เขียนโดย:

เมื่อ: 4 กรกฏาคม 2561 - 10:12

ภาพโดย: Refresh

Refresh

MAZDA CX-5 2.0 SP เครื่องยนต์เบนซิน 165 แรงม้า อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี SKYACTIV

 

          เป็นยุคที่ SUV ครองเมืองไปแล้วก็ว่าได้ มองไปทางไหนก็เห็นแต่รถยกสูง รถอเนกประสงค์ หรือรถ SUV กันแทบทั้งนั้น ตลาดรถเก๋งยอดตก ตลาด SUV มาแรงมากจริงๆช่วงนี้ อาจเป็นเพราะสภาพถนนในบ้านเราที่เป็นหลุมเป็นบ่อในทุกเส้นทาง หรือสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้วิถีในการเลือกซื้อรถสักคันเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ใช่ว่ารถเก๋งจะขายไม่ได้ ตัวเลขยอดขาย กลับไปอยู่ที่รถเก๋งเล็ก หรือ ECO Car เสียเป็นส่วนใหญ่ซึ่ง SUV ในบ้านเราเองก็พัฒนาขึ้นไปอย่างมาก ทั้งออฟชั่นที่ให้มา รวมถึงความสะดวกสบายที่มีให้ไม่ต่างจากรถเก๋งเลย จึงทำให้ยอดขาย SUV โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

 

          Mazda CX-5 เป็น SUV อีกรุ่นที่น่าจับตามอง ด้วยดีไซน์ที่เรียบหรู และเทคโนโลยี SKYACTIV เอกสิทธิ์เฉพาะของ Mazda จึงทำให้ Mazda CX-5 มียอดขายที่ดีขึ้นเป็นลำดับ 

 

 

           ภายนอกดีไซน์ใหม่ เน้นเรียบหรู ด้วยเส้นสายที่ชัดเจน โดดเด่นด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่รวมไปถึงเส้นสายของไฟหน้าที่เพรียวมากขึ้น ซึ่งรับช่วงเส้นสายจากกระจังหน้าได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับไฟท้าย LED ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้ดูบาง และเพรียวมากขึ้น ซึ่งหากถามถึงเรื่องความสวยงาม และความลงตัวแล้ว Mazda CX-5 กินขาดเรื่องดีไซน์ที่เรียบหรูจริงๆ

 

 

          ภายในยังคงคอนเซ็ปต์เรียบหรูดูดีในทุกมุมมอง ด้วยวัสดุที่ให้ผิวสัมผัสที่นุ่มนวน ไม่แข็งกระด่างไร้ชีวิตชีวา แถมด้วยดีไซน์ที่รับอิทธิพลมาจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว บริเวณกลางคอนโซล ช่องแอร์ดีไซน์ใหม่ที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว รวมไปถึงแผงระบบเครื่องปรับอากาศที่เป็นแบบดิจิตอล ในแบบมือหมุน ให้อารมณ์รถสปอร์ตไปอีกแบบ แถมด้วยเครื่องเสียงคุณภาพจากลำโพง BOSE ที่ซ่อนอยู่ในจุดต่างๆภายในห้องโดยสารถึง 10 ตัว แค่นี้ชีวิตการเดินทางที่ต้องเจอการจราจรที่ติดขัดในเมือง ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่อและจำเจอีกต่อไป

 

 

          นอกจากดีไซน์ที่เรียบหรูแล้ว Mazda CX-5 ยังจัดเต็มระบบอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรกมือไฟฟ้า ระบบ Auto Hold แอร์หลัง ระบประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า ช่องเสียบ USB 2.1A บริเวณที่เท้าแขนผู้โดยสารตอนหลัง เป็นต้น

 

 

          ส่วนความพิเศษขอเบาะนั่งนั้น นอกจากจะโอบรับในทุกสัดส่วนของผู้ขับขี่แล้ว เบาะนั่งแถวหลังสามารถปรับเอนได้ และยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40 โดยแบ่งเบาะหลังออกเป็น 3 ส่วนแย่งจากกันอย่างอิสระ ทำให้การพับเบาะมีความหลากหลายมากขึ้นนั่นเอง แต่ขาดฟังก์ชั่นอยู่อย่างที่รถ SUV ควรมีนั่นคือ ระบบที่ใช้เท้าเตะเปิดประตูฝาท้ายนั่นเอง ไม่น่าตัดออกเลยจริงๆ มันจะมีประโชชน์มากๆเวลาคุณถือของมาเต็มสองมือ

 

 

          ส่วนขุมพลังของ Mazda CX-5 ที่ทีมงาน Boxzaracing ได้ทดลองขับนั้น เป็นรุ่น 2.0 SP เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาดความจุ 2.0 ลิตร 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว กำลัง 165 แรงม้า PS ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 210 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แถมยังรองรับ E85 และเป็นระบบขับเคลื่อน 2 ล้ออีกด้วย ซึ่งถึงจะไม่แรงเท่าตัวเครื่องยนต์ดีเซล แต่ก็เหมาะมากกับการใช้งานในเมือง หรือออกเดินทางไกลบ้างเป็นครั้งคราว เครื่องยนต์และระบบขับเคลื่อนเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

 

 

        ระบบส่งกำลัง Mazda CX-5 2.0 SP เลือกใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด ให้อารมณ์สปอร์ตในทุกๆย่านความเร็ว ฉลาดและตอบสนองได้ดี ไม่หน่อมแน้มเน้นนุ่มนวนเหมือนเกียร์ CVT แต่เรื่องความประหยัดนั้น หากวัดกันจริงๆ เกียร์ CVT อาจจะทำได้ดีกว่าเล็กน้อย ซึ่งหากยังไม่พอใจอารมณ์ในโหมดธรรมดา ก็ยังมีโหมด Sport มาให้เล่นอีกด้วย ไม่ธรรมดาเลยสำหรับระบบส่งกำลัง

 

 

          จุดเด่นอีกจุดที่ทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสารฝันถึงมานานนั่นคือ ระบบ GVC (G-Vectoring Control) เป็นระบบที่คอยควบคุมสมรรถนะการขับขี่ให้แม่นยำมากขึ้น โดยระบบจะทำการประมวลผล ร่วมกับการบังคับพวงมาลัย ความเร็วของรถ การโยนตัวของรถ รวมไปถึงน้ำหนักการกดคันเร่ง เพื่อควบคุมแรงบิดของเครื่องยนต์ และควมคุมการถ่ายเทกำลังลงสู่ล้อ เพื่อให้เกิดการถ่ายกำลังให้เหมาะสม สู่ล้อแต่ละล้อ เพื่อให้รถเกาะถนนมากขึ้น และลดการโยนตัวมากขึ้น ซึ่งนั้นจะทำให้ผู้ขับขี่มันใจมากขึ้น ส่วนผู้โดยสาร ไม่ว่าจะเป็นตอนหน้า หรือตอนหลัง จะรู้สึกสบายมากขึ้น และลดอาการเมารถได้มากขึ้นนั่นเอง

 

 

          แถมด้วยระบบความปลอดภัยในการขับขี่ที่ใส่มาให้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบ MRCC (Mazda Rader Cruise Control) ที่จะควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันได้ พร้อมปรับรักษาระยะห่างจากคันหน้าได้ด้วย ซึ่งมีประโยชน์มาก ,ระบบเตือนเมื่อผู้ขับขี่เมื่อยล้า(Driver Attention Alert) ,ไฟหน้า LED อัจฉริยะปรับการทำงานอัตโนมัติ ,ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติ เมื่อตรวจพบว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นอย่างแน่นอน(Smart City Brake Support) ,ระบบเตือนเมื่อขับออกนอกเลน เป็นต้น ซึ่งระบบที่กล่าวมานี้ ล้วนแล้วแต่ใช้งานได้จริง และเซ็ตค่าไม่ยากหากต้องการใช้งาน 

 

 

          ด้วยราคาค่าตัว 1,530,000 บาทในรุ่น รุ่น 2.0 SP ถือว่าเป็น SUV ที่น่าสนใจอีกรุ่นในท้องตลาด เพราะหากเทียบกันแล้ว Mazda CX-5 2.0 SP ก็ไม่ได้เป็นรองใคร แถมยังเหนือกว่าในบางเรื่องเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเรื่องพละกำลัง อาจจะไม่จี๊ดจ๊าดเท่าเครื่องยนต์ดีเซล แต่ก็เพียงพอสำหรับครอบครัวไหนที่ใช้งานในเมืองเป็นหลัก และออกไปท่องเที่ยวกันบ้างในบางครั้ง แต่ถ้าใครชอบในความแรงเป็นชีวิตจิตใจ คงต้องหันไปหาเครื่องยนต์ดีเซล ที่มีราคาค่าตัวแพงกว่านี้อีกมากครับ

รถซื้อสอง ซื้อขายรถ ของแต่งรถ

ข่าวที่ใกล้เคียง

แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook