เขียนโดย: Monster Racing

เมื่อ: 6 กรกฏาคม 2561 - 13:19

Mercedes-Benz Driving Events 2018 ยกทัพยนตรกรรมหรู สร้างประสบการณ์ขับขี่ปลอดภัย และเร้าใจเหนือระดับ

          บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำภาพผู้นำรถหรู ที่โดดเด่นทั้งในด้านนวัตกรรมยานยนต์ด้านความปลอดภัย ดีไซน์ และสมรรถนะ เดินหน้าจัดฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัยครั้งที่ 15 ในกิจกรรม Mercedes-Benz Driving Events 2018 เชิญสื่อมวลชน และลูกค้าคนสำคัญเสริมทักษะความรู้ และวิธีการขับขี่แบบปลอดภัย จากทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพจากประเทศออสเตรเลีย พร้อมขนทัพรถหรูรุ่นล่าสุด มาให้ร่วมทดสอบกันอย่างครบครันในทุกเซ็กเมนต์ อาทิ สุดยอดยนตรกรรมดีไซน์สปอร์ต The new CLS 300 d AMG Premium สปอร์ตคูเป้สุดหรู The E 200 Coupé AMG Dynamic รถยนต์เปิดประทุนแบบ 4 ที่นั่ง S 500 Cabriolet AMG Premium ณ สนามพีระเซอร์กิต พัทยา

 

กองทัพ Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG กว่า 21 คันพร้อมทำการทดสอบ

 

          นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดเตรียมยนตรกรรม Mercedes-Benz ระดับพรีเมียมกว่า 10 รุ่น สำหรับการฝึกไว้กว่า 21 คัน ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ในกลุ่ม Compact Car อย่าง CLA 250 AMG Dynamic และ GLA 250 AMG Dynamic กลุ่ม Contemporary Luxury อย่าง C 350 e AMG Dynamic, E 350 e AMG Dynamic และ S 350 d AMG Premium กลุ่ม Dream Car อย่าง C 250 Coupé AMG Dynamic และ E 300 Cabriolet AMG Dynamic และกลุ่ม SUV เช่น GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic และ GLC 250 4MATIC Coupé AMG Plus เป็นต้น รวมถึงกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงจากแบรนด์ Mercedes-AMG อาทิ Mercedes-AMG SLC 43, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG A 45 4MATIC และ Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC นอกเหนือจากการฝึกทักษะด้านความปลอดภัยแล้ว ทุกท่านยังจะได้สัมผัสถึงสมรรถนะการขับขี่อันดีเยี่ยม ความโฉบเฉี่ยวเร้าใจสไตล์สปอร์ต ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของ Mercedes-Benz รวมถึงความสามารถในการตอบสนองที่รวดเร็ว ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ได้เป็นอย่างดีของรถยนต์ Mercedes-Benz ทุกรุ่นอีกด้วย

 

ทีมผู้ฝึกสอนสั่งตรงจากประเทศออสเตรเลีย ดีกรีระดับนักแข่งชั้นแนวหน้าของโลก

 

          โดยกิจกรรมฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย “Mercedes-Benz Driving Events 2018” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-8 กรกฎาคม 2561 โดยแบ่งผู้เข้ารับการอบรมออกเป็นกลุ่มต่างๆ เพื่อเข้าอบรมในแต่ละวัน และดำเนินการฝึกอบรมในสนามพีระเซอร์กิต พัทยา ซึ่งหลักสูตรการฝึกอบรมในครั้งนี้ จะแบ่งการทดสอบออกเป็น 3 ฐาน ได้แก่ การขับแบบสลาลม (Slalom) ด้วยความเร็วสูง, การเปลี่ยนช่องทางวิ่งแบบกะทันหัน (Land Change) พร้อมเรียนรู้อาการของรถ และการควบคุมรถอย่างถูกวิธี, การเบรกแบบฉุกเฉิน (Emergency Braking) เมื่อพบเจอสิ่งกีดขวางหรือถูกตัดหน้ารถแบบกะทันหัน พร้อมเรียนรู้ระยะทางการหยุดรถแบบปลอดภัยด้วยระดับความเร็วต่างๆ หรือการหักหลบสิ่งกีดขวางบนถนนเปียกลื่น พร้อมเปรียบเทียบอาการเสียการทรงตัว อาการเข้าโค้ง และหลุดโค้ง (Under/Over Steering) เป็นต้น ปิดท้ายด้วยการขับแบบ Hot lap เพื่อให้ทุกท่านได้ทดสอบสมรรถนะรถยนต์ในสนามอย่างเต็มที่อีกด้วย

 

ทดลองใช้ระบบ Race Start ใน Mercedes-AMG A 45 4MATIC

 

โดย 3 ฐานทดสอบหลักสามารถแบ่งออกเป็น 5 สถานีย่อยดังนี้

1. Acceleration Test Station

          เริ่มต้นกันที่สถานี Acceleration Test ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นสถานีที่ทีมงาน BoxzaRacing ชอบมากๆ เพราะเป็นการทดสอบด้านอัตราเร่งของยนตรกรรม Mercedes-Benz หลากหลายรุ่น รวมไปถึงการทดลองใช้ระบบ Race Start ที่อยู่ในยนตรกรรม Mercedes-AMG ทั้งรุ่น Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe และ Mercedes-AMG A 45 4MATIC ซึ่งการใช้งานระบบ Race Start นั้น ก็ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด เริ่มต้นด้วยการผลักคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง D (เกียร์เดินหน้า) จากนั้นกดปุ่ม Paddle Shift +/- พร้อมกันค้างไว้ประมาณ 3 วินาที จนมีคำสั่งเริ่มใช้งานโหมด Race Start ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ จากนั้นให้เอาเท้าซ้ายเหยียบที่แป้นเบรค พร้อมกับกดปุ่ม Paddle Shift + 1 ครั้ง และเหยียบคันเร่งค้างไว้ แค่นั้นคุณก็จะพร้อมสำหรับเริ่มออกตัวในโหมด Race Start แล้ว โดยรอบเครื่องยนต์จะถูกดันให้สูงขึ้น พร้อมเสียงคำรามของเครื่องยนต์ที่กรอรอพร้อมออกทะยาน เมื่อคุณมั่นใจว่าพร้อมแล้ว ก็สามารถปล่อยแป้นเบรคได้เลย ตัวรถจะส่งกำลังไปยังล้อทั้ง 4 พุ่งทะยานตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และไม่มีอาการฟรีทิ้ง หรือสะบัดให้เหวอแม้แต่น้อย ซึ่งเป็นสถานีที่ทางทีมงาน BoxzaRacing วนไปเล่นอยู่หลายรอบมากจริงๆ

 

Mercedes-AMG SLC 43 ก็มีให้ได้ทดสอบในสถานี Handling Course Station ด้วย

 

2. Handling Course Station

          มาต่อกันที่สถานีที่ 2 กันต่อ กับสถานี Handling Course ซึ่งเป็นสถานีทดสอบสมรรถนะการขับขี่ของยนตรกรรม Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่ง, ระบบเบรค, การทรงตัว และระบบช่วยเหลืออันล้ำสมัยต่างๆ รวมไปถึงเป็นการฝึกผู้ขับขี่ให้ได้รู้ถึงจังหวะการเบรค, น้ำหนักการเบรค, การควบคุมพวงมาลัย และไลน์ของโค้งต่างๆ ซึ่งทางทีมงานผู้ฝึกสอนจะตั้งไพล่อนไว้ให้แบบพอดีตัวรถ โดยจะกำหนดจุดเบรค และไลน์โค้งไว้ให้ที่สามารถไปได้เร็วที่สุด โดยมีสลับทั้งโค้งซ้าย-ขวา, โค้งแคบ และ U-Turn ซึ่งยนตรกรรมของ Mercedes-Benz และ Mercedes-AMG สามารถพาทีมงาน BoxzaRacing ผ่านทุกด่านทดสอบไปได้อย่างง่ายดายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก

 

อัตราเร่งดีแค่ไหน ระบบเบรคก็ต้องดีตามกันด้วย

 

3. Braking Skills Station

          สำหรับสถานีที่ 3 นี้ เป็นอีกหนึ่งสถานีที่ทางทีมงาน BoxzaRacing ถูกใจมากๆ เช่นกัน โดยสถานีนี้จะเป็นการขับแบบ Drag Race โดยให้รถทั้ง 2 คันจอดออกพร้อมกันที่หน้าเส้น แต่ทว่าทางผู้ฝึกสอนได้กำหนดจุดเบรค และตั้งไพล่อนเอาไว้ให้เบรคอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมที่กำหนด ซึ่งนอกจากจะต้องรู้จังหวะการออกตัวที่ดีแล้ว การรู้ระยะเบรค และการควบคุมการเบรคแบบฉุกเฉินจน ABS ทำงาน ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ และเป็นสิ่งที่จะช่วยให้คุณปลอดภัย และผ่านอุปสรรค์อันตรายไปได้เมื่อเกิดเหตุการณ์ในสถานการณ์จริง ซึ่งก็แน่นอนละครับว่ายนตรกรรม Mercedes-Benz ทั้ง 10 กว่าคัน สามารถสอบผ่านอย่างฉลุย

 

เบรคธรรมดาให้อยู่ในกรอบว่ายากแล้ว เจอเบรคกระทันหัน และหักหลบด้วยหน่อยเป็นไง

 

4. Emergency Testing Station

          ถัดมาอีกสถานีจะเพิ่มดีกรีความยากขึ้นไปอีกระดับ โดยนอกจากจะต้องเบรคให้ระบบ ABS ทำงาน และอยู่ภายในกรอบสี่เหลี่ยมที่กำหนดไว้แล้ว คราวนี้จะเป็นการเบรคจน ABS ทำงาน และหักหลบอุปสรรค์ทั้งซ้าย และขวา ซึ่งอุปสรรค์ที่ว่านี้จะทำการสุ่มเลือกว่าจะกำหนดให้เราไปทางซ้าย หรือทางขวากันแน่ ซึ่งบอกเลยว่าเป็นด่านที่ท้าทายเอามากๆ โดยเริ่มสตาร์ทออกไปเมื่อถึงจุดที่กำหนดจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับ และกระพริบไฟซ้าย (ให้เราไปทางซ้าย) กระพริบไฟขวา (ให้เราไปทางขวา) โดยที่ข้างหน้ามีไพล่อนตั้งจำลองเป็นอุปสรรค์ที่จะต้องให้เราหลบไปให้ได้ โดยการเบรคจนระบบ ABS ทำงาน และหักพวงมาลัยอย่างไว จนไปถึงจุดปลอดภัย และเบรคจนรถหยุดนิ่ง ซึ่งบอกเลยว่าสถานีนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้เมื่อเกิดสถานการณ์จริงในชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัยแน่นอน

 

Dynamic Response ฝึกขับแบบสลาลม (Slalom) ด้วยความเร็วสูง

 

5. Dynamic Response Station

          ปิดท้ายกันที่สถานีสุดท้าย กับ Dynamic Response ซึ่งก็เป็นการฝึกขับแบบสลาลม (Slalom) ด้วยความเร็วสูง อีกทั้งยังเป็นการขับสลาลมแบบขึ้นเนิน และลงเนินอีกด้วย ซึ่งถึงแม้จะใช้ไพล่อนอันเดียวกัน มุมองศา และระยะทางที่เท่ากัน แต่อาการของตัวรถทั้งขาขึ้น และขาลงกลับแตกต่างกัน ซึ่งต้องมีการแก้อาการ และระยะเบรคของตัวรถที่แตกต่างกันออกไป โดยจังหวะขาลงอาจจะต้องชะลอความเร็ว แตะเบรค แล้วจึงค่อยหักพวงมาลัย ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอาการ Under Steering ได้ แต่ถ้าหากสะบัดพวงมาลัยแรงเกินไปจนท้ายออก ก็จะเกิดอาการ Over Steering ได้ ซึ่งต้องควบคุมน้ำหนักพวงมาลัยให้ดี และสัมพันธ์กับความเร็วของตัวรถ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการทดสอบในด่านนี้

 

 

          ทั้งนี้ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับประสบการณ์จริงจากการฝึกทักษะแต่ละด้าน และได้รับทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากระบบความปลอดภัยอันก้าวล้ำจากนวัตกรรมด้านความปลอดภัยของ Mercedes-Benz ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแนวคิดในการผลิตรถยนต์ Mercedes-Benz ทุกรุ่น โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางทีมวิศวกรของบริษัทฯ ได้ทำการค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ที่สามารถเตรียมการป้องกันได้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ด้วยระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist), ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist), ระบบช่วยเบรก (BAS - Brake Assist), ระบบ LED Intelligent light system ส่องสว่างอัจฉริยะ เทคโนโลยีช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS) ช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้นโดยป้องกันไม่ให้ล้อการเกิดล็อคตัว

 

 

          ความช่วยเหลือนี้ทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถยนต์ได้อย่างต่อเนื่องต่อไป เช่น ในระหว่างการขับขี่หลบหลีกสิ่งกีดขวาง หรือเมื่อเบรกบนพื้นผิวถนนที่เปียกลื่น ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (ASR) ช่วยลดการหมุนฟรีของล้ออย่างเป็นอิสระ เพื่อป้องกันไม่ให้รถยนต์ลื่นไถลเสียการทรงตัว ระบบ PRE-SAFE ที่ประสานรวมคุณสมบัติด้านการป้องกันก่อนเกิดเหตุ และปกป้องขณะเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกัน ระบบมีความสามารถรับรู้ถึงสถานการณ์ฉุกเฉินล่วงหน้า และสั่งการให้มาตรการป้องกันเบื้องต้นทำงาน เพื่อป้องกันผู้โดยสารที่อยู่ภายในรถในกรณีที่อุบัติเหตุกำลังจะเกิดขึ้น มาตรการนี้ประกอบด้วยการทำงานของเข็มขัดนิรภัยรั้งกลับอัตโนมัติ และการเลื่อนปิดกระจกหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ทุกบานโดยอัตโนมัติ เทคโนโลยีช่วยเหลือขณะเกิดอุบัติเหตุ อย่าง ถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร และเซนเซอร์ล่วงหน้า ที่สามารถลดเวลาระหว่างการชนปะทะ และการทำงานของเข็มขัดนิรภัยให้สั้นลง ถุงลมนิรภัยสามารถพองตัวขึ้นใน 2 ระดับ โดยเป็นการพองตัวขึ้นล่วงหน้าระดับหนึ่ง และสอดคล้องกับสถานการณ์อีกระดับหนึ่ง หรือเทคโนโลยีช่วยเหลือหลังเกิดเหตุ เพื่อลดความเสียหายที่ตามมาหลังเกิดอุบัติเหตุ และช่วยเหลือการทำงานของทีมให้ความช่วยเหลือ การทำงานที่แตกต่างกันหลายรูปแบบจะเริ่มต้นทำงานโดยขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของการชนปะทะที่ระบบบันทึกไว้ โดยเทคโนโลยีทั้งหมดถูกสร้างขึ้นเพื่อมอบความปลอดภัยสูงสุดตลอดการเดินทางให้แก่ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือแม้แต่ผู้ร่วมเดินทางบนท้องถนน

 

นอกจากจะได้ความรู้ และความปลอดภัยเพิ่มขึ้นแล้ว ยังได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากทาง Mercedes-Benz ด้วย

 

          หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกทุกฐานแล้ว ผู้ขับขี่จะมีความเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีความปลอดภัยอันทันสมัยที่ติดมากับตัวรถได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านที่ผ่านการฝึกอบรมฯ จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากทางบริษัทฯ อีกด้วย

 

 

          นับว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ จาก Mercedes-Benz ที่จะผลักดัน และช่วยส่งเสริมให้ผู้ขับมีประสบการณ์ ความชำนาญ และช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น ซึ่งครั้งนี้ทางทีมงาน BoxzaRacing ต้องขอขอบคุณ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ขึ้นมา

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook