ฝ่าดงเขาไปกับ Nissan Navara Black Edition

          ก่อนออกเดินทางเรามาทำความรู่้จักกับเจ้า Nissan Navara Black Edition กันก่อนสักเล็กน้อย โดย Nissan Navara Black Edition ได้รับการเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ซึ่งเป็นการปรับหล่อเสริมแต่งอย่างภายนอกนั้นให้ดูสปอร์ตและดุดันด้วยโทนสีดำ และเพิ่มลายสติกเกอร์สามมิติดีไซน์ใหม่เติมความดุดันรอบคัน เพิ่มความสปอร์ต แข็งเเกร่ง และทันสมัยยิ่งกว่าเดิม

 

 

          ส่วนเส้นทางในการเดินทางวันแรกนี้ เราเริ่มต้นสตาร์ทจากโรงแรม Miracle Grand Convention Hotel กรุงเทพ มุ่งหน้าไปยังด่านบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี สุดขอบชายแดนประเทศไทย โดยตลอดเส้นจากกรุงเทพฯ ถึงด่านบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี นั้น เป็นทางหลวงซึ่งในวันนี้การจราจรค่อนข้างบางตาเพราะเป็นวันอาทิตย์ จึงทำให้สามารถทำความเร็วได้เป็นระยะๆ ซึ่งพละกำลังของ Nissan Navara Black Edition รถกระบะยุคใหม่คันนี้ทำให่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราเร่งที่สั่งได้ดั่งใจจากขุมพลังเครื่องยนต์ YD25DDTi ดีเซล 4 สูบ 2,500 ซีซี. ที่มีม้าลงพื้นถึง 163 ตัว เรียกได้ว่ากดแป้นคันเร่งเป็นมาทุกรอบและทุกย่านควาเร็ว สมรรถนะโดยรวมคงต้องบอกว่ากำลังเครื่องยนต์มาแบบต่อเนื่อง ตอบสนองดีตั้งแต่รอบต่ำ ขับใช้งานได้สบายนุ่มนวล ควบคุมง่าย จังหวะเร่งแซงก็ตอบสนองได้ทันใจ ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ของ Nissan Navara Black Edition คันนี้ เซตมาได้อย่างดีเยี่ยม ยิ่งในช่วงจังหวะที่เปลี่ยนเกียร์ทำได้นุ่มนวลช่วยมอบอัตราเร่งไหลลื่นต่อเนื่อง โดยที่ไม่ต้องกดคันเร่งเค้นรอบสูงมากนัก

 

 

          ที่สำคัญเจ้า Nissan Navara Black Edition คันนี้ ยังบรรจุเทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility อย่างกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Around View Monitor) ที่ทำงานด้วยกล้องรอบรถ 4 ตัว ติดตั้งที่กระจังหน้าตรงโลโก้ Nissan ที่กระจกมองข้างทั้ง 2 ด้าน และที่ฝาท้าย ระบบนี้ช่วยให้การขับรถคันใหญ่เป็นเรื่องง่ายขึ้น เข้าจอดได้ตรงช่องทั้งเดินหน้าและถอยหลังเข้าจอด และใช้ตรวจสอบสิ่งกีดขวางรอบรถที่อาจอยู่ในมุมอับสายตาได้ พร้อมทั้งยังเพลิดเพลินกับระบบเครื่องเสียงจากระบบ NissanConnect ตลอดการเดินทาง

 

 

          แต่พอพ้นด่านบ้านพุน้ำร้อนที่ฝั่งไทยเข้าสู่บ้านทิกิ เมืองทวาย ฝั่งเมียนมาร์นั้น ระยะทางประมาณ 160 กม. ก็ถึงเมืองทวาย แต่ด้วยสภาพเส้นทางบนภูเขาที่สับสลับซ้อน คดเคี้ยว พื้่นถนนเป็นฝุ่นลูกรัง และหินเล็กใหญ่ ตลอด 100 กม. บนเทือกเขาตะนาวศรี ต้องใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง ในการเดินทางช่วงนี้ เพราะไม่สามารถใช้ความเร็วได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่ได้ทดสอบอย่างเต็มที่ในช่วงนี้ คงต้องบอกว่าเป็นระบบช่วงล่างของ Nissan Navara Black Edition ซึ่งเจ้า Nissan Navara สามารถผ่านเส้นทางอันทุรกันดารไปอย่างง่ายดายพร้อมกับตัวรถสามารถรับแรงกระแทกตามหลุมบ่อได้เป็นอย่างดี แสดงให้เห็นถึงช่วงล่างที่ถูกพัฒนาขึ้นมาพร้อมตัวถังที่ลดแรงกระแทกได้ดี

