Mitsubishi Triton ลองขับเน้นๆ เค้นพลังเครื่อง บู๊ระห่ำ ย่ำทางฝุ่น ให้รู้กันไปว่าทำอย่างนี้ก็ได้ด้วย

          Mitsubishi Triton 2019 เปิดตัวเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 ไปหมาดๆ ทีมงาน BoxzaRacing ก็ได้ไปลองขับจริงในวันต่อมาเลย โดยเมื่อได้มีโอกาสเทสไดร์ฟกระบะทั้งที ก็เลยตั้งใจไม่ขับธรรมดาแบบทั่วไป จับมันมาลงทางฝุ่นในสนามปิดที่ทางมิตซูบิชิเตรียมไว้ ซึ่งแต่ละด่านนั้น สร้างขึ้นมาเพื่อรีดเค้นพลังและความสามารถของทุกฟังก์ชั่นตัวรถอย่างสุดขีด เปรียบเหมือนเป็นสถานการณ์แย่สุดๆ ที่คนขับกระบะอาจจะพบได้ในการใช้งานจริง ทั้งการขับออฟโรด และการขับลุยทางฝุ่นความเร็วสูง หรือแนวแรลลี่ด้วย บอกเลยว่างานนี้ ไม่สุด ไม่ยกคันเร่ง จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปเสพพร้อมกันเลยครับ

       รถคันที่เราได้ลองขับเป็นรุ่น Double cab plus GT-Premium M/T หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นตัวท็อปสุดของ 4 ประตู เกียร์ธรรมดา มาในแบบยกสูงขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ราคา 930,000 บาท ซึ่งเป็นสเปคที่น่าจะถูกใจนักขับสายลุย เพราะได้ออพชั่นระดับพรีเมี่ยมสมชื่อ และยังคงความมันในการเล่นเกียร์ธรรมดา ครบครันทั้งความสนุกและสบาย

          ภายนอกเห็นความสวยงามจากหน้าตาและท้ายใหม่หมดจรด ยกดีไซน์ Dynamic shield จากพี่น้องในตระกูลด้วยกันมาใช้ โดยไฟหน้ายังคงฝังในแนวเดียวกับกระจังหน้าเหมือนปาเจโร่สปอร์ต แต่ไฟเลี้ยวแยกออกมารวมกับไฟตัดหมอกด้านล่าง ส่วนด้านท้ายเปลี่ยนแก้มกระบะใหม่ รับกับไฟท้ายที่เปลี่ยนไป เป็นทรงก้อนแนวตั้ง ส่วนฝาท้ายทรงเดิม เรียกว่าการไมเนอร์เชนจ์ไทรทันครั้งนี้ มีแค่บานประตูและฝาท้ายเท่านั้นที่ยังคงเดิม การทุ่มทุนสร้างขนาดนี้ นับว่ามิตซูฯ ใจป้ำมากทีเดียว

          ภายในของ มิตซูบิชิ ไทรทัน 2019 เห็นความเปลี่ยนแปลงที่คอนโซลกลาง แผงควบคุมอยู่ในกรอบแนวตั้งทรงสูง ตกแต่งด้วยพลาสติกสีดำเงา ตามด้วยการเปลี่ยนฐานเกียร์เป็นกรอบเหลี่ยมประดับขอบด้วยโครเมียม ดูมีราคากว่าเดิมไปอีก ปุ่มกดต่างๆ ทำสัมผัสให้นุ่มนวลขึ้น วัสดุการตกแต่งเปลี่ยนโทนสีจากเทา-ดำ มาเป็นดำล้วนที่ดูมีราคาด้วยการใช้หนังเย็บหุ้มทั้งเบาะ พวงมาลัย หัวเกียร์ ด้ามเบรคมือ เรียกว่าทุ่มทุนสร้างให้รถดูมีราคา มีพัฒนาการถูกทางแล้ว

