"มาแล้วยังดีกว่ามาช้า มาช้ายังดีกว่าไม่มา" วลีจากเพลงของพี่มอส ปฏิภาณ น่าจะนำมาใช้ได้กับ Nissan Terra ใหม่ เพราะกว่าจะเปิดตัวให้คนไทยได้สัมผัสกัน ก็ทำเอาคู่แข่งโกยยอดขายกันไปไกล แต่ทว่าการมาทีหลังย่อมมีอะไรที่โดดเด่นกว่าอย่างแน่นอน เพราะ Nissan Terra ใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัยอย่างที่ไม่เคยมีในรถ PPV รุ่นใดมาก่อน!!
มร. ปีเตอร์ แกลลี รองประธานสายงานสื่อสารองค์กร บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
คุณสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
Nissan Tearra ใหม่ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยถือเป็นยนตรกรรมอีกหนึ่งรุ่นที่โดดเด่นอยู่ในงาน BIG Motor Sale 2018 ซึ่งมียอดจองภายในงานถล่มถลาย ทว่าล่าสุด นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมทดสอบ ให้สื่อมวลชนได้สัมผัสความท้าทาย และประสบการณ์ขับขี่ครั้งแรกของ Nissan Tearra ใหม่ บนเส้นทางสุดทรหด ณ จังหวัดเชียงราย โดยได้รับเกียรติจาก มร. ปีเตอร์ แกลลี รองประธานสายงานสื่อสารองค์กร และ คุณสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นกล่าวต้อนรับ และอธิบายถึงสมรรถนะของ Nissan Terra ใหม่ ก่อนทดสอบขับจริง
กระจังหน้าแบบ V-Motion รับกับไฟหน้า LED ทรงบูมเมอแรง พร้อมไฟ DRL แบบ LED Light Guide
ไฟท้ายแบบ LED Light Guide
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว แบบทูโทน
ทั้งนี้ Nissan Terra ใหม่ มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูหรูหรา และทันสมัยยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ดั่งรถกระบะร่วมสายเลือดอย่าง Nissan Navara เริ่มจากด้านหน้ามาพร้อมกับกระจังหน้าแบบ V-Motion, ไฟหน้า LED ทรงบูมเมอแรง พร้อมไฟ Daytime Running Light แบบ LED Light Guide, เพิ่มเส้นสายด้านข้างให้ดูโฉบเฉี่ยว, ไฟท้ายแบบ LED Light Guide ปิดท้ายด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วสีทูโทน รัดด้วยยางขนาด 255/60R18
มิติตัวถังของ Nissan Tarra ใหม่
คอนโซลหน้าหรูหรา โอบล้อมคนขับ เพื่อการใช้งานที่สะดวกสบาย
ระบบพับเบาะอัตโนมัติ (1-Touch Remote Fold and Tumble Seats) สามารถสั่งการได้จากการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว
เพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านท้ายด้วยการพับเบาะนั่งแถว 2 และแถว 3
ระบบปรับอากาศทั่วถึงทั้งห้องโดยสาร พร้อมจอทีวีบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
สำหรับภายในห้องโดยสารของ Nissan Terra ใหม่ ถูกออกแบบให้มีความกว้างขวาง และสะดวกสบายมากที่สุด โดยมาพร้อมกับห้องโดยสารโทนสีดำ, เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ส่วนเบาะนั่งคู่หน้าออกแบบ Zero Gravity ที่โอบล้อมไปด้วยความสะดวกสบาย, เบาะนั่งแถวที่ 2 นอกจากจะเข้าออกได้อย่างง่ายดายแล้ว ยังมาพร้อมระบบพับเบาะอัตโนมัติ (1-Touch Remote Fold and Tumble Seats) ที่สามารถสั่งการได้จากตำแหน่งผู้ขับ แค่เพียงการกดที่ปุ่มเดียว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรถ PPV, ระบบปรับอากาศกระจายความเย็นรอบทิศทางแบบ 360 องศา มอบความเย็นสบายให้ทุกที่นั่งทั่วทั้งห้องโดยสาร, ทีวีบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ระบบอินโฟเทนท์เมนผ่านจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อกับ USB / HDMI และลำโพง 6 จุด โดยสามารถควบคุมระบบเสียง และโทรศัพท์ได้โดยตรงจากพวงมาลัยคนขับ
เทคโนโลยีตรวจสอบแรงดันลมยาง หรือ Tire Pressure Monitoring System (TPMS)
เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง หรือ Intelligent Around View Monitor (IAVM)
เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ หรือ Intelligent Rear View Mirror (IRVM)
Nissan Terra ใหม่ มาพร้อมกับเทคโนโลยีอัจฉริยะ Nissan Intelligent Mobility ได้แก่
เครื่องยนต์ดีเซลทวินเทอร์โบขนาด 2.3 ลิตร สมรรถนะ 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตัน-เมตร
นอกจากเทคโนโลยีอัจฉริยะ Nissan Intelligent Mobility จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ติดตั้งลงในรถ PPV เป็นครั้งแรกแล้ว Nissan Terra ยังมาพร้อมกับขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ กับเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.3 ลิตร รหัส YS23DDTT แบบ Twin-Turbo พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านหัวฉีดระบบไดเร็คอินเจคชัน ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ที่ 1,500-2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดขับขี่แบบแมนนวล (M mode)
Nissan Terra อัตราเร่งดี ตอบสนองทันใจ ไร้เสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร
เมื่อทำความรู้จักกับ Nissan Terra เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาทดสอบสมรรถนะในการขับจริงกันบ้าง โดยต้องบอกก่อนว่าเส้นทางที่ทีมงาน BoxzaRacing ได้ทดลองขับนั้น เป็นช่วงที่ขึ้นเขา-ลงเขา เพื่อมุ่งหน้าขึ้นไปยังพระตำหนักดอยตุง โดยจุดเด่นของ Nissan Terra ที่ทางทีมงานต้องยกนิ้วให้เลยก็คือ ความเงียบของห้องโดยสาร และการซับแรงสะเทือนภายในห้องโดยสาร ซึ่งทางวิศวกรของ Nissan ได้ให้ข้อมูลว่ามีการเพิ่มยางซับแรงกระแทกบนแชสซีส์ถึง 10 จุด ส่วนอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำได้ดีไม่แพ้กันก็คืออัตราทดเกียร์ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวล กระชับ และราบลื่น แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ก็น่าจะมี Paddle Shift มาให้ด้วย รวมถึงด้านการตอบสนองของอัตราเร่งที่ทำได้อย่างฉับไว ตอบสนองได้ทันใจ ซึ่งมีความได้เปรียบในจังหวะที่ต้องเร่งแซงบนทาง 2 เลนสวน โดยหากรักษารอบเครื่องยนต์ที่ระดับ 1,500-2,500 รอบ/นาที แรงบิดระดับ 450 นิวตัน-เมตร ก็พร้อมที่จะฉุด Nissan Terra ให้พุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่รีรอ เพียงแต่จะไม่ดึงแบบพรวดพราด เพราะเป็นแรงบิดที่ใช้สำหรับลากจูง หรือการบรรทุก
ช่วงล่างด้านหลังแบบ 5 Links นุ่มนวล แต่แข็งแกร่ง พร้อมลุยทุกสถานการณ์
เดินทางก็สบาย ลุยก็ได้ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์อย่างแท้จริง
สมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Nissan Terra นั้น ก็คือการเซ็ตระบบช่วงล่างใหม่ ที่ให้ความนุ่มนวล นั่งสบาย โดยทาง Nissan ระบุว่า Terra จะให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในรถเก๋งซีดาน แต่ได้ความอเนกประสงค์แบบรถ SUV ซึ่งจากที่ได้สัมผัสก็ต้องยอมรับว่าให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ โดยช่วงล่างของ Nissan Terra มาพร้อมกับปีกนกอิสระคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลงที่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเป็นแบบ 5 Links คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งนอกจากจะให้ความนุ่มนวล และสบายในการเดินทางแล้ว ระบบช่วงล่างของ Nissan Terra ยังถูกเซ็ตมาให้รองรับกับการเดินทางในเส้นทางแบบ Offroad ได้อีกด้วย เรียกได้ว่า PPV ผู้นี้ครบจบในคันเดียว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การเดินทางจริงๆ
เทคโนโลยีอัจฉริยะช่วยเพิ่มความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการเดินทาง
ระหว่างเส้นทางได้มีการทดลองเทคโนโลยีอัจฉริยะใน Nissan Terra ใหม่ เช่น เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror – IRVM) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อมีสัมภาระขนาดใหญ่ หรือขณะมีผู้โดยสารเต็ม 7 ที่นั่ง รวมไปถึงเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่นๆ เช่น กล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM), เทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) ซึ่งระบบต่างๆ ที่ Nissan ติดตั้งมาให้ใน Terra ใหม่ นั้น สามารถช่วยเหลือ และให้ความสะดวกสบายในการขับขี่ได้จริง เพียงแต่ต้องทำความคุ้นชินกับระบบใหม่สักเล็กน้อย
Nissan Terra ใหม่ มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ราคาดังนี้
โดยราคาจะปรับขึ้นอีกรุ่นละ 50,000 บาท ในปี 2562 ซึ่งมีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีน้ำตาล เอิร์ธ บราวน์ (Earth Brown), สีดำ แบล็คสตาร์ (Black Star), สีขาว ไวท์เพิร์ล (White Pearl), สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเสอร์ (Brilliant Silver) และ สีเทา ทไวไลท์ เกรย์ (Twilight Gray)
Nissan Terra ใหม่ ตอบโจทย์การเดินทางที่สะดวกสบาย เทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน
ทั้งนี้ Nissan Terra ใหม่ ถือเป็นรถ PPV อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ โดยหากใครที่ต้องการความสะดวกสบาย, การเดินทางในรูปบบครอบครัวหลายที่นั่ง, เทคโนโลยีอันล้ำสมัย และระบบความปลอดภัยที่ครบครัน Nissan Terra ใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างแน่นอน ส่วนสมรรถนะการขับขี่โดยรวมก็ถือว่าทำได้ดี ไปได้ทุกเส้นทางเหมือนรถ PPV รุ่นอื่นๆ นั่นแหละ