 

 

          ส่วนระบบกันสะเทือนนั้นปรับมาได้อย่างพอเหมาะ ถ้าอยู่บนทางเรียบใช้ความเร็วปกติขับนุ่มนั่งสบายไม่ดีดเด้ง การทรงตัวทำได้ดี และยิ่งพอมาอยู่ในทางแบบออฟโรดจะไม่ค่อยมีการโยนหรือเหวี่ยงมากขณะเข้าโค้ง ยิ่งเวลาขับผ่านทางขรุขระ ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ สามารถซับแรงกระแทกกระเทือนได้อย่างดี พร้อมกับได้พวงมาลัยเพาเวอร์เข้ามาช่วย ยิ่งทำให้การควบคุมรถเป็นไปได้อย่างง่ายคล่องแคล่วและนิ่มนวล และยิ่งได้ระบบ Nissan Intelligent Mobility ไม่ว่าจะเป็นระบบออกตัวบนทางลาดชัน และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันมาช่วยในการควบคุมรถยิ่งทำให้ผ่านอุปสรรคต่างๆ เป็นอย่างไม่ยากเย็นตลอดการเดินทางในวันแรก

 

 

วันที่ 2 ทวาย – เมาะละแหม่ง ระยะทาง 320 กม. ลุยแบบสบายๆ กับ  Nissan  X-Trail 

          เข้าสู่วันที่ 2 หลังจากที่ได้สมบุกสมบันมาเต็มที่กับ Nissan Navara Black Edition บนเทือกเขาตะนาวศรี ทาง BoxzaRacing ได้สลับรถกับเพื่อนร่วมทริปโดยได้เจ้า Nissan  X-Trail 2.5VL 4WD เป็นเพื่อนร่วมทางจากเมืองทวายสู่ เมาะลำเลิง หรือเมาะลำใย อีกชื่อที่คนไทยอาจจะคุ้นหูคือ เมาะละแหม่ง บ้านของมะเมี๊ยะ เมืองแห่งตำนานรักของมะเมี้ยะ กับเจ้าน้อยศุขเกษม ที่ถูกกล่าวถึงในบทเพลงมะเมี๊ยะ ของ จรัล มโนเพ็ชร

 

 

          ก่อนเดินทางวันนี้ทาง Nissan พาเราไปกราบสักการะวัดพระเจดีย์ ชเว ด่อง จา (Shwe Taung Sar Zedi) เป็นวัดเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองทวาย ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธในเมืองทวาย หลังจากออกจากวัดก็ขับรถมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยัง เมืองเมาะลำเลิง หรือ มะละแหม่ง เมาะลำไย เมืองนี้เป็นเมืองหลักของรัฐมอญและเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 3 ของพม่า ซึ่งในเส้นทางการเดินทางวันนี้จะเป็นเส้นทางที่ไม่โหดเหมือนเมื่อวาน เป็นทาง 2 เลนสวนที่ชาวบ้านในสัญจรไปมา ส่วนถนนก็เป็นถนนลาดยางแต่ก็ชำรุดบางเป็นบางส่วน บางช่วงก็เป็นเส้นทางบนเขาสลับไปมากับทางหมู่บ้าน แต่ที่ยากคงเป็นการที่รถของเราเป็นรถพวงมาลัยขวาและขับในเลนขวา ซึ่งเป็นเส้นทางเดินรถของทางประเทศเมียนมาร์ ซึ่งต่างจากบ้านเราโดยสิ้นเชิง คงต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ

 

 