          เมื่อลองขับดูก็ไม่ได้ลงทางปูนเรียบๆ แบบนั้นมันง่ายไป เราจึงจับเจ้าไทรทันใหม่นี้ลงลุยทางลูกรัง โดยออกตัวล้อฟรีทันทีที่ปล่อยคลัตช์ จัดหนักไม่เกรงใจค่ายรถ รูดทุกหลุมบ่อด้วยความเร็ว 50-60 กม./ชม. ที่เกียร์ 2 ลากไปที่ราวๆ 3,000 รอบ/นาที คาไว้ให้ได้กำลังแรงม้าสูงๆ และทรมานให้เทอร์โบทำงานตลอดทาง พอเบรคลึกๆ ก่อนเข้าโค้ง ก็พบว่าคาลิเปอร์หน้า 2 พอต ทำหน้าที่ดูดแรงจากเท้าไปบีบจานได้แน่นหนา จนเรารู้สึกมั่นใจมาก พอยัดโค้งหนักๆ แกล้งให้รถโยนตัว ก็ยังไม่มีหลุด ต่อเนื่องด้วยการออกโค้ง ก็จุ่มคันเร่งต่อได้เลย ทำล้อฟรีตั้งแต่ออกโค้งด้วยแรงบิดที่มีค่อนข้างดี ตบท้ายด้วยการกระโดดเนินที่ความเร็ว 60 กม./ชม. กระแทกดินให้กระจาย แล้วลงมาอย่างมั่นคง มียวบลงครั้งเดียวแล้วพร้อมเลี้ยวต่อได้เลย ไม่มีเสียอาการ และไม่มีเสียงบูชช่วงล่างดังอ๊อดแอ๊ดให้รำคาญใจ จนเมื่อกลับมาจอดรถ ทีมงานแอบลงมาก้มดูว่ามีโช้คแตกหรือบูชดังหรือไม่ ก็พบว่าปกติ สามารถให้คนอื่นขับไปทรมานต่อได้อย่างหน้าตาเฉย ถ้าทางลูกรังทำได้ขนาดนี้ ทางเรียบคงไม่ต้องพูดถึง เอาอยู่แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าฝืมือคนขับมีดีแค่ไหนครับ

          ต่อเนื่องด้วยสถานีทดสอบแบบออฟโรด คราวนี้เราลองขยับมาควบรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อทดลองสารพัดระบบช่วยขับขี่ในสภาพทางลำบาก ที่ถูกจัดหลายสถานีทดสอบเป็นเนินชันต่างๆ โดยเริ่มจากการขึ้นเนินในมุม 30 องศา ที่มีความชันระดับที่ไต่หน้าเชิดจนมองเห็นแต่ท้องฟ้า โดยไม่ได้ขึับแบบเร่งเครื่องพุ่งขึ้นไป แต่ค่อยๆ ออกตัวคลานขึ้นเนินด้วยความเร็ว (หรือจะต้องเรียกว่าความช้า) ในระดับไม่ถึง 10 กม./ชม. เพื่อทดสอบกำลังฉุดลากของรถ จากนั้นเมื่อถึงขาลง ก็ลองปล่อยเบรคจนหมด ถ้าเป็นรถรุ่นทั่วไป คงไหลลงกระแทกพื้นไปแล้ว แต่นี่เป็นรุ่นท็อปสุดที่มีระบบ Hill Descent Control ที่ระบบทำการเบรครถต้านแรงโน้มถ่วงโลก ให้ค่อยๆไหลลงทางชันมาถึงพื้นอย่างนิ่มนวลโดยอัตโนมัติ เราแค่ช่วยประคองพวงมาลัยเท่านั้น ให้การลงเนินไม่ค่อยเครียด

          แต่เมื่อเห็นเนินถัดไปก็เริ่มเครียดว่าจะเอาอยู่หรือไม่ เพราะเป็นการไต่เน้นด้านข้าง ที่มีความชันไปอีกถึง 35 องศา ไต่ขึ้นแค่ข้างเดียวยังไม่พอ ยังขับขึ้นไปไต่ต่อเนื่องทั้งซ้ายขวาแบบสลับฟันปลากัน เพื่อทรมานแชสซีส์และตัวถังรถ ดูว่ามีการบิดงอมากแค่ไหน ซึ่งถ้าเป็นรถกระบะที่ทำออกมาไม่ดี จะเสียอาการทันที โดยจะมีเสียงเหล็กเบียดกันดังอ๊อดแอ๊ด แต่รถ Mitsubishi Triton 2019 กลับเก็บอาการเงียบกริ๊ป ส่วนระบบป้องกันล้อฟรีตั้งค่าไว้ ก็ทำงานถ่ายแรงเครื่องยนต์ไปยังล้อข้างที่จับพื้นได้แม่นยำ ให้พาออกไปจากอุปสรรคได้ จบท้ายการขับด้วยสถานีที่มีเนินขนาดย่อมๆ สลับฟันปลา ให้ขับผ่านด้วยความเร็วประมาณ 10 กม./ชม. เพื่อจับผิดเสียงช่วงล่าง และการบิดตัวของช่วงล่างและกันโคลง ก็พบว่ายังเก็บเสียงเงียบกริ๊ป และไม่โคลงจนต้องแก้อาการจากพวงมาลัย นับว่ามีการปรับปรุงให้ดีขึ้นแล้วจริงๆ

          นับเป็นมิติใหม่ของวงการรถกระบะ ที่มีส่วนผสมของความสบายแบบเก๋ง ความลุยโหดๆ แบบออฟโรด รวมถึงพลังแรงไม่น้อยหน้าใคร ใส่เข้ามารวมกันอย่างพอดี เพราะชีวิตประจำวันของเราไม่ได้ควบทางเรียบหรือลุยทางฝุ่นอย่างใดอย่างเดียว แต่เมื่อซื้อรถมาคันนึงแล้วต้องใช้ให้ได้ครบทุกสภาพ ซึ่งคันนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีมากในราคานี้ และเช่นเคยครับ อย่าเชื่อรีวิวใดๆ ให้มาก จนกว่าคุณจะมาเทสไดร์ฟด้วยตัวเอง ซึ่งลงโชว์รูมแล้วทุกสาขา และโชว์ในงาน Motor Expo 2018 ลองแล้วคุณจะได้รู้ว่า ที่ทีมงานเขียนมานั้น ไม่ได้อวยเกินจริงเลย ไปชมสเปคและราคา Mitsubishi Triton 2019 ได้ที่ด้านล่างเลยครับ

Specification Mitsubishi Triton 2019

รุ่นย่อยและราคาของ Mitsubishi Triton 2019

• Single cab

2WD 2.5 GL 5MT 524,000 บาท 

4WD 2.4 GL 6MT 654,000 บาท 

• Mega cab 

2WD 2.5 GL 5MT 579,000 บาท

2WD 2.5 GLX 5MT 621,000 บาท

• Double cab

2WD 2.5 GLX 5MT 672,000 บาท

• Mega cab Plus

2WD 2.4 GLX 6MT 689,000 บาท 

2WD 2.4 GLS 6MT 729,000 บาท 

2WD 2.4 GT 6MT 776,000 บาท

2WD 2.4 GT 6AT 826,000 บาท

• Double cab Plus (2WD)

2.4 GLX 6MT 779,000 บาท

2.4 GLS 6MT 819,000 บาท

2.4 GLS 6AT 882,000 บาท

2.4 GT 6MT 873,000 บาท

2.4 GT 6AT 923,000 บาท

2.4 GT Premium 6MT 930,000 บาท

2.4 GT Premium 6AT 983,000 บาท

• Double cab (4WD)

2.4 GLS 6MT 935,000 บาท

2.4 GT Premium 6MT 1,041,000 บาท

2.4 GT Premium 6AT 1,099,000 บาท