          แต่ก็ไม่เป็นปัญหากับเจ้า Nissan  X-Trail เครื่องยนต์ 2.5 คันนี้ เพราะด้วยสมรรถนะที่ให้กำลังสูงสุดถึง 171 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 233 นิวตัน-เมตร สามารถขับขี่ได้อย่างสบายในสภาพการจราจรของเมืองนี้ ถึงแม้ว่าในช่วงออกตัวในรอบต่ำนั้นจะอืดๆ ไปบ้าง แต่เมื่อเข้าสู่รอบกลางและต่อเนื่องจนถึงรอบสูงพละกำลังนั้นมีออกมาอย่างเต็มที่ พร้อมกับอัตราเร่งแซงที่รวดเร็ว สามารถเร่งแซงรถที่ขับขี่อยู่บนถนนของชาวเมียนมาร์ได้อย่างสบาย ส่วนระบบช่วงล่างให้ความมั่นใจได้ในการใช้งานทั้งทางเรียบและทางวิบาก เพราะได้ทั้งความสบายและความปลอดภัยอยู่ในตัว ที่สำคัญมีความนุ่มนวลและเกาะถนนเวลาเข้าโค้งในความเร็วสูงบวกกับได้ความแม่นยำของพวงมาลัยซึ่งตอบสนองการขับขี่อย่างแน่นอน

 

 

          แล้วยิ่งได้เทคโนโลยีความปลอดภัยจาก Nissan Intelligent Mobility ที่อัดแน่นอยู่ใน Nissan X-Trail ใหม่คันนี้ ยิ่งทำให้การขับขี่บนท้องถนนในประเทศเมียนมาร์เป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นหนัก แต่ที่สำคัญต้องไม่ประมาทเพราะการขับขี่ของรถของชาวเมียนมาร์นั้นแตกต่างจากเราโดยสิ้นเชิง ซึ่งก็ใช้เวลาเกือบทั้งวันในการขับขี่วันนี้ กว่าจะถึงตัวเมืองมะละแหม่ง ก็ตกเย็นพอดี ซึ่งทางคณะก็ได้มุ่งหน้าไปยังบริเวณแม่น้ำสาละวินจะไหลออกสู่อ่าวเมาะตะมะ เพื่อที่จะเข้าไปชมพระอาทิตย์ตกที่บริเวณปากอ่าวที่เป็นจุดบรรจบของแม่น้ำสาละวินกับทะเลอันดามัน เป็นการจบทริปอันสวยงามของวันที่ 2 ในการเดินทางเส้นทางในเมียนมาร์

 

 

วันที่3 Nissan Terra โชว์ศักยภาพ ลุยได้ทุกที่ บนเส้นทาง เมาะละแหม่ง-ย่างกุ้ง 

          วันสุดท้ายของทริปที่ 1 สำหรับ คาราวานนิสสัน "NIDE GO ANY WHARE" วันนี้เปลี่ยนจาก Nissan  X-Trail มาเป็น Nissan Terra PPV ตัวเด็ดจากค่าย Nissan ซึ่งเจ้า Terra ตัวนี้ได้รับการปรับแต่งเล็กน้อยจากรุ่นที่วางขายอยู่ในปันจุบัน ตรงกระจังหน้า V-Motion ที่เป็นตะแกรงสีเทาได้รับการปรับเปลี่ยนมาเป็นสีดำ ทำได้ดูดุดันและโดดเด่นลงตัวดี  

 

 

          ส่วนการเดินทางของวันสุดท้ายในเมียนมาร์ จะเดินทางจาก เมาะละแหม่งไปยังย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของทางเมียนมาร์ ซึ่งเส้นทางวันนี้รวมๆ จะเป็นเส้นทางในเมืองเป็นหลัก การจราจรจะหนาแน่นเป็นพิเศษ เพราะเป็นเส้นทางในเมืองที่ใช้สัญจรกันไปมาที่สำคัญเป็นวันทำงานของชาวเมียรมาร์ด้วย เริ่มต้น ได้ข้ามสะพานแม่้ำสาลาวิน ที่เป็นสะพานที่ยาวที่สุดทางภาคใต้ของพม่า ระยะกว่า 3 กม. ตัวสะพานมีความสวยงามและเก่าแก่ มีทางรถไฟวิ่งประกบคู่กับสะพานไปตลอด

 

 

          วันนี้จะเป็นการเดินทางที่จะมีระยะทางที่ยาวที่สุดใน 2 วันที่ผ่านมา จึงมีการจอดแวะพักกันเป็นระยะๆ โดยจุดหมายแรกของวันนี้อยู่ที่เมืองพะโค (หงสาวดี) เพื่อเข้าไปเยี่ยมชมความสวยงามของพระราชวังกัมโพชธานี และ เจดีย์ชเวมอดอ ถนนหนทางถือว่าค่อนข้างดีแม้ว่าจะเป็นถนนแบบเลนสวนก็ตาม แต่ก็ยังคงมากมายด้วยรถที่สวนกันไปมาทั้งบรรทุกใหญ่ เล็ก รวมถึงมอเตอร์ไซค์เจ้าถิ่นและจักรยานชาวบ้านที่ขับแบบเจ้าของถนน แต่ก็พอมีช่วงที่จะทำความเร็วได้บ้าง ด้วยเครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ไบเทอร์โบ ให้กำลังสูงถึง 190 แรงม้า และแรงบิดที่ 450 นิวตัน-เมตร ทำให้อัตราเร่งที่ดีและต่อเนื่อง พร้อมกับการทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ยิ่งทำให้การขับขี่นุ่มนวล กระชับ ราบลื่นและต่อเนื่องดี รวมถึงตอบสนองของอัตราเร่งที่ทำได้อย่างฉับไว ตอบสนองได้ทันใจ โดยเฉพาะระบบช่วงล่างของ Nissan Terra มาพร้อมกับปีกนกอิสระคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลงที่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 5 Links คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง สามารถรองรับการขับขี่ด้วยความเร็วทั้งทางตรงและทางโค้ง พร้อมกับไม่มีการอาการเต้นหรือดีด ยิ่งตอนเข้าโค้งในช่วงความเร็วสูงนั้นไม่มีอาการปัดให้เห็น ทำให้ควบคุมรถได้ง่าย และมีการทรงตัวที่ดี

 

 

          ต่อมาคณะคาราวานได้ขับผ่านสถานที่สำคัญที่ คนไทยน่าจะคุ้นหูกันเป็นอย่างมากนั้นก็คือ แม่น้ำสะโตง มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง แล้วได้กวาดต้อนคนไทยและชนชาวมอญที่เป็นเชลยข้ามแม่น้ำแห่งนี้ ก่อนที่ทัพพม่าจะไล่ตามมาทัน พร้อมกับได้แสดงวีรกรรมยิงพระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตง ถูกแม่ทัพพม่า เสียชีวิตคาคอช้าง ซึ่งต่อมาพระแสงปืนต้นนี้ถูกขนามนามว่า "พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง"

 

 

          จากนั้นชาวคณะคาราวาน Nissan ก็ได้ขับรถฝ่าความร้อนระอุจนมาถึงเมืองพะโค หรือชื่อที่คุ้นหูคนไทยว่าเมืองหงสาวดี ที่เป็นเมืองหลวงสมัยพระเจ้าบุเรงนอง หรือผู้ชนะสิบทิศที่คนไทยรู้จักดี เพื่อเข้าชมพระราชวังกัมโพชธานี พระราชวังแห่งเมืองหงสาวดี ของพระเจ้าบุเรงนอง เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109 โดยใช้แรงงานจากประเทศราชต่าง ๆ และพระองค์โปรดให้ใช้ชื่อประตูต่าง ๆ ทั้งหมด 20 ประตู ตามชื่อของแรงงานประเทศราชที่สร้าง เช่น ประตูทางตอนเหนือปรากฏชื่อ ประตูโยเดีย (อยุธยา) ประตูตอนใต้ชื่อ ประตูเชียงใหม่ อีกทั้งยังมีพระตำหนักของพระสุพรรณกัลยา องค์ประกันที่ตกเป็นเชลยและกลายเป็นมเหสีองค์หนึ่งของพระองค์ด้วย แต่พระราชวังที่เห็นนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยในของเดิมนั้นถูกเผาและทำลายไป ในสมัยราชวงศ์ตองอูเรืองอำนาจ

 

 

          เสร็จจากเยี่ยมชมพระราชวังกัมโพชธานี แล้วคณะคาราวาน Nissan ได้เคลื่อนขบวนไปในบริเวณใกล้ๆ กันเพื่อไปสักการะเจดีย์ชเวมอดอ หรือพระธาตุมุเตาที่คุ้นหูกัน เป็นเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหงสาวดี เก่าแก่ยาวนานกว่า 2,000 ปี ตั้งอยู่กลางเมืองหงสาวดี เป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของพม่า เจดีย์ชเวมอดอมี ชื่อเรียกในภาษามอญซึ่งคนไทยคุ้นเคยกับชื่อนี้คือ พระธาตุมุเตา แปลว่า "จมูกร้อน" เพราะกล่าวกันว่าพระเจดีย์องค์นี้สูงมาก ต้องแหงนหน้ามองจนต้องกับแสงแดด ปัจจุบันเจดีย์ชเวมอดอ มีความสูงที่ 114 เมตร เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศพม่า

 

 

          หลังจากที่ได้ไปเยือนทั้งพระราชวังกัมโพชธานี และได้กราบสักการะพระธาตุมุเตา ถือว่าบรรลุเป้าหมายของการมาเยื่อนเมืองหงสาวดีแห่งนี้ แต่การเดินทางยังไม่สิ้นสุดเพราะเป้าหมายสุดท้ายปลายทางของทริปแรกของ คาราวาน "NIDE Go anywhere" นั้นก็คือ นครย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของทางเมียนมาร์ ก่อนที่จะย้านเมืองหลวงไปที่ กรุงเนปิดอว์ ในปัจจุบัน โดยเส้นทางเข้าเมืองย่างกุ้งนี้ต้องใช้ความระวัดระวังสูง เพราะนอกจากรถเป็นพวงมาลัยขวา และต้องขับชิดขวาแซงซ้ายแล้ว มอเตอร์ไซด์และรถที่สัญจรไปมาทั่วไปในย่านนี้เพราะช่วงเวลาที่เข้ามานั้นเป็นช่วงที่ทางเมียนมาร์เลิกงานพอดี การจราจรถือว่าสาหัสเอามากๆ แต่มันไม่ใช่ปัญหาของ Nissan Terra คันนี้ ถึงแม้ด้วยรูปลักษณ์อันใหญ่โต แต่ถึงในช่วงเวลาเร่งแซงและโยกซ้ายโยกขวา ทำได้อย่างคล่องตัว ด้วยอัตราเร่งในตีนต้นค่อนข้างจัดชนิดกดคลิกเป็นมา หลังจากนั้นไม่นานเราก็เข้ามาถึงตัวเมืองชั้นของเมืองย่างกุ้ง เพื่อมุ่งหน้าไปสนามบินนานาชาติของย่างกุ้ง เพื่อที่จะกลับเมืองไทย เป็นอันจบทริปแบบสมบูรณ์ในคาาราวานกรุงเทพ-เมียนมาร์ ในกรุ๊ปแรก ระยะทางกว่า 1,000 กม.   

 

 

สรุปกิจกรรมทดสอบแบบคาราวาน Go Anywhere ลุยได้ทุกที่ กับ Nissan

          หลังจากที่ได้อยู่กับเจ้า Nissan ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ Navara, Terra และ X-Trail พร้อมกับลุยในเส้นทางของประเทศเมียนมาร์ ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งทางฝุ่นลูกรังแบบออฟโรด ทางสูงชันคดเคี้ยวลัดเลาะตามภูเขา รวมถึงทางถนนธรรมดาแต่แออัดด้วยการจราจรแบบที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ ถือว่าทั้ง 3 รุ่น นี้ผ่านการทดสอบเอาอยู่ในทุกสภาพการจราจร แทบจะไม่มีความบอกช้ำให้เห็นในรถที่วิ่งอยู่ในขบวนคาราวานนี้เลย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเจ้า Nissan ทั้ง 3 รุ่น ที่ไปได้ทุกที่ ไปได้ทุกทาง ตามคอนเซ็ปของชื่องานว่า NIDE (Nissan Intelligent Driving Experience) Go Anywhere ลุยได้ทุกที่กับ Nissan สุดท้ายต้องขอขอบคุณทาง บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่พามาเปิดประสบการณ์ในการขับขี่ในเส้นทางที่ไม่เคยสัมผัสในครั้งนี้

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook